และคุณเคยถามตัวเองหรือเปล่า ว่าเคยทำ 5 วิธี ที่กล่าวถึง
คุณลองมาดูกลุ่มเจ้าหน้าที่ศูนย์อนามัยที่1 ของเราดูบ้างว่าเขาได้อะไรจากการตรวจสุขภาพ และมีวิธีการดูแลเรื่องสุขภาพของตัวเองอย่างไรบ้าง เราได้รวบรวมมาเล่าในที่นี้แล้ว
บทสรุปจากการจัดกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์การส่งเสริมสุขภาพ " สุขภาพดีเริ่มที่ตัวเรา " เนื่องจากกลุ่มมีขนาดใหญ่ รวมทั้งเวลามีน้อยเพราะเราใช้เวลาในช่วงกลางวัน ที่ทุกคนจะสะดวกและต้องรับประทานอาหารกลางวันอยู่แล้ว มาเติมในส่วนที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพ ทั้งของตัวเอง และได้รับรู้ในภาพรวมทั้งศูนย์ว่ามีปัญหาสุขภาพด้านใดบ้าง เพื่อที่จะโยงให้ทราบถึงกิจกรรมต่อเนื่องที่จะต้องดูแลกลุ่มเสี่ยงที่เราตรวจพบให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรของกรมอนามัย ที่ต้องเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่นในด้านสุขภาพ เพื่อให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นแบบปลายเปิดจึงได้ใช้วิธีให้เขียน (เลยขาดพลังที่เกิดจากการพูดด้วยตัวเอง) แต่ก็สรุปออกมาให้เห็นชัดมาก ว่าจำนวนผู้ตอบ 158 คน รับรู้เกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองได้ดีถึงร้อยละ100คือรู้ว่าตัวเองมีอะไรที่ปกติหรือผิดปกติ เช่นรู้ว่ามีไขมันโคเลสเตอรอลสูง ไตรกลีเซอไรด์สูง น้ำหนักเกิน รอบเอวเกิน น้ำตาลเริ่มสูง ยูริคสูง ปัสสาวะมีเม็ดเลือดขาวมาก(จากดื่มน้ำน้อย) ความดันโลหิตสูง
และมีแนวทางปฏิบัติสำหรับตัวเองในเรื่อง ที่นำมารวบรวมเป็นคลังความรู้เกี่ยวกับสุขภาพได้ดังนี้ 1.ต้องหันมากินผักสดและผลไม้มากขึ้น (ปกติไม่ชอบกิน)
2.ออกกำลังกายทุกวันๆละ15นาที (เพราะทำแบบนี้นี่เอง จึงเป็นคนมีสุขภาพดี คิดเวลาที่ได้ใน 1 สัปดาห์คือ 105 นาที ตามเกนณ์ขั้นต่ำที่กำหนดให้ออกกำลังเลย คือครั้งละ30นาที อย่างน้อย 3 วันใน 1 สัปดาห์ ยังเหลืออีก 15 นาที ด้วย อย่างนี้เรียกว่าออกสะสม )
3.ไม่กินอาหารมันและหวานจัด เค็มด้วย 4.เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย 5. ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอ (คนนี้ ปกติ ดื่มอย่างว่าด้วย)
6.กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ (ปกติ คงกินไม่ครบหรือจัะ) 7.ลดอาหารทะเล ทุกอย่าง (ยกเว้นปลา เราเติมเองแหละ ) 8.ไม่กินเนื้อ ไก่ติดมัน หนังไก่ทอด(จะห้ามใจได้เหรอ ลองดูก็แล้วกัน ว่าจะลดคลอเรสเตอรอลได้มั้ย ) 9.เลือกกินอาหารสุขภาพ อย่างเช่นวันนี้ที่เรากินใช่ม๊ะ และคอยหมั่นชั่งน .น ตัวเอง
10.ทำงานบ้านด้วยตัวเอง (เห็นยังว่ามีคนใช้ แล้วทำให้เราไม่แข็งแรง) 11.กินอาหารให้ครบ 3 มื้อ ให้อิ่มพอดี(คืออย่าต้องถึงเรอ) และกินมื้อเย็นให้น้อยลง
12.ออกกำลังกายโดยการเดินทุกวัน (ง่ายๆดีเน๊าะ) 13.ดื่มน้ำสอาดวันละ 7-8 แก้ว 13. ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี 14.ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส มีอารมณ์ขัน และทำงานด้วยความสนุก
15.กินกะทิให้น้อยที่สุด 16.ออกกำลังกายทุกครั้งที่มีโอกาส เช่น วิ่งเล่นกับลูก ชวนลูกออกกำลังกาย และเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิพท์
17.เวลากินอาหารให้เคี้ยวช้าๆ 18.ไม่กินจุกจิก 19.ทุกเช้าก่อนลุกจากเตียงจะถีบจักรยานในอากาศ ยกขาขึ้นลง ครั้งละ 30 ครั้ง
20.ไม่รับประทานมากเกินไป 21.ออกกำลังกายโดยวิ่งสายพานไฟฟ้าสับดาห์ละ 2-3 ครั้ง 22.ขึ้นรถเมลมาทำงาน แทนการขับรถ (ดีนะ ไม่แนะนำให้เดินมาทำงาน เพราะจะประหยัดสุดๆเลย) 23.พยายามสร้างนิสัยหรือเตือนตัวเองในเรื่องออกกำลังกาย(ท่านนี้ แกไม่ชอบออกกำลังกาย)
24.หาเวลาออกกำลังกาย (อย่าหานานนะป้า เดี๋ยวจะไม่ได้ออกซะที) 25.จะพยายามออกกำลังกายและไม่กินของหวาน น้ำอัดลม (มันติดมาแล้วนี่)
26.ไม่นอนดึก และดื่มน้ำอุ่น 27.จะลดด้วยการไม่กินหมูกรอบ 28.ไม่กินอาหารรสจัด 29.ใช้วิธีเดินเร็วเป็นประจำ ในการออกกำลังกาย 30.ไม่ดูดบุหรี่(คนนี้ชอบดูด) 30.มีสุขภาพจิตดี มองโลกในแง่ดี จะไม่เครัยด 31.อยู่ในอากาศบริสุทธิ์(ขยายความว่าให้ดูแลสิ่งแวดล้อมในบ้านนั้นแหละให้ดี)
32.พักผ่อนให้พอเพียง 33.หันมากินอาหารธรรมชาติให้มากขึ้น เช่น ข้าวกล้อง 34.งดเครื่องดื่มชา กาแฟ 35.ปรับการกิน ไม่ตามใจปาก
36.ติดตามข่าวสารสุขภาพ และพบแพทย์ตามนัด
และนี่คือบางส่วนของหน้าตาคนที่มีสุขภาพดีของเรา
เป็นอย่างไรบ้างคะ เรื่องราวของสมาชิกชาวศูนย์อนามัยที่1 ที่เรารวบรวมมาถ่ายทอดให้ชาวบล็อกได้อ่าน นี่เป็นแค่วิธีย่อยๆ ที่ยังไม่ได้ลงลึกในกลุ่มเสี่ยงเลยนะ แล้วเราจะนำมาเล่าอีก (กิจกรรมนี้จะเป็นกลุ่มย่อยๆกลุ่มละ10คน ไปเข้าค่ายสุขภาพครั้งละ5กลุ่มย่อย คือ50คน คงได้เล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในกลุ่มได้ทั่วถึง ใช้เวลา 2 คืน แทรกด้วยกิจกรรมการออกกำลังกาย บรรยายความรู้ ฝึกปฏิบัติ ออกแบบการออกกำลังกายที่เหนื่อยพอดีสำหรับตัวเองเป็น พร้อมกับการบันทึกการกินลงในสมุดบันทึก และสามารถคำนวนพลังงานจากอาหารที่ร่างกายได้รับเข้าไปได้)
ในส่วนการบันทึกเป้าหมายการดูแลสุขภาพครั้งนี้ เกือบร้อยละ100 อีกเช่นกัน ที่อยากจะมีผลตรวจสุขภาพดีตลอดไป (ในรายที่เป็นคนสุขภาพดีอยู่แล้ว พูดง่ายๆอยากเป็นแชมป์สุขภาพ ไม่อยากลงจากแชมป์ ) ส่วนคนที่ทราบว่าตัวเองผิดปกติในเรื่องใด ก็อยากจะปรับแก้ไข สิ่งนั้นๆ ทำให้เราพอจะประเมินความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้าได้ว่า ไม่น่าจะยากเท่าใดนัก เพราะตอนนี้ทุกคนเหมือนมีใจและตื่นตัวอยู่แล้ว เราก็ใส่ INPUT เข้าไปอีกสักเล็กน้อย ซึ่งคิดว่า KM น่าจะมาเติมเต็มในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี เราทำกับผู้รับบริการที่เป็นผู้สูงอายุ ยังได้ผลดีเลย ลองดูว่าถ้าในกลุ่มที่เป็นเจ้าหน้าที่แล้วจะออกมาอย่างไร คอยติดตามตอนต่อไปนะคะ รุ่นแรกที่จะไปนี้คือ 4-6 เม.ย 50 นี้ค่ะ ผู้สื่อข่าวจะรายงานด่วนจ้า
ดีจังคะ ดีทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิตเลยนะคะ
... หนูอุ้ยต้องลองใช้เครื่องมือ bullet บ้างแล้วละคะ ที่เป็นหัวข้อจะได้ขึ้นบรรทัดใหม่ และอ่านได้ง่าย
คุณอุ้ยขา
ตามคุณหมอมาอ่าน
แต่เมา(เวียน)หัวนิดหน่อย
เยี่ยม ๆ ๆ ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี รวมทั้งผู้อ่านด้วย(แต่ต้องช่วยตัวเองก่อน...อิอิอิ...)
หมอนนท์คะ
ขอบคุณมากค่ะ ที่ให้กำลังใจเสมอมา อุ้ยใช้ WORD PAD พิมพ์ คิดว่าจะตบแต่งก่อน เอาขึ้น BLOG แต่ยังทำไม่ได้เลย ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
คุณสมพรค่ะ
ขอบคุณนะคะที่แวะเข้ามาให้กำลังใจ และต้องขอโทษที่ทำให้เมา (จากอ่านเรื่องเล่า หรือเปล่าค่ะ)
สัญญา ว่า คราวหน้าจะรายงาน ไม่ให้คนอ่านเมาจ้า