นิราศเมืองกาญจน์


ไปเที่ยวเมืองกาญจน์
สิบสี่ตุลาคมสมใจนัก

          จากคนรักไปไกลใจห่วงหา     ในอุราคิดถึงทุกคืนวัน

  ได้เวลาหกโมงเช้ารถล้อหมุน            ชุลมุลวุ่นวายเหล่าคุณครูปราโมชฯมาพร้อมกัน   ล้วนแต่งตัวสีสันงดงามดี                   จุดมุงหมายคือถิ่นประวัติศาสตร์  เรืองอำนาจนักรบแห่งกรุงศรีฯ   พวกพม่าข้ามด่านมาโจมตี  ต่างพ่ายหนีไม่กล้ามาโรมรัน                   ในปีนี้คนสำคัญนั้นมาด้วย               ทั้งผู้ช่วยและครูใหญ่ใจสร้างสรรค์          อปม. ปมร. มาด้วยกัน                            ผูกสัมพันธ์ไมตรีมีสุขจริง                   การเอ่ยนามครั้งนี้คงไม่หมด            แต่งกลอนสดคิดคำนั้นยากยิ่ง          แม้ขาดตกบกพร่องตรองประวิง                 เพราะทุกสิ่งมีพลาดโปรดอภัย                   ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วเหล่าเพื่อนเพื่อน ไม่แชเชือนหาที่นั่งพักอาศัย

          นั่งเป็นคู่หาเพื่อนที่ถูกใจ                          พอนั่งได้เริ่มมีเสียงจำนรรจา

                   คุณครูใหญ่นั่งหน้ากับครูรจ             ช่างหมดจดน้องรองครูประจ๋า          ต่อมาเป็นครูอำพรคู่กับน้องยา                   ครูวรรณครูวราภรณ์ผู้อ่อนโยน                   ครูณัฐชนกครูวงเดือนก็เป็นคู่           ครูปุ๊กอยู่คู่ครูสร้อยไม่ห้อยโหน          ครูพิมพาน้องเก่งไม่ตระโกน                     ครูอ้วนโอนครูอ้อยอ่านสำราญใจ                   ครูทิพวรรณครูหมูดูสวยสด             ครูแมวจดครูบำเพ็ญเห็นสดใส          ครูน้อยครูอุบลครูแดงเลิศวิไล                    เอ๊เสียงใครสรวลเสเฮฮา                   เสียงครูแป๊ดแว่วดังฟังหัวเราะ          ช่างเหมาะเจาะอยู่ข้างครูเพ็ญจ๋า          นั่งยิ้มฟังมีความสุขเต็มอุรา                       ครูกานดาครูวิมนภัสร์พี่ใหญ่เรา                   ครูหน่อยร้องเพลงได้ไพเราะ            คู่เหมาะเจาะครูปรียานาฏไม่มีเหงา          เหล่าน้องน้อง อปม. ก็ไม่เบา                    ทุกคนเล่าต่างก็มีความสุขกัน                   ครูธานินทร์น้องโอ๋นั่นน่ารัก             หลายคนชักอิจฉาอย่าแปรผัน

          ขอให้มีความสุขทุกคืนวัน                         เสียงเฮกันเอ๊นั่นเสียงผู้ใด

                   อ๋อเป็นเสียงหญิงใหญ่ไฉไลหล้า        ขับขานมาฟังเพราะแสนสดใส

          ร้องเพลงเก่งร้องได้กว่าใครใคร                  ร้องทั้งไปและกลับไม่หลับเลย

                   พอเข้าเขตเมืองกาญจน์สราญจิต       ในอดีตเล่าขานนานเฉลย          พวกพม่าข้ามด่านโจมตีมิคุ้นเคย                ไม่อยากเอ่ยแค้นพม่ากันหลายคน                   สภาพภูมิประเทศล้วนธรรมชาติ       ป่าดื่นดาษภูเขาธารน้ำทุกแห่งหน

          มีความสุขที่ได้มาไม่กังวล                         ยินเสียงคนอธิบายสองข้างทาง

                   นั่นสุสานของชาวต่างประเทศ           เป็นพิเศษคนมาบูชาอยู่ไม่ห่าง          นั่นเขาชนไก่อยู่ข้างทาง                            นึกนึกพลางคิดถึงวรรณคดี                   เรื่องขุนช้างขุนแผนเลิศ                  ตอนกำเนิดพลายงามสมนามศรี          ออกเดินป่าคนเดียวมากาญจนบุรี               หาย่าทองประศรีหนีความตรม                   ได้ยินเสียงร้องเรียกว่าเจ้าเจ้า            แปลกใจเราคิดว่าเชื้อเจ้าสม          เจ้าธานินทร์ปิ่นนครห่อนนิยม                             ทุกคนชมเรียกหาเจ้าธานินทร์                   แน่ะครูอิ๊ดครูแอ๊ดก็มาด้วย              ครูอัญช่วยครูมดครูจุ๊ครูหมูถวิล

