เป็นเรื่องแปลก แต่พอสังเกตุในหลายๆ ครั้งที่ไปช่วย พี่ธวัชและพี่หญิง นำกระบวนการ เสียงสะท้อนในช่วงที่ทำ AAR (AFTER ACTION REVIEW) ของผู้เข้าร่วมประชุม มักจะบอกว่า “มาครั้งนี้ทำให้รู้จักเพื่อนมากขึ้น” “มองเห็นในอีกมุมหนึ่งของเพื่อนที่ไม่เคยมอง” หรือแม้กระทั่ง “ได้รู้ความลับของเพื่อนเพิ่มมากขึ้น” เลยพลอยทำให้อยากหาคำตอบ ลองคิดไปคิดมาคำตอบน่าจะเป็น.....
ในกระบวนการที่ทาง สคส. จัดนั้นจะเป็นการใช้เทคนิค Storytelling และ Deep Listening ควบคู่กัน ซึ่งสองวิธีนี้เองน่าจะทำให้ผู้ฟังมีการฟังอย่างตั้งใจ ฟังโดยไม่ตัดสิน ทำให้ผู้ฟังรับรู้ถึงความหมายที่แท้จริง ที่ต้องการสื่อ ส่วนเรื่องเล่านั้นทาง สคส.ก็เน้นให้ออกมาจากประสบการณ์ของผู้เล่าเอง เพื่อที่จะบอกถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้เล่าออกมา เมื่อผู้ฟังตั้งใจฟัง ไม่โต้แย้ง และถามอย่างชื่นชมเป็นการฟังที่เปิดใจ ผู้เล่าก็จะยิ่งอยากเล่ามากขึ้น ทำให้เกิดความเข้าใจกันไปโดยปริยาย
กิจกรรมแบบนี้น่าจะประยุกต์ใช้ในการสร้างความเข้าใจ ความสัมพันธ์ และ ความสามัคคีในองค์กรได้ หากกำหนด หัวข้อ (ภาษาที่ สคส.เรียก หัวปลา หรือ KV) ที่เหมาะกับทุกคนในองค์กร เพื่อที่จะมาแลกเปลี่ยนเล่าประสบการณ์ของตนเองได้ ทั้งผู้เล่าและผู้ฟังก็จะได้ประโยชน์ ตรงกับคำที่ว่า “ยิ่งแลกเปลี่ยนยิ่งเรียนรู้ ยิ่งแลกเปลี่ยนยิ่งเข้าใจกัน”
Critical Success Factor ของ กระบวนการนี้ยังอยู่ที่ การที่ต้องทำให้ทั้งผู้เล่า และ ผู้ฟังเปิดใจ ยอมรับมีความเชื่อใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้เล่าเรื่องออกมา ดังนั้น กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ก็มีส่วนสำคัญเช่นกันที่จะช่วยเสริมให้กระบวนการนี้สำเร็จผลได้ดี....สรุปก็คือ กลุ่มสัมพันธ์ช่วยให้คนเปิดใจ KM ช่วยให้คนรับฟัง เมื่อนั้นคนจึงเข้าใจกัน
เค เอ็ม เมื่อจะทำให้เกิดผล ต้องปรับเปลี่ยน กระบวนการทำงานใหม่ หรือวัฒนธรรมองค์กรใหม่ เช่น พูดคุยกันก่อนลงมือทำงานให้บ่อยขึ้น ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที สรุปประเมินผลเป็นระยะ ลดความเป็นเจ้านายลงให้เป็นเพื่อนร่วมงาน ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง ทำเป้าหมายให้ชัดเจน เป็นต้น
deeplistening ผมว่าเป็นการฟังอย่างตั้งใจขณะที่คนหนึ่งกำลัง เสนอแนวทางการทำงาน ฟังโดยไม่โต้ตอบ ฟังแล้วไตร่ตรอง เอาหลายๆ คนมาสังเคราะห์เป็นทางเลือก ในกรณีเป็น cop เดียวกัน
ใช่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมเข้าใจอย่างนั้น
KM ทำให้คนเข้าใจกันมากขึ้นเพราะ Km ทำให้มองโลกในแง่ดี มองคนในทางบวก I am OK You are OK เกิด WIN-WIN ด้วยกัน ดิฉันว่านี่เป็นบางส่วนค่ะ
เห็นด้วยครับ สามารถสรุปชัดเจนมาก ทั้งหมดอยุ่ที่ใจของคน การฝึกจิต สมาธิ สติ สำคัญมาก แนวทางที่ สคส ทำผมเห็นว่า ไม่ยาก ชัดเจน ไม่เป้นทางการ
ขอบคุณ คุณวรชัย ที่ช่วยเพิ่มประเด็นถึงการพูดคุยกันก่อนทำงาน ซึ่งก็ช่วยทำให้สร้างความเข้าใจได้มากขึ้นจริงๆ
ขอบคุณ
ของคุณ พี่ดนัย ที่มาย้ำถึงความสำคัญของการเปืดใจและสมาธิ
ขอบคุณทุกท่านที่มาช่วยแลกเปลี่ยนและเต็มเติมซึ่งกันและกัน