จะทำอย่างไรดี คนไทย/สังคมไทยจึงสนใจการเรียนรู้และการจัดการความรู้ให้มากขึ้น


ความรู้คือตัวตัดสินการพัฒนาประเทศ.....จะขึ้นเขาหรือลงห้วย

 

 

 

ดูเหตุการณ์บ้านเมืองและสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคนไทยและสังคมไทย ในขณะนี้ มีความรู้สึกว่าเรามีแต่ปัญหาที่กำลังเพิ่มระดับความขัดแย้งที่มากขึ้นทุกวันๆ ล้วนมาจากการยึดมั่นถือมั่นในอำนาจ ในตัวตน ในแนวคิดของตัวเอง ซึ่งเป็นไปกันหมดทั้งเด็ก เยาวชนและผู้ใหญ่

ทำให้มองได้ชัดเจนว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่สนใจในการหาความรู้และจัดการความรู้ที่เป็นระบบ และคัดเลือกสิ่งที่ดีๆ นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเองและส่วนรวม..........สิ่งดีๆ คนดีๆ ที่มีอยู่ก็นับวันจะเป็นพลังน้อยนิดที่เหลืออยู่ ไม่รู้วันใดจะอ่อนแรงและหายไปในที่สุด

โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลเหลือเกิน คนไทย สังคมไทยจะเดินไปทางไหน เราได้เห็นคนอื่นบ้างหรือไม่ เราได้เห็นตัวเองบ้างหรือไม่ ......หากเราไม่เห็น เราจะมีอนาคตที่เป็นอย่างไร

รำพึงรำพัน......ก่อนที่จะเริ่มต้นการทำงานประจำวัน......เพื่อประเทศชาติต่อไป

ด้วยความปรารถนาดี

คำสำคัญ (Tags): #สังคมไทย
หมายเลขบันทึก: 87230เขียนเมื่อ 29 มีนาคม 2007 08:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

เรียนท่านอาจารย์พลเดช

  • ผมก็กำลังเริ่มการทำงานเช่นกันครับ

ด้วยความเคารพ

กัมปนาท

เรียนท่านพลเดชครับ

  • โดยส่วนตัวแล้วผมเห็นว่าลำพัง
    knowledge management เพียงอย่างเดียว
    คงไม่สามารถทำให้สังคมบริบูรณ์
    และเป็นสุขได้

ในประวัติศาสตร์จีน มีนักปราชญ์ อยู่มากมาย
มีองค์ความรู้แทบทุกแขนง
จนตกทอดมาถึงยุคปัจจบัน
พบว่ามีสงครามอยู่เป็นระยะ ๆ
ถึงแม้ว่าความรู้ทั้งหลายจะจำเพาะเพียงในรั้ว ในวัง

  • ผมเห็นว่า ความดี จริยธรรม คุณธรรม
    หิริโอตตัปปะ ต้องเป็นหัวหอกสำคัญของสังคม

หากไม่แล้ว ...
ความรู้ที่เราได้สร้าง ได้คิด ได้ค้นพบ
และแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ 
จะกลายเป็นการติดอาวุธให้คนเลวไป

เป็นเพียงความคิดเห็นหนึ่งครับ

ด้วยความเคารพครับ

เรียนคุณกัมปนาทครับ

ปีนี้เหมือนเป็นปีแห่งการทดสอบใจคนไทยครับ เป็นการทดสอบที่ค่อนข้างจะรู้อะไรกันมากพอสมควร เรียกว่ามีประสบการณ์กันมาแล้ว......อยู่ที่เวลาเผชิญวิกฤต จะเลือกทางเดินทางใด...........

ขอบคุณครับที่ช่วยกันทำงานให้ประเทศชาติ

ด้วยความปรารถนาดี

 

เรียนคุณ Kwanchai ครับ

ขอบคุณครับสำหรับข้อคิด ผมเห็นด้วยครับว่า ความดี จริยธรรม คุณธรรม และหิริโอตตัปปะ ต้องเป็นหัวหอกสำคัญของสังคม ซึ่งต้องมีในตัวของผู้นำที่จะมานำการเปลี่ยนแปลง

จึงอยู่ที่ว่า ผู้นำที่ว่านั้น จะเกิดขึ้นกับผู้ใด และผู้นั้นจะสนใจยอมมาเป็นผู้นำหรือไม่.....คนที่มีคุณสมบัติดังกล่าวน่าจะยังมีอยู่ไม่น้อยในสังคมไทยครับ ผมเชื่อเช่นนั้น แต่การจะทำให้คนดีๆ เหล่านั้นมาสนใจจะเป็นผู้นำ เพื่อนำการเปลี่ยนแปลง ผมยังกังวลอยู่ครับ....มีคำหนึ่งที่ใช้กันในหมู่นักวิปัสสนาสายคุณแม่สิริ กรินชัยคือ "ธรรมะจัดสรร" หากสร้างพลังบุญกุศลไว้ดีและมากพอแล้ว พลังธรรมะนั้นจะจัดสรรให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้น........ฟังดูเหมือนกับธรรมะก็มีการจัดการบุญกุศลเหมือนกันนะครับ

ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดเห็น

ด้วยความปรารถนาดี

จริงด้วยครับ ผมลืมคิดไปครับ

หากต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
คงหลีกเลี่ยงเรื่องแรงเสียดทานจากปัจจัยแวดล้อมไม่พ้น
ผมเคยได้ยินเรื่องคล้ายๆ ธรรมะจัดสรร เหมือนกันครับแต่เป็นนิกายหนึ่งของพุทธศาสนาที่สอนเรื่องศรัทธาเป็นหลัก

ขอบคุณมากครับ ที่ชี้แนะครับผม

เป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ ครับจิตมนุษย์ และเป็นเรื่องจริงที่ว่า"ความรู้ที่เราได้สร้าง ได้คิด ได้ค้นพบ
และแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ 
จะกลายเป็นการติดอาวุธให้คนเลวไป" ทำให้ผมนึกถึงไอน์ สไตนท์ที่ค้นพบสูตรสมการที่เอาไปทำระเบิดนิวเคลียร์.......ความรู้ที่กลายเป็นอาวุธ สามารถทำลายล้างโลกทั้งใบได้เลย น่ากลัวจริงๆ ครับ
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท