ระยะนี้หมอกควันที่เชียงใหม่ลดลงกว่าเดิมมาก ทำให้อากาศดีขึ้น ส่วนสาเหตุของการเกิดวิกฤติของอากาศที่เชียงใหม่ที่ผ่านมานั้น ตามหน้าหนังสือพิมพ์ สื่อต่างๆ ได้กล่าวถึงสาเหตุของหมอกควันหลายสาเหตุด้วยกัน ประเด็นที่เรามักได้ยินก็คือ ชาวเขาเผาป่าทำให้เกิดหมอกควันและมลภาวะทางอากาศ
ในความเป็นจริงก็คือ หมอกควันครั้งนี้เกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ชาวบ้านหรือพี่น้องชาติพันธุ์ก็มีส่วนในการก่อเหตุอยู่บ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะจากสถิติที่ผ่านมา ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายนของทุกปีมักจะมีการเผาป่า เผาไร่นาอยู่เป็นประจำ ควันที่เกิดจากการเผาในปีที่แล้วก็คงมีพอๆ กับปีนี้ แล้วทำไมปีนี้จึงเกิดภาวะหมอกควันที่เชียงใหม่ (รวมถึงจังหวัดอื่นทางภาคเหนือ) มากผิดปกติ เราลองมาวิเคราะห์กันดูครับว่า
-เป็นไปได้ไหมที่หมอกควันเหล่านี้เกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกที่เรียกว่า เอล นิโญ หมอกควันเลยมากผิดปกติ
-ช่วงพืชสวนโลกมีนักท่องเที่ยวมาที่เชียงใหม่มาก ควันไอเสียจากรถยนต์นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่สะสมมาตลอด 3 เดือนนั้นจะมีส่วนทำให้เกิดหมอกควันหรือไม่
-การเผาป่าและไร่นาที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพม่า ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ด้วย
ตามความเห็นของผมแล้ว เราไม่ควรโทษใครหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก่อนที่จะฟันธงลงไป ลองมาวิเคราะห์หาสาเหตุร่วมกันแล้วจะพบว่า ตัวเราเองก็มีส่วนในการทำให้เกิดหมอกควันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการท่องเที่ยวนักหรือ? เกี่ยวครับเพราะพี่น้องหลายๆ ท่านคงอยากไปแอ่วสงกรานต์ปี๋ใหม่เมืองที่เชียงใหม่ หรืออยากไปชมความแปลกตาของสภาพป่าหลังจากถูกไฟไหม้ก็เป็นได้ :-)
ความจริงก็คือ ถ้าไม่อยากเผชิญหมอกควัน ก็คงไม่ต้องไปเที่ยวที่ไหนเลย เพราะสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งในเมืองไทยล้วนแต่มีรถเยอะ คนแยะ ควันไอเสียก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา ฉะนั้น ถ้าอยากไปเที่ยวใช่วงนี้ก็วางแผน เตรียมตัวเตรียมใจเผชิญสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งอาจจะไม่รุนแรงอย่างที่สื่อบอกไว้ก็ได้
หากอยากลองท่องเที่ยวไปพร้อมกับการเรียนรู้ เปิดหูเปิดตา เปิดโลกทรรศน์หรือมิติใหม่ๆ ลองท่องเที่ยวไปในชุมชนท้องถิ่นหรือที่เรียกว่า การท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่มีเครือข่ายชุมชนอยู่มากมายทั่วประเทศไทย
สำหรับผมคงไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน คงได้แต่ไปรดน้ำดำหัวคนเฒ่าคนแก่ ญาติผู้ใหญ่ที่นับ ซึ่งถ้าจะให้ครบทุกท่านนั้น วันหยุด 3-4 วันก็หมดแล้วครับ
ไม่มีความเห็น