ผมเป็นหนึ่งในคนกรุงเทพส่วนใหญ่ที่ใช้บริการขนส่งมวลชนทางบก หรือที่เรียกกันเป็นปกติว่า รถเมล์ มาโดยตลอด ซึ่งก็นับว่าประหยัดดี และทำให้สามารถใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ในการพักผ่อน(ถ้าไม่ต้องยืน) และคิดอะไรได้เรื่อย ๆ เนื่องจากไม่ต้องขับเอง หลายครั้งที่คำตอบในงานที่ทำเกิดขึ้นบนรถเมล์
แต่ในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าอุบัติเหตุจากรถเมล์หรือรถทัวร์เริ่มมีความถี่มากขึ้น และในขณะที่มีความต้องการประหยัดพลังงาน แต่คนก็ยังซื้อรถส่วนตัวเพิ่มขึ้น (ดูจากความลื่นไหลของทะเบียนรถ) ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการใช้บริการรถเมล์ไม่สะดวกสบายเท่าที่ควร เนื่องจากจะไปไหนต้องต่อรถหลายต่อ ควบคุมเวลาเดินทางไมได้ ยังไม่รวมรถเก่า เบาะขาด โดนเหล็กสนิมที่ประตูเกี่ยวเสื้อ วิ่งขึ้นรถจากข้างหลังเลยไม่รู้ว่าเป็นรถเสริม ฯลฯ
จริง ๆ แล้วน่าจะมีช่องทางที่ประชาชนผู้เสียภาษีสมควรจะได้รับการยกระดับความเป็นอยู่ในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องการใช้บริการขนส่งมวลชนมากขึ้น หรืออาจเป็นเพราะการแบ่งชนชั้นแบบแฝงที่แทรกซึมอยู่ในสังคมไทยที่ทำให้คนใช้รถเมล์ดูเป็นกลุ่มที่ต้องรับผิดชอบตัวเอง
ส่วนใหญ่เห็นเวลาจะพัฒนาอะไรมักจะอ้างเพื่อให้ทัดเทียมประเทศชั้นนำในอาเซียน จึงขออนุญาตเสนอแนวคิดว่าลองนำเรื่องสภาพรถโดยสารประจำทาง หรือราคารถไฟฟ้าที่ไม่แพงทั้ง ๆ ที่ค่าเงินเขาสูงกว่า มาพัฒนาดู พวกเราจะได้มีแรงหาเงินมาเสียภาษีกันเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ หากอยากให้กรุงเทพฯ มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น ก็คงต้องดูแลการเดินทางไปไหนมาไหนของเขาให้สะดวกด้วย
ทั้งหมดนี้ เนื่องจากในความเห็นส่วนตัวคือ การพัฒนาสังคมจะเกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือและเต็มใจจากคนที่เป็นสมาชิกในสังคม แต่หากคนส่วนใหญ่ยังมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตส่วนตัว และใช้พลังงานในการต่อสู้เพื่อการเดินทางทั้งก่อนและหลังไปทำงานมากไปแล้ว การพัฒนาคงเกิดขึ้นยาก
เข้ามาเยี่ยมชม Blog นักศึกษาค่ะ