          ครูเปิ้ลครูกุ้งครูจุ๋มครูปลาครูภัทรยิน            สาวทั้งสิ้นน่ารักชักสุขใจ

                   เหล่าคุณครูอปม.ก็น่ารัก                 อ.ศุภโชคผู้พิทักษ์หัวเรือใหญ่

          แม้มีสิ่งขาดตกบกพร่องไป                        ขออภัยพี่น้องทุกคนมา
                   ไปเขื่อนศรีนครินทร์ช่างสวยนัก        ให้นึกรักธรรมชาตินั้นนักหนา          ต่อไปเที่ยวน้ำตกเอราวัณพา                      ใจโหยหาคู่มาอยู่เคียง                   มีน้ำตกเจ็ดชั้นบนหลั่นเขา               พวกเพื่อนเราเป็นสุขสนุกเสียง

          ได้ถ่ายรูปสวยกันอย่างพร้อมเพรียง             เฝ้ามองเมียงผู้คนสับสนดี

                   คนแข็งแรงขึ้นเขาไม่เหน็ดเหนื่อย     แต่เราเมื่อยขอแค่ชั้นหนึ่งนี่          แหงนมองฟ้าไม่เห็นยอดคีรี                      เพียงแค่นี้ก็เห็นเป็นบุญกัน                   จากน้ำตกกลับไปยังที่พัก                เอราวัณปริ๊นเซสดุจเสกสรร

          ชื่อหรูหราแต่น่าอนาถครัน                        ที่พักนั้นก็แทบจะกล้ำกลืน

                   ได้เวลาอาหารมื้อเย็นเล่า                 ปลาเหม็นคาวเสียงบ่นจำทนฝืน          แต่มีเกมสนุกเล่นเป็นพื้น                         ต่างกลับคืนห้องพักพำนักนอน                   พอรุ่งเช้ามีกาแฟและข้าวต้ม            ค่อยเหมาะสมทดแทนมื้อเย็นผ่อน          ได้เวลาท่องเที่ยวสำราญรอน                      ได้พักผ่อนแสนสุขสำราญใจ                   ได้ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติ              เฉลิมรัตนโกสินทร์ปิ่นไศล          สภาพทางต้นไม้ร่มรำไร                           เที่ยวถ้ำธารน้ำไหลใสเย็น                   ชื่อว่าถ้ำธารลอดตลอดนั้น               มีชั้นหินงอกหินย้อยไม่เคยเห็น          สวยงามมากเมื่อได้มาหายลำเค็ญ               ใครได้เห็นก็ต้องชมว่าสวยงาม                    จากนั้นไปสวนสัตว์ซาฟารี               เพื่อนเร็วรี่ถ่ายรูปข้างเสือขาม          เห็นมันนอนแยกเขี้ยวเหลียวมองตาม                   แต่เขาล่ามโซ่ไว้ใจกลัวจัง                   ต้องขึ้นรถที่เขาได้จัดไว้                  เขาไม่ให้เปิดกระจกกลัวพลาดพลั้ง          ทุกคนนั่งเรียบร้อยไม่เสียงดัง                     ใจก็ยังเต้นตึกตึกระทึกใจ                   มีทั้งกวางทั้งยีราฟตัวรามา               เจ้าควายป่าอยู่ในคอกออกไม่ได้          ซื้ออาหารป้อนให้สัตว์น่าสนใจ                   เขาไม่ให้โยนอาหารให้มันกิน                   ได้ถ่ายรูปท่าป้อนอาหารสัตว์            บ้างก็จัดท่าสวยสำรวยสิน

          ผ่านแดนเสือสิงโตกลัวถูกกิน                     นอนแลบลิ้นอ้าปากเห็นเขี้ยวฟัน

                   มองเห็นนกกระยางสีขาวเด่น           มองเหมือนเป็นนางแบบแอบไปฝัน          นกกระจอกเทศวิ่งมาน่าดูครัน                             บางคนเคยกินเนื้อและไข่มา                   บ้างชวนกันดูตัวเจ้าม้าลาย               เหมือนกับคล้ายวาดแต่งแต้มหนา          สัตว์หลายตัวเที่ยวขอกินไม่นำพา                ทั้งล้อมหน้าล้อมหลังรถพวกเรา                   ต่อจากนั้นไปชมการแสดง               จิตใจแข็งเล่นกับสัตว์ไม่มีเขลา

          จระเข้อ้าปากมันงับเอา                            กล้าไม่เบายื่นมือหัวใส่เข้าไป

                   ไปดูการแสดงของช้างบ้าง               เป็นตัวอย่างช้างยกขาน่าสงสัย          บางคนมองเห็นสะดือช้างหรือไร                 หัวเราะได้ทั้งวันไม่ฝันจริง

                   ตอนให้ช้างมานวดปวดเมื่อยพัก       เลือกเอานักท่องเที่ยวเหลียวมองมิ่ง

          นั่นอาจารย์กมลเทพน่ารักจริง                    นอนนิ่งนิ่งให้ช้างนวดปวดกายา

                   ต่อจากนั้นไปยังที่พักใหม่               อยู่ไม่ไกลสวนศรีกนกพรหา  

          ต้องแล่นรถลงหน้าผามา                           ในอุราหวั่นหวาดกันทุกคน                   ทางหักศอกเคี้ยวคดหน้าผาสูง บอกเพื่อนฝูงตั้งสติอย่าสับสน

          ทั้งคนขับมีสติปัญญาปน                           ไม่อับจนเปลี่ยนทางใหม่ดีใจครัน

                   ผ่านนาทีระทึกใจนึกสุข                  ลืมความทุกข์เศร้าใจไม่โศกศัลย์          เข้าที่พักศรีกนกพรรีสอร์ทกัน                    แสนตื้นตันเขาต้อนรับเราอย่างดี                   ได้นำน้ำมะขามมาให้ดื่ม                 ใจแสนปลื้มลืมนาทีระทึกนี่          ขึ้นห้องพักล้วนแต่ของดีดี                         ได้ขัดสีฉวีวรรณพลันสวยเลย                   ในคืนนี้มีเลี้ยงได้สนุก                    ได้คลายทุกข์ชาวปราโมชฯสุดเฉลย

          ทั้งร้องเพลงเล่นเกมได้ชื่นเชย                    นับเลขเผยผิดถูกคอยบอกกัน

                    พอรุ่งเช้ารับประทานอาหารเช้า         มีไข่ดาวขนมปังไส้กรอกสรรค์          มีข้าวผัดข้าวต้มน้ำส้มคั้น                          กินทั้งวันแสนอร่อยไม่น้อยเกิน                   เพื่อนพากันปั่นจักรยานไปเที่ยวถ้ำ    มันแสนช้ำชอกใจให้ขัดเขิน          ขี่ก็เป็นแต่เหนื่อยง่ายไม่ได้เพลิน                เที่ยวเดินเดินดูเขาแสนเศร้าใจ                   แต่บางคนนั้นมีมานะ                     ไม่ลดละฝึกเดี๋ยวนั้นก็เป็นได้          พวกไปเที่ยวบอกเหนื่อยยิ่งกระไร               ปั่นขึ้นเขายังไหวเพราะแรงดี                   คุณครูใหญ่ท่านนั้นเก่งนักหนา         ปั่นไปมาเชิงเขาคีรีศรี          มีครูรจเพื่อนพิทักษ์ดี                              ได้เป็นที่เบิกบานสำราญใจ                   ได้เวลาออกจากที่พักผ่อน               เที่ยวสัญจรตามทางระหว่างไศล          ถึงสะพานมรณะน่าแปลกใจ                      ไม่แวะไปแต่คิดการณ์ที่ผ่านมา                   รถแวะจอดให้เราซื้อของฝาก           บางคนอยากเที่ยวต่อไม่ท้อหา

          ไม่เหน็ดเหนื่อยปวดเมื่อยในกายา              เที่ยวเดินหาของฝากต่างต่างกัน

                   บ้างได้ขนมของกินน่าอร่อย             บ้างได้สร้อยเครื่องประดับสรรพสรร          จากนั้นไปเที่ยวซื้อเห็ดโคนกัน                             แล้วแบ่งปันของกินช่างดีจริง                   ต่อจากนั้นไปแวะที่วัดถ้ำเสือ            ดูเหลือเชื่อเล่าลือเรื่องเสือสิงห์

          เห็นเจดีย์สูงตระหง่านพานประวิง                มีคนวิ่งขึ้นบันไดไม่มีกลัว

                   บ้างก็ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าเลื่อน             ไม่แชเชือนเลื่อนลอยสูงสุดหัว          ใจสั่นสั่นหวั่นหวาดขลาดระรัว                    ไม่มีตัวเสือมาหายกังวล                   ได้กราบพระทำบุญหนุนนำส่ง          พระพุทธองค์คุ้มครองทุกแห่งหน

          ทำอะไรให้สำเร็จไม่มืดมน                        เกิดเป็นคนทำความดีคนเมตตา

                   ไหว้พระเสร็จมาพร้อมกันที่รถ                   ใจระทดต้องกลับแล้วนั่นหนา          คิดถึงบ้านคิดถึงคู่ที่จากมา                        เป็นเวลาสามวันกับสองคืน                   ทั้งได้เที่ยวได้สนุกกับเพื่อนเพื่อน      อย่าลืมเลือนผูกสัมพันธ์ไม่มีฝืน          มีความรักสามัคคีที่ยั่งยืน                          ทุกวันคืนเตือนใจได้ทุกครา

                   ชาวพี่น้องปราโมชฯให้รักกัน           ผูกสัมพันธ์ไมตรีอย่างนี้หนา

          แม้ทำงานเหน็ดเหนื่อยในกายา                  ในอุราไม่เหนื่อยก็แล้วกัน

                   ขอกราบขอบพระคุณท่านผอ.          เป็นผู้ก่อผู้อำนวยผู้สร้างสรรค์          ให้พวกเราได้ไปเที่ยวผูกสัมพันธ์                ไม่ลืมวันนิราศเมืองกาญจน์เอย   รักทุกคนค่ะ  
หมายเลขบันทึก: 87524เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2007 11:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน 2012 12:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท