เห็นตัวเลขเป็นสี...ฟังดนตรีรู้สึกหวาน : ปรากฏการณ์ซินเนสทีเซีย


เชื่อไหมว่า มีคนพิเศษในโลกนี้จำนวนหนึ่งซึ่งมีประสบการณ์ต่างจากคนส่วนใหญ่ เช่น บางคนมองตัวเลข (หรือตัวหนังสือ) จะเห็นเป็นสี บางคนฟังเสียงดนตรี จะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาสัมผัสผิวหนัง ส่วนอีกคน ลิ้นชิมรสปั๊บ กลับเห็นรูปร่างตามมาด้วย!

 

ทราบกันโดยทั่วไปว่า ประสาทสัมผัสของเรารับรู้ได้ 5 ลักษณะ ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส (ส่วนใครที่ศึกษาพุทธศาสนา อาจจะเพิ่มว่ามี ใจ เรียกว่า ธรรมารมณ์ รวมเป็น 6 อย่าง) โดยแต่ละลักษณะจะใช้อวัยวะแตกต่างกันไป เช่น ตาเห็นรูป ส่วนลิ้นก็รับรส เป็นต้น

แต่เชื่อไหมว่า มีคนพิเศษในโลกนี้จำนวนหนึ่งซึ่งมีประสบการณ์ต่างจากคนส่วนใหญ่ เช่น บางคนมองตัวเลข (หรือตัวหนังสือ) จะเห็นเป็นสี บางคนฟังเสียงดนตรี จะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาสัมผัสผิวหนัง ส่วนอีกคน ลิ้นชิมรสปั๊บ กลับเห็นรูปร่างตามมาด้วย!

ประสบการณ์แปลกๆ แบบนี้ ฝรั่งรู้จักมานานราว 300 ปี แล้ว และเรียกว่า ซินเนสทีเซีย (synesthesia หรือ  synaesthesia) ซึ่งมาจากภาษากรีกคือ คำว่า syn (ร่วม) + aisthesis (การรับรู้) หมายความว่า ประสาทสัมผัสตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไป รับรู้พร้อมกันนั่นเอง 

ส่วนคนที่มีประสบการณแบบนี้เรียกว่า ซินเนสทีต (synesthete) ซึ่ง (ผมว่า) ฟังแล้วแหม่งๆ จึงขอเรียกว่าคนที่เป็นซินเนสทีเซียก็แล้วกัน

 

 

การเห็นตัวเลขเป็นสี

ซินเนสทีเซียที่พบบ่อยที่สุดคือ เห็นตัวเลขหรือตัวอักษรเป็นสี (colored letters and numbers) และได้ยินเสียงเป็นสี (colored hearing) โดยความรู้สึกหรือการรับรู้แบบนี้จะคงเส้นคงวา กล่าวคือ หากชายหนึ่งเห็นตัวอักษร A เป็นสีชมพู เขาก็จะเห็นตัว A เป็นสีชมพูไปชั่วชีวิต

แต่ที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ คนที่เป็นซินเนสทีเซียอีกคน อาจจะเถียงว่า ตัว A เป็นสีฟ้า (หรือสีอื่น) ต่างหาก และคนๆ นั้นก็จะเห็นเป็นสีฟ้าไปชั่วชีวิตเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีข้อยกเว้นเหมือนกัน เพราะมีหลักฐานว่า ตัวอักษรโอ ‘O’ นั้น คนที่เป็นซินเนสทีเซียส่วนใหญ่ ราว 3 ใน 4 คน จะเห็นเป็นสีขาวตรงกัน ลักษณะเช่นนี้เองที่ทำให้การศึกษาปรากฏการณ์นี้ไม่ง่ายนัก

ต้องเน้นไว้ตรงนี้ว่า ในทางการแพทย์และทางจิตวิทยา ไม่ได้ถือกว่า ซินเนสทีเซียเป็นความเจ็บป่วย  ในทางกลับกัน หากนักจิตวิทยาพบคนที่เป็นซินเนสทีเซียจะยิ่งชอบ เพราะจะได้ขอความร่วมมือเขา (หรือเธอ) ในการศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ซึ่งอาจจะนำไปสู่การเปิดเผยกลไกการรับรู้ ความรู้สึกตัว การตีความของสมองเมื่อได้รับข้อมูล ไปจนถึงประเด็นเชิงปรัชญา เช่น ความจริงแท้นั้นเป็นเช่นไร


คนที่มีประสบการณ์พิเศษเช่นนี้มักจะไม่บอกใคร เพราะเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก แล้วพูดกับเพื่อนๆ หรือคนรอบข้างว่า “เสียงเพลงๆ นี้ สีสวยดีเนอะ” หรือ “ไอ้ขนมนี้ รสชาติมันเหลี่ยมๆ คมๆ” ก็ย่อมจะทำให้เพื่อนๆ หรือคนรอบข้างมองว่าเป็นตัวประหลาด แต่หากพูดออกไปตอนโต ก็จะทำให้คนฟังเข้าใจผิดคิดว่า คนพูดติดยาเสพติด (เช่น ยาอี) ก็เป็นได้ (กรณีหลังนี้เคยเกิดขึ้นแล้ว)

ซินเนสทีเซียสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ เช่น ในกรณีของนักเขียนชาวรัสเซียคนหนึ่งชื่อ วลาดีมีร์ นาโบคอฟ (Vladimir Nabokov) นั้น ตอนเด็กๆ เคยบ่นกับคุณแม่ของเขาว่า ใครกันนะทำตัว A มาผิดสี เพราะตัว A ในความคิดของเขานั้นต้องเป็นสีน้ำเงิน ไม่ใช่สีแดง

 

วลาดีมีร์ นาโบคอฟ นักเขียนชื่อดังที่มองเห็นตัวอักษรเป็นสี 

ฝ่ายคุณแม่ของเด็กน้อย เมื่อได้ยินเช่นนั้น แทนที่จะว่าลูกเพี้ยน เธอกลับเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะเธอเองก็เป็นซินเนสทีเซียเช่นเดียวกัน  ต่อมาเมื่อวลาดีมีร์ นาโบคอฟ มีลูกชาย ก็พบว่าลูกชายก็เป็นอีก เรียกว่าครอบครัวนี้มีประสบการณ์พิเศษเรียงติดกันถึง 3 รุ่น!


น่าสนใจว่า มีคนดังระดับโลกอีกหลายคนที่เป็นซินเนิสทีเซียด้วยเช่นกัน เช่น

  • ฟรานซ์ ลิสต์ (Franz Liszt) คีตกวีและนักเปียนโนฝีมือฉกาจชาวฮังการี ซึ่งมองเห็นสีเมื่อได้ยินเสียงโน้ตดนตรี
  • ริชาร์ด ไฟย์นแมน (Richard Feynman) ยอดนักฟิสิกส์อารมณ์ดี ซึ่งมองเห็นสีสันในสมการฟิสิกส์!
  • วาซิลี คันดินสกี (Wassily Kandinsky) จิตรกรผู้บุกเบิกงานศิลปะนามธรรมเชื้อสายรัสเซีย ก็มองเห็นสีเมื่อได้ยินเสียงดนตรี (อย่างไรก็ดี Wikipedia ระบุว่า Wassily Kandinsky อยู่ในกลุ่มที่กำลังได้รับการตรวจสอบว่าเป็นซินเนสทีเซียหรือไม่)

 

ดูรายชื่อคนที่เป็นซินเนสทีเซียใน Wikipedia ที่นี่

 

นายแพทย์ริชาร์ด อี ไซโทวิค (Richard E. Cytowic, MD) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องซินเนสทีเซีย และผู้แต่งหนังสือ ‘The Man Who Tasted Shapes’ (‘ชายผู้ลิ้มรสเป็นรูปร่าง’) ประมาณไว้ว่า โอกาสที่จะพบคนเป็นซินเนสทีเซียมีประมาณ 1 คน ใน 25,000 คน โดยสำหรับคนอเมริกัน พบว่าโอกาสที่จะพบในผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชายราว 3:1 ในขณะที่ทางสหราชอาณาจักร มีนักวิจัยท่านอื่นได้ประมาณไว้สูงกว่านี้คือ 8:1 กล่าวโดยสรุป ผู้หญิงก็มีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชายหลายเท่า

 

 

คุณหมอริชาร์ด ไซโทวิค กำลังอธิบายเรื่องการเห็นตัวอักษรเป็นสีต่างๆ ของคนที่มีประสบการณ์ซินเนสทีเซีย 

 

ปรากฏการณ์ซินเนสทีเซียบางลักษณะนั้นสุดแสนเหลือเชื่อ กล่าวคือ 

  •  
    • คนบางคนมองเห็นแนวคิดเชิงนามธรรมบางอย่างมีรูปร่าง (หรือโครงสร้าง) ได้ เช่น เห็นเดือนทั้ง 12 เดือน ใน 1 ปี เหมือนกับตู้ที่นั่งของชิงช้าสวรรค์ โดยมีเดือนธันวาคมอยู่ด้านล่าง และเดือนกรกฎาคมอยู่ด้านบน
    • บางคนก็อาจจะเห็นกระบวนการคำนวณทางคณิตศาสตร์ (math operation) เป็นรูปเป็นร่างได้

ลักษณะพิเศษเช่นนี้ นักจิตวิทยาตั้งชื่อว่า ซินเนสทีเซียเชิงแนวคิดรวบยอด (conceptual synesthesia)


มีเหมือนกันที่บางคนอาจเป็นซินเนสทีเซียได้หลายแบบพร้อมๆ กัน อย่างกรณีของ แครอล สทีน (Carol Steen) ศิลปินที่ทำงานอยู่ในนิวยอร์คนั้นพบว่า เธอเป็นซินเนสทีเซียถึง 3 แบบ!

  • แบบแรก คือ เธอมองเห็นตัวเลขและตัวอักษรเป็นสี (ซึ่งเป็นแบบที่พบได้บ่อยที่สุด)
  • แบบที่สอง คือ เธอได้ยินเสียงเป็นสี เช่น เธอบรรยายว่ามีเพลงของวงดนตรียูแมน (Uman) อยู่เพลงหนึ่ง ซึ่งตัวโน้ตตัวแรกมีสีเทาๆ เป็นแถบจากสีเทาอ่อนไล่ไปหาสีเทาแก่ และบนแถบสีเทานั้นมีจุดเล็กๆ สีทองอยู่ด้วย
  • แบบที่สาม ซึ่งพบไม่บ่อยนัก ก็คือ การสัมผัสในบางลักษณะ (เช่น เข็มแทงที่ผิวหนัง) จะทำให้เธอเห็นเป็นสี และรูปร่างไปด้วยพร้อมๆ กัน

 

 

Carol Steen


ศิลปินชื่อ แครอล สทีน (Carol Steen) มองเห็นสีและรูปร่างต่างๆ ขณะที่เธอฟังดนตรีหรือถูกเข็มแทงที่ผิวหนัง ในภาพนี้ เธอใช้แสงวาดภาพสิ่งที่เธอเห็นเพื่อให้คนอื่นได้รับรู้

จากการศึกษาพบว่า คนที่เป็นซินเนสทีเซียมักจะถนัดซ้าย และมีความจำดีกว่าคนส่วนใหญ่โดยเฉลี่ย เช่น ในกรณีของเลขบัตรเครดิตยาวๆ ก็จำง่ายเพราะเห็นเป็นสีสันต่างๆ เรียงกันไป แต่ในจุดดี ก็ย่อมมีจุดด้อย เพราะคนที่เป็นซินเนสทีเซีย มักจะหลงทิศทางได้ง่ายๆ และการคิดคำนวณอาจทำได้ไม่ดีนักในหลายกรณี (เพราะตัวเลข 2 ตัวอาจปรากฏเป็นสีคล้ายๆ กัน จนสับสนว่าเป็นตัวเลขตัวไหนกันแน่!)

 

มีทฤษฎีอธิบายปรากฏการณ์นี้ไหม?

ในยุคแรกๆ เมื่อร้อยปีก่อนนู้น อธิบายกันแบบเบลอๆ ว่า ซินเนสทีเซียน่าจะคล้ายๆ เหตุการณ์ “สายสัญญาณพันกัน” (crossed wires) อย่างบางครั้งที่เราใช้โทรศัพท์บ้านคุยกับเพื่อน แต่ดันมีเสียงสนทนาของอีกคู่หนึ่งเข้ามาปนอีรุงตุงนังด้วยนั่นเอง


ทฤษฎีร่วมสมัยทฤษฎีหนึ่งเสนอโดย ไซมอน บารอน-โคเฮน (Baron-Cohen) และเพื่อนร่วมงาน ทีมวิจัยนี้บอกว่า ซินเนสทีเซียน่าจะเกิดจากเหตุผลทางพันธุกรรม ซึ่งทำให้การเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทในสมองมีมากเกินพอดี ส่งผลให้การรับรู้ของประสาทสัมผัสต่างๆ ปะปนกัน เช่น การได้ยินเสียงกับการมองเห็น (ฟังเพลงบอกว่าสีนั้นสีนี้) เป็นต้น พูดง่ายๆ คือ ทฤษฎีนี้เชื่อว่า สมองของคนที่เป็นซินเนสทีเซียมีโครงสร้างทางกายภาพ หรือ “ฮาร์ดแวร์ (hardware)” แตกต่างจากคนปกติ
 

   


ทีมวิจัยของไซมอน บารอน-โคเฮน ได้ศึกษาการทำงานของสมองโดยใช้เทคนิคโพสิตรอนอิมิสชัน โทโมกราฟี (Positro Emission Tomography, PET) และการสร้างภาพโดยฟังก์ชันนัล-เอ็นเอ็มอาร์ (functional-Nuclear Magnetic Resonance imaging) และพบว่า เมื่อคนที่ (อ้างว่า) เป็นซินเนสทีเซียได้ยินเสียง สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็นก็ทำงานด้วยจริง

ปรากฏว่า แนวคิดของบารอน-โคเฮน และเพื่อนๆ มีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย โดยคนที่เห็นด้วย เช่น ดร. ดาฟนี เมาเรอร์ (Daphne Maurer, PhD) นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ (McMaster University) ก็ต่อยอดออกไปว่า เป็นไปได้ไหมที่จริงๆ แล้ว คนเราทุกคนเกิดมาพร้อมๆ กับการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทในสมองจำนวนมาก ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ซินเนสทีเซียได้อยู่แล้ว

แต่เมื่อเราเติบโตขึ้น การเชื่อมต่อนี้จะลดลงไปสำหรับคนส่วนใหญ่ (ประสาทสัมผัสแต่ละอย่าง ก็เลยแยกจากกัน) แต่สำหรับคนพิเศษบางคนที่การเชื่อมต่อยังเหลือค้างอยู่ ก็เลยทำให้เกิดซินเนสทีเซียสำหรับคู่ของประสาทสัมผัสที่เชื่อมต่อกันอยู่นั้น 

ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วย เช่น ปีเตอร์ กรอสเซนบาเชอร์ (Peter Grossenbacher) นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยนาโรปา (Naropa University) บอกว่า จริงอยู่ที่ซินเนสนีเซียน่าจะเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม แต่ไม่จำเป็นเลยที่สมองของคนที่รู้สึกเช่นนั้นจะต้องมีสมองแตกต่างไปจากคนปกติ ดูอย่างคนที่ติดยาเสพติด (เช่น ยาอี) นั่นปะไร เห็นดอกไม้ก็บอกว่าหวาน ฟังดนตรีก็มีสีสวย ได้เช่นกัน แต่พอยาหมดฤทธิ์ ก็กลับมาเป็นปกติ

คุณปีเตอร์ก็เลยเสนอทฤษฎีว่า ในการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสหนึ่งๆ นั้น จะมีสัญญาณประสาทส่งไปยังส่วนของสมองที่รับความรู้สึกหลายอย่างร่วมกัน (multisensory area) เช่น บริเวณร่องพับของขมับส่วนบน (superior temporal sulcus) ที่อยู่ใกล้ๆ ปลายด้านบนของหูข้างขวา 

จากนั้น สัญญาณดังกล่าวจะถูกส่งกลับไปยังบริเวณที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกแต่ละอย่าง (single-sense area) ทั้งนี้ในสมองของคนปกติ จะมีการยับยั้งสัญญาณประสาทไม่ให้ไปยังส่วนที่ไม่เกี่ยวกับความรู้สึกนั้น (เช่น ปล่อยสัญญาณประสาทที่เกิดจากเสียงให้ไปยังบริเวณที่เกี่ยวกับการรับฟังเท่านั้น แต่กั้นไม่ให้สัญญาณนี้ส่งไปยังส่วนอื่นๆ)

แต่สำหรับคนที่เป็นซินเนสทีเซีย  การยับยั้งดังกล่าวเกิดขัดข้อง ทำให้สัญญาณที่ไม่เกี่ยวข้องหลุดไปได้ เช่น หากสัญญาณที่เกิดจากการฟังเสียงหลุดไปยังสมองส่วนที่ทำหน้าที่มองเห็น ก็จะเห็นเสียงมีสีสัน หรือรูปร่างต่างๆ นั่นเอง

นี่เป็นแค่แนวคิดบางอย่างที่เสนอกันมาเท่านั้น แต่ถึงวันนี้ดูเหมือนจะยังฟันธงไม่ได้....

 

ส่วนผมนั้น แม้จะไม่ได้เป็นซินเนสทีเซีย แต่เห็นตัวเลข 100 ทีไร ก็จะนึกถึงแต่สีแดง

หากเป็น 500 ก็สีม่วง

ส่วน 1000 ก็สีน้ำตาลอมเทานิดๆ ครับ ;-)

 


แนะนำขุมทรัพย์ทางปัญญา

 


ประวัติของบทความ

  • ตีพิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ คลื่นความคิด นิตยสาร สารคดี ชื่อ  เห็นตัวเลขเป็นสี ... ฟังดนตรีรู้สึกหวาน ปรากฏการณ์ ‘ซินเนสทีเซีย
  • ตีพิมพ์รวมเล่มในหนังสือ Know How & Know Why : กฎพิสดาร ปรากฏการณ์พิศวง เล่ม 2 สนพ. สารคดี
  • ดัดแปลงเพื่อนำลงใน GotoKnow เพื่อเป็นความรู้สาธารณะ และใช้ในการอภิปรายกับประเด็นที่อาจจะเกี่ยวข้อง

 


คำสำคัญ (Tags): #synesthesia
หมายเลขบันทึก: 86023เขียนเมื่อ 23 มีนาคม 2007 23:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:53 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (73)

แต่ผมเห็นแต่เลข 20 เป็นสีเขียวครับ พี่ชิว

ช่วงนี้ที่ร้านเงียบเหงาช่วงปิดเทอม ขายยาไม่ออก อิอิ ได้แต่แบงค์ 20 ครับ

เป็นเรื่องที่แปลกและน่าสนใจมากครับ อ่านแล้วดันพาลไปนึกถึงเรื่อง มือปีศาจ ครับ

เป็นความผิดปกติของมือที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งจากสมอง มันทำงานของมันเอง บางทีมาบีบคอเจ้าของมือเองก็มีครับ น่ากลัวจัง

พี่ชิวเคยดูมั้ยครับ ผมดูสารคดีทาง UBC

สวัสดีครับอาจารย์

ผมมีปัญหาสงสัยนิดหนึ่งครับ คือว่าถ้าเห็นตัวอักษรเป็นสี แล้วคำจะเห็นเป็นยังไงครับ เป็นสีเรียงกันแบบรุ้งกินน้ำหรือเปล่าครับ

อีกเรื่องครับ อ่านบทความอาจารย์แล้วนึกถึงอาจารย์จากมหาวิทยาลัยพริ้นซ์ตัน (Princeton University) ท่านหนึ่งที่ชื่อ Dr. Dimitri Tymoczko ที่ map เสียงเพลงให้เป็นรูปทรงเรขาคณิตครับ

http://music.princeton.edu/~dmitri/sciencearticle.html

http://www.harvardmagazine.com/on-line/010772.html

อันบนเป็นบทความที่ Dr. Dimitri Tymoczko เขียนส่งวารสาร Science ครับ

อันล่างเป็นลิงค์จาก Harvard magazine เกี่ยวกับเรื่องนี้แหละครับ

อ้อเกือบลืม ถ้าผมจำไม่ผิด ความคิดที่ map ดนตรีมาเป็นรูปทรงเรขาคณิตเพราะว่าเขาต้องการศึกษาว่าเพลงจะดังหรือไม่ดังนะครับ เขาเชื่อว่าเพลงที่ฮิตนั้นจะมีลักษณะการเรียงตัวของรูปทรงคล้ายๆกันครับ

เรียนคุณไปอ่านหนังสือ

  สุดยอดเลยครับ ผมแอบทึ่งในตัวคุณมากๆเลย คงเพราะอ่านหนังสือมามากจริงๆ ขอคาราวะด้วยอีกคนต่อจากพี่ชิวเลยนะครับ

อาจารย์ ดร.บัญชา

น่าสนใจมากเลย คงยังวิจารณ์อะไรไม่ได้...

อ่านๆ ไปก็นึกถึงความเห็นของท่านพุทธทาสในหนังสือชุดรวมปาฐกถาพุทธรรม (ถ้าจำไม่ผิด) ท่านว่าไว้ทำนองว่า...

มนุษย์โลกของเรานี้มีเพียงประสาทสัมผัส ๕ เราจึงรับรู้เฉพาะ รูป เสียง กลิ่น รส และโผฎฐัพพะ ...อาจมีธรรมชาติอย่างอื่นซึ่งเราไม่สามารถรับรู้ได้ และไม่มีบัญญัติ ...อาจมีมนุษย์โลกอื่นซึ่งมีประสาทสัมผัส ๖ ๗ ๘ ...และพวกเค้าอาจรับรู้ธรรมชาติที่นอกจากนี้ได้...

ประเด็นไม่เหมือนกันกับที่อาจารย์เล่ามา แต่ก็ใกล้เคียงกัน นั่นคือ ธรรมชาตินี้ มีสิ่งที่เราต้องศึกษาอีกมาก...

เจริญพร

 

กราบนมัสการหลวงพี่ฯ + สวัสดีครับทุกท่าน

        ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลและข้อคิดเห็นต่างๆ ผมขอเวลาไปอ่านและใคร่ครวญสักหน่อยก่อนกลับมาแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง

        อยากเพิ่มเติมข้อมูลน่าสนใจนิดหนึ่งว่า :

        พวกยาอีที่ติดกันมากๆ นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันทำให้คนเสพย์เป็นซินเนสทีเซียแบบชั่วคราวครับ กล่าวคือ พอเสพย์ยาเข้าไปแล้ว เมื่อได้ฟังคำพูด จะรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก หรือ เห็นดอกไม้ แล้วรู้สึกหวาน...

         นี่เองที่ทำให้คนเสพย์ติดกันงอมแงม เลิกยาก เพราะเป็นประสบการณ์แปลกประหลาด คล้ายๆ เข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียวครับ!

 

 

 

สารภาพว่า นี่เป็นการได้ยินคำว่า "ซินเนสทีเซีย" เป็นครั้งแรกค่ะ  เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมากๆเลย

ของ k-jira เองก็มีความรู้สึกแปลกๆกับเพลงค่ะ  โดยเฉพาะเวลาฟังเพลงบรรเลง บางเพลงฟังแล้วจะเห็นภาพขึ้นในหัว 

เมื่อก่อนจะเป็นเอามากๆเลยค่ะ  โดยเฉพาะเวลาฟังเพลงจีน  บางเพลงจะเห็นเป็นภาพทะเล  บางเพลงจะเห็นเป็นภาพสะพานโค้งกลางสวนจีน ที่มีฝนกำล้งตก เสียงดนตรีที่ทำให้เกิดความรู้สึกดังกล่าวที่สุด คือพวกเครื่องสายค่ะ เช่น ขิม หรือ จะเข้

แต่บางเพลง ฟังแล้วจะรู้สึกบอกไม่ถูก จะเห็นภาพเป็นสี sepia (ไม่ทราบเรียกถูกไหม  คือโทนสีจะออกสีน้ำตาลซีดๆ เก่าๆ เหมือนภาพถ่ายขาวดำที่มันเก่าๆ)

และเพลงที่ทำให้เกิดความรู้สึกนั้นมากที่สุดคือ เพลง SCARBOROUGH FAIR  กับเพลง ชื่นรัก (รื่นรมย์สมอุรา ชื่นตาฟ้าเบิกบาน นกร้องขับขานสราญแสนสุขตา... )  ถ้าได้ฟังหนึ่งในสองเพลงนี้ ก็จะมีอาการเหมือนตกภวังค์เลย จนตนเองก็งง ว่ามีความหลังอะไรกับเพลงนี้ แล้วทำไม พอฟังเพลงนี้แล้วพานไปนึกเห็นภาพ เหมือนกำลังดูภาพถ่ายเก่าๆ สมัยคุณพ่อคุณแม่ยังหนุ่มยังสาว  เป็นความรู้สึกที่แปลกจริงๆ

แต่อาการพวกนี้คงไม่ใช่ "ซินเนสทีเซีย"  หรอกนะ

^__^

 

 

แหะๆ เขียนเสร็จมาอ่านทวน รู้สึกว่าอาจจะเขียนแล้วสื่อความหมายผิดพลาด ที่บอกว่า "ฟังแล้วจะรู้สึกบอกไม่ถูก จะเห็นภาพเป็นสี sepia"  ไม่ใช่หมายถึงภาพที่ตามองเห็นนะคะ แต่เป็นภาพที่ผุดขึ้นมาห้วงสำนึกขณะนั้นต่างหากค่ะ

สวัสดีครับ

ไม่ทราบว่าคุณ k-jira  เห็นภาพเป็นแบบใน youtube อันนี้หรือเปล่าครับ http://www.youtube.com/watch?v=AVODxskoHFQ ถ้าใช่ก็สุดยอดเลยครับ

หวังว่าคงชอบนะครับ เปียโนโดย Glen Gould, conduct โดย Leonard Bernstein ครับ

 

 

สวัสดีครับ คุณจูน / k-jira

       เสนอไว้เล่นๆ ว่า ปรากฏการณ์นี้พอจะเป็นพล็อตของเรื่องสั้น / นิยายแนวแฟนตาซีได้ไหมครับ...  ;-)

................................................................................. 

       บันทึกไว้นิดหนึ่งด้วยว่า รายการเจาะใจ ที่มีคุณสัญญา คุณากร เป็นพิธีกร เคยเชิญคนๆ หนึ่งที่เป็นอัจฉริยะด้านภาษา (พูดได้กว่า 15 ภาษา)

       ระหว่างสัมภาษณ์ คนๆ นี้พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า เขาเห็นตัวหนังสือเป็นสี แต่พอดีพิธีกรของรายการคงไม่รู้ว่าจุดนี้เป็นลักษณะของซินเนสทีเซีย

        ผมว่าถ้าหากมีใครในวงการจิตวิทยา/จิตแพทย์ไทยสนใจ เข้าไปศึกษาสักหน่อย ก็จะได้ประโยชน์ไม่น้อยเลย (ผมรู้จักเด็กอีกคนที่อาจจะเป็นซินเนสทีเซีย เพราะเขาเคยบอกว่า เห็นตัวเลขเป็นสี...แต่ยังไม่เคยคุยกับเขามากกว่านั้นครับ)

 

 

คุณ ไปอ่านหนังสือ  ครับขออนุญาตเข้าไปร่วมฟังกับคุณจูนนะครับ เพราะมากๆ ครับ ดีจริงๆ ครับ ตีตั๋วแถวหน้าสุดด้วย เห็นเขาขยับปากทำท่าทางชัดเลย ได้อารมณ์ดีจริงๆ ครับ ไม่ทราบว่าคุณ ไปอ่านหนังสือชอบของ Martha Argerich หรือเปล่าครับ  ลองฟัง "Polonaise N°6 l'heroique" ดูนะครับ

 

 

อ้อ ดร.บัญชาครับ สมัยผมเรียนเรื่องโรคจิตพบมีอยู่คำๆ หนึ่งว่า synesthetic hallucination  ครับ คือคนไข้บอกในสิ่งที่อวัยวะนั้นๆ รับสัมผัสไม่ได้  เช่น เย็นลำใส้ หรือสมองร้อนไปหมด แต่สิ่งหนึ่งที่อาจารย์เน้นก็คือ ต้องระวังว่าสิ่งที่คนไข้พูดจะต้องไม่ใช่การใช้คำอุปมาอุปมัย หรือเป็นคำตามระบบความเชื่อของชาวบ้าน

อย่างกรณีของคุณ k-jira นั้นเป็นลักษณะ image ครับ  อันนี้ก็เจอบ่อย โดยเฉพาะเวลาเรามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเชื่อมโยงกัน เช่น ได้กลิ่นข้าวโพดคั่วแล้วภาพที่แม่พาไปดูหนังตอนเด็กๆ ก็ผุดขึ้นมาในมโนนึก

 

ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์หมอ มาโนช ไม่ได้พบกันเสียนาน สวัสดีค่ะ _/|\_

คิดว่าคงเป็นเรื่องของ imagin เหมือนกันค่ะ  ช่วงก่อนหน้านี้ ยอมรับว่าเป็นมากเลย แค่มีสิ่งกระตุ้น หรือสิ่งเร้าเล็กน้อย ก็จะผูกโยงเป็นเรื่องเป็นราวได้มากมาย แม้แต่ความฝันก็ยังเป็นเรื่องเป็นราว พูดไปจะว่าแปลกก็แปลก จะว่าโม้ก็เหมือนโม้นะคะ เคยฝันเรื่องเดียวกัน ติดต่อกัน 3คืนเลยเชียวล่ะ (เหมือนดูหนังที่เนื้อหาต่อกัน 3 ภาคยังไงยังงั้น)  ซึ่งก็มีข้อดีนะคะ คือสามารถเอามาเขียนนิยายได้เป็นเล่มๆ 5555

แต่ช่วงหลัง 6-7 ปีมานี้ สงสัยว่าเพราะสมองส่วนนั้นจะถูกใช้งานหนักไปหน่อย    imagin อะไรไม่ค่อยออกเลย ไม่ว่าจะกระตุ้นสักแค่ไหนก็ตาม แม้แต่เวลานอน พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย แทบจะไม่ฝันอะไรเลย

สงสัยเพราะตามวัย .. 55555

 

  • ไม่เคยได้ยินคำนี้เหมือนกันครับ เพิ่งได้ยินครั้งแรกน่าสนใจครับ
  • คนที่มีลักษณะนี้น่าจะมีความสามารถพิเศษหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ศิลปะนะครับ เช่น วาดภาพ เล่นดนตรี แต่งเพลง ทำอาหาร ฯลฯ
  • ขอบคุณพี่ชิวที่มาแลกเปลี่ยนครับ

สวัสดีครับ อาจารย์เก๋

         ใช่แล้วครับ คนที่เป็นซินเนสทีเซียนี่ ถ้าเป็นศิลปิน ก็จะเป็นได้ดีทีเดียว เช่น ฟังเพลง เห็นเป็นสีสัน แล้วก็นำมาวาดภาพ

น่าสนใจมากค่ะอาจารย์ ถ้าเห็นเป็นสีเดียวจะถือว่าเป็น ซินเนสทีเซีย มั้ยค่ะ

สวัสดีครับ อาจารย์แป๋ว

         เท่าที่ค้นคว้ามานี่ยังไม่เคยเห็นกรณีเห็นสีเดียวนะครับ (แต่ก็สรุปไม่ได้ว่าไม่มี) ไว้ถ้าเจอข้อมูลเพิ่มเติมที่ไหน จะนำมาแก้ไข/เพิ่มเติมในหัวข้อนี้ครับ :-)

น่าสนใจจริงๆ

ผมนึกถึงเวลาเรา "ฝัน" ที่ประสาทสัมผัสภายนอกดูจะปิด shut down ลง แต่ความฝันบางอย่างนั้นเป้นเรื่องเป็นราว มีภาพ มีเสียง ไม่แน่ใจว่ามีกลิ่นหรือไม่ และเรื่องสีในความฝันก็ยัง debate กันอยู่ (อ.มาโนช หรือใครอาจจะช่วยเติมตรงนี้)

ผมคิดว่ามีหลายตำแหน่งในสมองที่อาจจะทำให้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ "การกระตุ้นร่วม" ก็ฟังเข้าที คือเกิดตรง afferent fibre (เส้นประสาทนำเข้า) แต่ผมออกจะเชื่อไปทางเกิดที่ interpretation area มากกว่า

แม้กระทั่ง "สีแดง" ที่เราบอกว่าสีเดียวกันนั้น ผมยังสงสัยเลยว่าเราเห็น "แดงเดียวกันรึเปล่า?" นั่นคือแสงกระตุ่นจอประสาทมาจาก source เดียวกัน แต่เรื่อง quality ของการแปลผลล่ะ? คนๆนึงอาจจะเห็นสีนึง แล้วเรียนรู้ว่าชาวบ้าน พ่อแม่ เรียกเจ้านี้ว่า "สีแดง" เอ้า แดงก็แดงฟ่ะ จริงๆเขาอาจจะเห็นสีส้ม แต่เรียกเป็นสีแดงได้ไหม?

ผมยังเชื่ออีกอย่างว่า ในระดับ "การแปล" นั้น เราสามารถที่จะส้รางแต่งเติม short-cut หรือกลุ่มการรับได้ หรือถ้าไม่ถึงกับสร้าง แต่ก็ modify การรับได้ ตรงนี้อาจจะช่วยอธิบายเวลาเราเห็น "อะไร" (สี ภาพ สัตว์ ฯลฯ) แปลว่า "อบอุ่น ปลอดภัย" หรือเวลาเรา "ได้กลิ่น" อะไรแปลว่า "อันตราย ปลอดภัย หิว หรือเกิด sexual arousal" ก็ยังได้ ฉะนั้น group response นี้ก็คล้ายๆการฝึกหมาให้น้ำลายไหลของ Pavlof นั้นแหละครับ คือ เอาอาหารมาเสริฟ พร้อมๆกับสั่นกระดิ่ง หมาก็จะน้ำลายไหลเชียว จนภายหลังสั่นแต่กระดิ่งอย่างเดียวก็ทำให้หมาน้ำลายไหลได้

ในระดับ conceptual ก็ไม่น่าจะยาก อาการเกิด bliss เวลาปฏิบัติธรรมตามความเชื่อ ตามศาสนา ของตนเอง ผมก็คิดว่าเป็น acquired tract ที่เรา "ฝึกมา" เหมือนกัน

ถ้าจะให้นำไปใช้ ผมว่าทฤษฎี และปรากฏการณ์นี้ช่วยเตือนเราให้ทราบว่า "ประสาทสัมผัส" ที่เราพึ่งพาในการดำรงชีวิตนี้นั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่ "เชื่อถือได้ 100%" และน่าจะทำให้เราระมัดระวังเวลาที่เราจะเผลอใช้ judgemental attitude ไปตัดสินคนอื่นตามแต่สี หรือกลิ่น หรือความชอบ ของเรา ที่เราสัมผัสได้ เพราะเราสามารถมีประสาทสัมผัสที่แตกต่างกันมากๆก็ยังได้

 ปัญหาที่มนุษย์ "พึ่งพา" ประสาททั้งห้า หรือหก ที่เรามี และบอกว่า reliable นั้น ณ ขณะนี้ก่อให้เกิดปัญหาระดับโลก ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ฯลฯ มากมาย

อย่าง Dr. Robert Langdon ใน The Da Vinci Code ที่เห็นประโยคมากมายแล้วสามารถดึงเอา code คำที่แอบแฝงอยู่ออกมาได้นี่ ใช่ซินแนสทีเซียในรูปแบบหนึ่งหรือไม่ค่ะพี่ชิว

อาจารย์จัน : อืมม์...ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ แต่ดูเหมือนว่าอาจจะเป็นปรากฏการณ์แบบอื่น แต่ที่น่าจะใช่ คือ พระเอกคนนี้เป็น claustrophobia (โรคกลัวที่คับแคบ) ครับ จำฉากตอนเข้าไปในลิฟต์ได้ไหม?

อาจารย์ Phoenix : เรื่องฝันเป็นขาว-ดำ หรือสี นี่เดี๋ยวถ้าอาจารย์มาโนชไม่แวะมาก่อน ผมจะไปถามให้ครับ

ส่วนเรื่องเห็นสีต่างๆ นี่ ผมเคยอ่านเจอมาว่า คนในแถบเขตร้อน มีแนวโน้มจะสูญเสียความสามารถในการมองเห็นสีฟ้า และจะเรียกสีฟ้าว่า "สีเขียว" เรื่องนี้ผมเคยเขียนสรุปเป็นบทความสั้นๆ เอาไว้ด้วย ไว้จะหาโอกาสนำมาโพสต์ไว้ใน G2K ครับ

สำหรับเรื่องการแปลประสาทสัมผัสที่เรารับรู้นี่มีประเด็นให้คุยต่ออีกเยอะเลย เอาไว้ผมจะไปรบกวนขอความรู้จากอาจารย์ในบล็อกคันฉ่องนกไฟนะครับ (เอ้า! ใครสนใจตามกันมาเร้ว ;-))

เรื่องนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจต่อ

ผไม่แน่ใจว่าในปัจจุบัน เราได้สามารถ map function of brain เป็น area ได้ขนาดไหน คือบนสมองส่วย "แปลผล" นั้น เราพอจะบอกได้คร่าวๆนะครับ เช่น area 40. 41. 42 นั้นเป็นเรื่องของ motor คือการทำ การเช้าใจ ส่วนอีก area ได้แก่ Wernicke area แถวๆ temporal lobe ก็เกี่ยวกับประสาทได้ยิน นั่นหมายความว่า ปลายประสาท ของแต่ละเส้นจะไปสิ้นสุด ณ designated neurone cells แน่นอน แต่อาจจะมีสัญญานผสมมาระหว่างทางได้ด้วย

ดังนั้นสมมติว่าถ้าเรา map neurone ที่รับแสงสีแดง (จากเส้นประสาทจากจอประสาทตา retina ที่จะมี wavelenght specific) ก็จะไปสิ้นสุดที่เซลล์สมองของมัน และไม่เคยเปลี่ยน ถ้าเรายากจะรู้ว่าเขากำลังรับ "แดง" จริงรึเปล่า ก็ทำได้สองจุด คือ tracing red signal fibres หรือ training red neurone cells เป็นต้น และทำในทำนองเดียวกัยกับกลิ่น แสง ฯลฯ

อาจารย์หมอ Phoenix ครับ

       ขออภัยที่หายหน้าไป 2 วัน เมื่อวันเสาร์นี่ผมไปอยู่ที่งานสัปดาห์หนังสือซะเกือบเต็มวันเลย

       ที่อาจารย์ถามมาว่า "ในปัจจุบัน เราได้สามารถ map function of brain เป็น area ได้ขนาดไหน" ผมเข้าใจว่าน่าจะหมายถึง spatial resoltion (กำลังแยกแยะเชิงระยะ) ของ fMRI ใช่ไหมครับ

      ถ้าใช่ ลองไปค้น Wiki ดู ปรากฏว่าเทคนิค BOLD (Blood-Oxygen-Level Dependent) มี spatial resolution ประมาณ 0.5 mm ครับ (อ้างอิง : http://en.wikipedia.org/wiki/Functional_magnetic_resonance_imaging)

       ตัวเลขนี้คงต้องให้คุณหมอตีความต่อแล้วละครับว่า สามารถแยกแยะบริเวณในสมองที่แปลความหมายได้อย่างชัดเจนเพียงไร

สงสัยจะยากเกินกว่าคำถามเดิมที่ว่า red signal ถูกแปลอยู่รึเปล่า เพราะ 0.5 mm ในสายตาของ neurone cells น่าจะพอๆกับเมืองๆหนึ่ง จะแยกว่ามาจากบ้านไหนคงยาก

 แต่อาจจะพอสำหรับการบอกว่าสมองส่วนบอก "สี" กำลังทำงานพร้อมๆกับบอก "กลิ่น" หรือ "รส" รึเปล่านะครับ ถ้าเป็นเช่นนี้การศึกษา synthesthesia น่าจะมีข้อมูล advanced ขึ้นเยอะพอสมควรทีเดียวโดยใช้ functional MRI แบบนี้ เพียงแต่ไม่รู้มีคนออกตังค์ให้ใครไปทำทดลองแล้วรึยัง

ขอบคุณชิวมากครับ ที่ช่วยขวนขวาย ขยันจริงๆนะเออ

โฮ่ๆๆ ผมใช้แต่ area 44 ครับพี่ชิว (เพราะผมเป็นคนพูดมาก) อิอิ

  หายไปหลายวัน แจกลายเซ็นไปเยอะมั้ยครับพี่ชิว

สวัสดีครับ อาจารย์ Phoenix

         ขอบคุณสำหรับการแปลผลเบื้องต้นนะครับ เห็นภาพชัดขึ้นมาก ผมคงต้องไปศึกษา brain science ขั้นพื้นฐานเพิ่มเติม ถึงจะมาคุยกับอาจารย์ได้อย่างสนุก

สวัสดีครับ เดอ

        อย่างนี้ "area 44" ของเดอคงจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติอ้ะเปล่าครับ...อิอิ

        เดี๋ยววันนี้ (พุธที่ 4 เมษา) พี่จะไปงานอีกรอบครับ

โลกนี้ก็มีสิ่งมีชีวิตที่มีประสาทสัมผัสมากกว่า 6

  • ฉลาม จะมองเห็นประจุไฟฟ้าที่สัตว์อื่นปล่อยออกมาได้ในระยะไกล

ท่าทางมันจะมองเห็นเป็น 0 กับ 1 ต่อติดกันเป็นรูปร่าง  คิกคิก ^^

 

บังเอิญเข้ามาอ่านแล้วรู้สึกตกใจมาก

คิดว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึก คนอื่นก็น่าจะเป็นเหมือนกัน

คือรู้สึกว่าการที่ใครจะรู้สึกว่าตัวเลขตัวนี้ ควรเป็นสีอะไรน่าจะมาจากประสบการณ์และความรู้สึกของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป  เพราะตั้งแต่เด็กๆ จะคิดเสมอว่า เลข 5 ต้องเป็นสีฟ้าออกน้ำเงิน

     เลข 7 ต้องเป็นสีส้ม  และมีรสเปรี้ยว  ถ้าจะเขียนเลข 7ด้วยดินสอสี มันก็ควรจะเป็นสีส้ม

และก็คิดว่า เพื่อนๆ ก็คงเป็นอย่างนี้เหมือนกันแต่อาจจะเป็นคนละสีก็ได้ เลยไม่ได้สนใจ

พออ่านลงมาเรื่อยๆ เรื่องการมองเดือนเป็นชิงช้าสวรรค์นั้นแล้วตกใจกว่า เพราะว่า ถ้าคิดถึงเดือนนั้น ก็จะเห็นเป็นวงกลมเหมือนกัน(บางทีรู้สึกเห็นเป็นชิงช้าด้วยค่ะ-- รู้สึก อายจัง กลัวคนอื่นคิดว่า ฝ้ายโม้อ่ะคะ) โดยมกราคมจะอยู่ที่เลขระหว่าง 11 กับ 12  ถ้าเป็นนาฬิกาอ่ะนะคะ แล้วกุมภาก็ วนทวนเข็มนาฬิกาลงมาสุดท้ายธันวา ก็จะอยู่ที่เลขระหว่าง 1 กับ12 โดยถ้าคิดว่าตอนนี้เดือนตุลา ก็จะเห็นว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ด้านล่างเอียงมาทางขวามือของวงกลม เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เด็กๆ

อืม-- มีอีกอย่างด้วยค่ะ

ชอบสะสมกระดาษสีต่างๆ มากเพราะรู้สึกว่า กระดาษสีต่างๆ พื้นผิวแบบต่างๆ ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน หลายครั้ง เวลาพูดกับเพื่อน ก็จะบอกว่า สีนี้อร่อยจัง อะค่ะ ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดยังไง ถึงบอกอย่างนั้น แต่เพื่อนๆ บอกแค่ เออ มันเปรียบเทียบสีแปลกๆ เนอะ

แต่ส่วนตัวแล้วไม่ได้คิดว่า ผิดปกติ อะไร แค่คิดว่าเราคงเป็นพวกมีจินตนาการทางภาพที่ดี -- น่าจะทำงานด้านศิลปะได้ดีก็แค่นั้นน่ะคะ

แต่ยังไงก็ตามก็อยากรู้ว่าที่ฝ้ายเป็นนี่ มันเข้าข่ายอาการนี้ด้วยหรือเปล่าค่ะ  เพราะพอลองถามใครหลังจากอ่าน ก็ไม่เห็นมีใครเป็นกันเลย -- ฝ้ายเพิ่งรู้ว่าคนอื่นเค้าไม่ได้เป็นกันอะค่ะ - -''

ปล. หลายอย่างหนูเห็นเป็นสี อีกด้วย

อย่างเดือน เมษายน เป็น สีแดง อะค่ะ

 

 

ช่วยไขข้อข้องใจ ให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ คุณฝ้าย
             ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ^__^
             จากที่เล่ามา ผมว่าเข้าข่าย synesthesia แน่ๆ เลยครับ
              แต่ต้องออกตัวก่อนว่า ผมเองไม่ใช่นักจิตวิทยา และไม่ใช่จิตแพทย์ เพียงแต่เป็นคนที่สนใจปรากฏการณ์ทางจิตที่น่าอัศจรรย์เท่านั้น
             เคยมีเด็กนักเรียนคนหนึ่ง (ตอนนี้น่าจะอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว) ก็บอกผมว่าเขาเป็นเหมือนกัน คือ
เห็นตัวเลขเป็นสีสันต่างๆ
             รายการ The Icon ของคุณสัญญา คุณากร ก็เคยสัมภาษณ์อัจฉริยะคนหนึ่ง ซึ่งรู้กว่า 10 ภาษา
ในระหว่างการสัมภาษณ์ ผู้ถูกสัมภาษณ์บอกว่า เขาเห็นตัวอักษรในภาษาต่างๆ เป็นสี (ก็เลยทำให้จำได้แม่น - อันนี้ผมเดาเอาเองว่าเป็นเช่นนั้น) แต่พอดีคุณสัญญา ไม่ได้ซักต่อ เข้าใจว่าจะไม่รู้จักเรื่อง synesthesia นี้
           ตอนนี้คุณฝ้ายทำงานอะไรอยู่ครับ เกี่ยวกับทางศิลปะหรือเปล่า คือ อย่างที่ผมเคยทราบมา
คนที่เป็น synesthesia มักจะเป็นศิลปิน เพราะเขาหรือเธอ "เห็น" "ได้ยิน" หรือ "รู้สึก" สิ่งที่รับรู้ในอีกรูปแบบหนึ่ง อย่างเห็นภาพ แล้วได้ยินเสียงตามมา ก็นำไปแต่งเพลง ได้ยินเสียง เห็นเป็นสี ก็นำไปวาดภาพ ฯลฯ
           ผมสนใจประเด็นนี้มากพอสมควร แต่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าวงการแพทย์ไทย หรือวงการจิตวิทยาของบ้านเรามีความก้าวหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว
           หากสนใจคุยกัน เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือขอข้อมูลเพิ่มเติม
           เบอร์โทรของผมคือ (02) 564-6500 ต่อ 4406 (ที่ทำงานที่ สวทช.) และ (081) 42-42-010
ไว้คุยกันใหม่ครับ
บัญชา
ปล. เรื่อง ปรากฏการณ์ซินเนสทีเซีย นี่ ผมนำไปตีพิมพ์ในหนังสือ Know How & Know Why กฎพิสดาร-ปรากฏการณ์พิศวง เล่ม 2 สนพ. สารคดี
       ส่วนอีกเล่มหนึ่งที่กำลังจะออกมา ชื่อ โลกจิต เขียนโดยคุณแทนไท ประเสริฐกุล สนพ. a book ซึ่งคาดว่าน่าจะออกมาในช่วง มหกรรมหนังสือ เดือนตุลาคม 2550 นี้
เรื่องของคุณฝ้่ายน่าทึ่งมากครับ ไม่ควรคิดว่าเป็นความผิดปกติใดๆ แต่ควรคิดว่าเป็นความพิเศษนะครับ

สวัสดีค่ะคุณบัญชา

            ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า ตอนนี้ฝ้ายไม่ได้ทำงานทางด้านศิลปะเลยค่ะ  แต่อีกใจนึงยังรู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองน่าจะสามารถทำงานทางด้านศิลปะได้ดี และเชื่อว่าทำได้  ตอนนี้ฝ้ายเรียน ป.เอก organic chemistry อยู่ที่จุฬาค่ะ   ก็อาศัยการจินตนาการพวกนี้ ดู chiral molecule ใหญ่ๆ ตอนสอบอยู่บ่อยๆ ^ ^''

           อย่างไรก็ตาม แม้แต่ตอนนี้เองก็ไม่คิดว่า ตัวเองจะเข้าข่ายเป็น synesthesia อาจจะเป็นแค่พวกมีจินตนาการมากกว่าคนอื่น และก็ใช้อารมณ์ความรู้สึกในการรับสาร นะค่ะ  -- เพราะมันเป็นอะไรที่คล้ายความรู้สึกแบบว่า เห็นมะนาวแล้วรู้สึกเปรี้ยว อย่างนั้นมั้งคะ ซึ่งก็น่าจะเป็นกับคนทั่วไป แล้วแต่ประสบการณ์ของแต่ละคนน่ะค่ะ

           แต่ถ้าคุณบัญชาอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมในการศึกษา ก็ยินดีค่ะ ติดต่อทาง e-mail ได้ที่ [email protected] ค่ะ  อย่างน้อยก็เป็นการรู้จักตัวเองมากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วยนะคะ  ^ ^ 

ปล. การเห็นตัวเลขเป็นตุ๊กตาใส่ชุดสีที่ต่างกัน นิสัย, เพศต่างกัน นี่นับด้วยรึเปล่าค่ะ

 

สวัสดีครับ คุณฝ้าย

        ก่อนหน้านี้ ผมลองส่ง e-mail ตอบกลับไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะเด้งกลับ

        ดีจังครับ ได้รู้จัก (ว่าที่) นักวิทยาศาสตร์อีกคน ตอนนี้เริ่มทำ thesis แล้วหรือยังครับ

        เรื่อง การเห็นตัวเลขเป็นตุ๊กตาใส่ชุดสีที่ต่างกัน นิสัย, เพศต่างกัน นี่ ผมขอลองไปสืบค้นดูก่อน ในระหว่างนี้ ถ้าคุณฝ้ายสนใจ ก็ลองไปอ่านในเว็บที่ให้ไว้ได้ครับ

สวัสดีค่ะ หนูได้ลิ้งค์นี้มาจากพี่แทนไท(เว็บโลกจิตน่ะค่ะ) คือหนูไปตั้งกระทู้เกี่ยวกับซินเนสตีเซียไว้น่ะค่ะ เพราะอ่านๆหนังสือดูแล้ว อาการแบบนี้ ใช่เลยค่ะ

อย่างแรกเลยก็คือการเห็นตัวเลขและคำเป็นสีค่ะ ตัวเลขของหนูนอกจากจะแตกต่างกันเรื่องสีแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อตัวเลขก็ต่างกันด้วยค่ะ หนูรู้สึกว่าเลข2(สีฟ้า)จะเป็นเลขที่ฉลาดและเยือกเย็นมาก เลข4(สีชมพู)จะรู้สึกว่ามันหยิ่งๆค่ะ (เวลาเค้าให้เลือกเลขอะไรหนูจะไม่เลือกเลข4เด็ดขาดเพราะเห็นแล้วหงุดหงิด) นอกจากเลขแล้ว คำของหนูมักจะเป็นสีไล่เฉดอะค่ะ แบบคำว่าซินเนสตีเซียเนี่ย หนูเห็นเป็นสีม่วงๆของล่างสีน้ำเงินๆ คำส่วนใหญ่สีละไล่กันแบบนี้อะค่ะ

หนูก็เล่นดนตรีด้วยนิดหน่อยค่ะ ถ้าดนตรีสากลเนี่ยโน้ตจะเป็นแบบ C D E F G A B สีก็จะต่างกัน ส่วนดนตรีไทยโน้ตก็จะเป็น ทำให้หนูเป็นพวกชอบจำโน้ตมากกว่าดูโน้ตไปเลยค่ะ

ส่วนอีกอย่างที่หนูเป็นก็คือ เวลาเห็นคนหรือสิ่งของบางอย่าง พาลจะให้คิดและรู้สึกเหมือนว่าเค้าเป็นอีกอย่างอะค่ะ แบบเพื่อนหนูคนนึงตัวก็ไม่อ้วนนะคะ แต่ทำไมหนูรู้สึกเห็นเค้าเหมือนปลาโลมาผสมพะยูน รุ่นน้องหนูคนนึงหนูเห็นเค้าเป็นเป็ดย่างMKอะค่ะ คือแบบรู้สึกได้รสชาติเป็ดย่าง(เรื่องได้รสชาตินี่จะเป็นกับน้องคนนี้คนเดียวค่ะ)

พอหนูได้ยินคำว่า"ซีดี"จะรู้สึกคันคอมากเลยค่ะ (แต่มันไม่น่าจะเกี่ยวนะคะ)

เวลาหนูจะคิดถึงคำอะไรที่จำเนี่ย คำนั้นมันจะเหมือนมีตำแหน่งในหัวหนูเลยอะค่ะ แล้วคำกับตัเลขของหนูมันจะนูนขึ้นมาด้วยค่ะเหมือนมีเงาๆ

หนูชักจะรู้สึกว่าหนูพูดยาวไปแล้วละค่ะ ^^"(คำว่ายาวของหนู ยา-สีเขียว ว.แหวน-สีเหลืองค่ะ)แต่หนูรู้สึกขอบคุณสมองตัวเองที่ทำให้เป็นซินเนสเตเซีย(ถ้าหนูเป็นจริงๆ)เพราะเพิ่งรู้ตัวค่ะว่าที่จำๆอะไรได้เยอะหน่อยก็เป็นเพราะนี่นี่เอง

หนูขอบคุณอาจารย์บัญชามากนะคะ ลิ้งนี้ดีมากๆเลยค่ะ หนูเป็นคนชอบวิทยาศาสตร์อยู่แล้วค่ะ(อยู่ม5สายวิทย์ค่ะ)จะมาเยี่ยมลิ้งนี้ให้บ่อยๆที่สุดเลยค่ะ

ขอบคุณนะคะ

             ข้าวตู

สวัสดีครับ น้องข้าวตู

        ยินดีอย่างยิ่งที่ได้รู้จักนะครับ ^__^

        ที่เล่ามาน่าสนใจจังครับ ว่าแต่ถนัดซ้ายตามสถิติที่ฝรั่งเก็บมาด้วยหรือเปล่า?

        อีกอย่างคือ คนที่เป็นซินเนสทีเซียมักจะมีคนในครอบครัวเป็นด้วย (กรรมพันธุ์) พอสังเกตญาติคนไหนเป็นไหมครับ

        ผมขอที่อยู่ส่งไปรษณีย์ด้วยครับ จะได้ส่งหนังสือแนววิทย์ที่ผมเขียนไปให้อ่านเล่น

        ส่งมาที่ e-mail ของผม คือ [email protected] ก็ได้ครับ

        เดี๋ยวขอตัวไปก่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปประชุมที่เชียงใหม่ครับ (กำลังปรับหลักสูตรด้าน Earth Science กันอยู่)

ไว้คุยกันใหม่นะครับข้าวตู

บัญชา

 

ผมเห็นตัวเลขหรือตัวหนังสือตามความเป็นจริงครับ ถ้าให้นึกคิดก็จะนึกคิดเป็นสีดำเหมือนกันหมด สงสัยนึกคิดตามหมึกพิมพ์ส่วนใหญ่ใช้สีดำพิมพ์

ผมนั่งขับรถวิ่งเหยียบซากสุนัขตายกลางถนน ผมกลั้นลมหายใจไว้เพราะกลัวจะได้กลิ่นเหม็นซาก ทั้งๆที่นั่งอยู่ในรถปิดกระจกมิดชิดและขับด้วยความเร็ว

ผมคิดว่าผมปกติเหมือนคนส่วนใหญ่ครับ คงไม่เป็นกลุ่มอาการอย่างที่ท่านเขียนข้างบน (ขอโทษครับผมจำชื่ออาการนี้ได้ยากมาก สงสัยเพราะว่าผมมองเห็นเป็นสีเดียวกันหมดคือสีดำ เขาเรียกว่าซินเนส...อะไรนี่แหละ) ผมก็มาร่วมแสดงความคิดเห็นกับท่านเท่านี้แหละครับ

พอดีว่า เมื่อคืนนี้ ได้ดูช่อง ดิสคัฟเวอร์รี่ โดยบังเอิญ แล้วมีเรื่องของคนที่มีอาการนี้ อยู่ในรายการด้วย

 

ในรายการบอกว่า มีคนที่มีอาการนี้อยู่ทั่วโลกแค่ไม่กี่พันคน และเขาได้พาผู้หญิงชาวฮังกาเรียน(ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) ไปพบ ผู้ที่มีอาการเดียวกัน และ เข้าทดสอบที่มหาวิทยาลัยในอังกฤษ มีการยังทึกบทสนทนา ของคนพวกนั้นเอาไว้ด้วย

บอกได้คำเดียวว่าน่าทึ่งค่ะ และมันคง...แปลกดี..ถ้าเราเห็นเสียงเพลง หรือ เห็นคำพูดได้ โดยที่ไม่ต้องใช้ "จินตนาการ"

ลองสำรวจตัวเองดูแล้ว คิดว่าตัวเองคงไม่ได้เป็นคนที่มี อาการ แบบนี้ แต่จากการที่ทั้งได้ดูในทีวี และ ได้มาอ่านบทความตรงนี้ ทำให้ มีความสนใจ ขึ้นมามากเลยค่ะ ส่วนตัวเป็นคนชอบเขียนนิยาย... คิดว่าอาจจะได้ พล็อตแล้วล่ะค่ะ ฮ่ะๆ

สวัสดีครับ คุณ pyrobaby

         แหม! อยากดู Discovery ตอน synesthesia นี้จัง

         เรื่องเอา sysnesthesia ไปเป็นพล็อตนิยายนี่ ผมอยากอ่านมั่กๆ ขอเป็นเรื่องสั้นก่อนเลยได้ไหมครับ จะรออ่าน ^__^

สวัสดีค่ะคุณบัญชา

บังเอิญผ่านมาเจอค่ะ

ดิฉันมีน้องชายเป็นออทิสติก จะเห็นบุคคลแต่ละคนมีสีเฉพาะตัว ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชายตัวใหญ่หรือดุ น้องจะเห็นเป็นสีดำ หรือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆน่ารักจะบอกว่าสีแดง และแต่ละคนในบ้านก็จะมีสีเฉพาะตัว สำหรับตัวดิฉันเองน้องบอกว่าเป็นสีม่วงน้ำเงินค่ะ ทั้งๆที่เป็นคนผิวเหลืองมาก น้องสาวอีกสองคนที่ผิวขาวกว่าก็เป็นสีน้ำตาลส้มกับสีเขียวค่ะ

 อย่างนี้จัดว่าเป็น synesthesia ประเภทหนึ่งหรือไม่คะ

สวัสดีค่ะคุณบัญชา

           ฝ้ายไม่ได้เข้ามานานเลย  e-mail ด้านบนยังถูกต้องนะคะ

           เรื่องที่ถามว่าพี่น้องเป็นบ้างมั๊ย...  อืมจะบอกว่า  ไปคุยเรื่องนี่กับที่บ้าน ก็ไม่มีใครเป็นกัน แถมพี่ชายฝ้าย เรื่องการวาดรูปนี่ ทำไม่ได้เลยค่ะ เค้าบอกว่าเค้าอยากวาดรูปได้  แต่แปลงเป็นภาพเขียนไม่ออกเลย ขนาดต้องไปซื้อหนังสือหัดวาดรูปเบื้องต้นมาเป็นตัวช่วยด้วยอะค่ะ :)

            เข้ามาอ่านอีกรอบ   มีเพื่อนๆ ที่เป็นเยอะเลย ดีจังเลยค่ะ 

ตัวเองไม่เป็นซินเนสทีเซียแน่ๆ เพราะประสาทสัมผัสไม่เคยมีสีสันขนาดนี้เลย

แต่อ่านจากข้างบน คนที่เป็นอย่างนี้ชีวิตน่าจะมีสีสันมากกว่าเป็นอุปสรรคเหมือนอีกหลายอาการนะคะพี่ชิว

ถ้าดูตามสัดส่วนของคนเป็นซินเนสทีเซีย (1:25,000) แสดงว่าในชีวิตของเราน่าจะเคยเจอกันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะคิดแค่ว่า ทำไมคนๆ นี้พูดจาอะไรแปลกๆ

ที่น่าสนใจก็คือ คนที่เป็นซินเนสทีเซีย แล้วใช้ประโยชน์อะไรจากคุณสมบัติด้านนี้ของตัวเองได้บ้าง

คิว่าคงมีแน่ๆ เลยค่ะ

ถ้าเป็นพวกเปลี่ยนสัมผัสอื่นๆ เป็นสี ชีวิตก็จะมี "สีสัน" เยอะทีเดียวครับ

แต่ถ้าเป็นซินเนสทีเซียแบบอื่น เช่น ฟังดนตรีแล้วจั๊กจี้ผิวหนัง แบบนี้ต้องถามคนเป็นว่าเป็นยังไงบ้าง

คิดว่าคงจะเคยเจอกันมาบ้าง แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นอะไรแค่นั้นเอง (เพราะจู่ๆ เขาคงจะไม่บอกเราหรอกว่า นึกถึงเราแล้ว รู้สึกเหมือนได้ลิ้มรส 'หมูสามชั้น' อะไรทำนองนี้ อิอิ)

ประเทศไทยก็มีคนแบบนี้เยอะนี่ครับ ประเภทว่า

เห็นหยดเทียนเป็นเลข

เห็นต้นไม้ประหลาดเป็นเลข

หรือ อะไรแปลก ๆ มักเป็นเลขได้หมดเลย

คงไม่ทำให้เสียหมดนะครับ (บทความวิชาการ) อิอิ

คิดถึงนะครับ

สวัสดีครับ โอ

        ไม่ได้คุยกันนานเชียว  ใช่แล้วครับ อาการเห็นอะไรก็เป็นตัวเลขไปหมด (ในช่วงใกล้หวยออก) นี่เป็นกันเยอะเชียว อาจจะเป็น Thai version of Synesthesia ก็ได้ครับ(อยู่ในยีน?)

  • พี่ชิวครับ อย่าผมนี่ เห็นอะไรก็นึกถึงบทกลอน เข้าข่ายเป็น Synesthesia มั้ยครับ
  • เช่น ผมเห็นบทความ Millipedes: กิ้งกือสีชมพูและผองเพื่อน @ 192012 โดย  naree suwan ก็นึกถึงกลอนสุนทรภู่ :P
  • มุขน่ะครับ
  • มาชวนพี่ไปดู กิ้งกิ้ง กือ กะกะกิ้ง กิ้งกือ  :)
  • ปล. กาพย์กลอนที่พี่ขอมา 9507  กำลังแต่งอยู่ครับ

สวัสดีครับ กวิน

         ตามไปกินขนมจีนน้ำยาผสมกิ้งกะกือแล้วครับ อร่อยจริงๆ (หากไม่บอกก่อน)...

         เรื่อง Synesthesia นี่อย่าทำเป็นเล่นไป คนที่เป็นส่วนใหญ่มีแนวโน้มเป็นศิลปินด้วยนะ

สวัสดีค่ะ

เหมือนโลกจะกลมมากที่วันนี้หนูไปเปิดอ่านนิตยสารเล่มนึง แล้วเปิดไปเปิดมาโดยไม่ตั้งใจก้อดันมาเจอบทความของน้องข้าวตูเกี่ยวกับ Syneathesia อ่านไปอ่านมาก้อรู้สึกเหมือนสววรค์ลงมาโปรด....

เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเป็นค่ะ (แล้วก้อที่โลกกลมก้อคือ น้องข้าวตูเองก้อเคยเปนรุ่นน้องที่โรงเรียนเผดิมศึกษาค่ะ ถ้าข้าวตูมาอ่านอีก ก้อหวังว่าจะจำพี่ได้นะ)

คือหนูเองเห็นตัวอักษรและตัวเลขเป็นสีมาตั้งแต่เด็กแล้วอ่ะค่ะ แต่ก้อไม่เคยจะบอกใคร เพราะคิดว่าคนอื่นคงเปนกัน

หนูติดการจำอะไรเป็นภาพมา..อืมก้อนานแล้วเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะวันเดือนปี จะจำเปนภาพ จำเป็นกล่องสี่เหลี่ยมสีๆเรียงกัน มกราบนซ้าย จนไปถึงธันวาล่างขวา

พอเพิ่งมารู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก้อรู้สีกว่ามันเจ๋งดีค่ะ

มีอยู่ครั้งนึงเมื่อไม่นานมานี้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เล่าให้เพื่อนฟังว่า เราเหนตัวอักษรเปนสี จำอะไรเป็นภาพนะ

แล้วเพื่อนก้อบอกว่า "มึงเปนบ้า"(ขออนุญาติใช้คำหยาบ)

ตอนนั้น หนูเองยังพูดเล่นกับเพื่อนว่า อยากไปคุยกับหมอเหมือนกัน อยากรู้ว่าที่เปนแบบนี้คือเปนอะไร?

มันไม่ใช่โรคใช่ไม๊คะ?

เพราะการเปนซินเนสธีเซีย เลยทำให้หนูมีระบบการคำนวณผิดพลาดเสมอใช่ไม๊คะ?

เพราะหนูบวกเลขง่ายๆผิดตลอด(เลขหลักเดียว เช่น 2+3=8)

รู้กสึเหนื่อยหน่ายกับตัวเองที่อายุ20 แล้ว บวกเลขผิดยิ่งกว่าเด็กอนุบาลหนึ่ง

แต่อาจเปนเพราะการมองเหนเปนสีใช่ไม๊คะ จะได้เอาไปบอกได้ ว่าหนูไม่ได้โง่นะ55

ฝากถามว่า

โรคนี้ไม่เปนอันตรายใช่ไม๊คะ?

เพราะหนูเป็นคนปวดหัวบ่อยมาก

อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกัน?

รบกวนช่วยตอบด้วยนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

แตงโม

ปล.

ลืมบอกไปอย่าง

หนูมักแทนคำพูดด้วยท่าทางโดยไม่รู้ตัวค่ะ คือพอนึกจะพูดคำนี้ ท่ามันจะออกมาเลย

เช่นคำอะไรนั้น จะยกตัวอย่างก้อนึกไม่ออกเพราะมันหลายคำเหลือเกิน แต่ท่าทางจะไม่มีลักษณะเปนสากลโลกค่ะ มือไม้มันจะออกท่าออกทางขยับนิ้วไปเอง แล้วคำที่จะพูดก้อเงียบไปเองโดยอัตโนมัติ

เวลาเป็นแบบนี้ ก้อจะหยุดแล้วคิดใหม่ พูดใหม่ พอพูดอีกครั้ง ถึงจะอธิบายคำออกมาได้ด้วยคำค่ะ ไม่ต้องใช่ท่า

(เอาแค่จะพิมพารากราฟนี้ หนูยังต้องคิดนานมาก เพราะมือออกท่าไม่ได้ ต้องแปะไว้ที่คีบอร์ดอย่างเดียว แหะแหะ)

สวัสดีครับ น้องแตงโม

       ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

       ในนิตยสาร mars นี่ เขามาสัมภาษณ์พี่ด้วย เพราะพี่เคยค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่อง synesthesia นี้และนำไปเขียนเผยแพร่ไว้สักพักหนึ่งแล้ว (อีกคนคือ แทนไท ประเสริฐกุล)

       ซินเนสทีเซียไม่ใช่โรคครับ สบายใจได้ แต่ในบ้านเรานี่ แม้แต่แพทย์ยังไม่ค่อยรู้จักเลย อาจจะเป็นเพราะยังไม่มีงานวิจัยด้าน neuroscience มากนัก แต่ถ้าเป็นในต่างประเทศนี่ เขาจะให้เกียรติเชิญไปร่วมงานวิจัยด้าน neuroscience และ psychology เลยครับ

       เป็น conceptual synesthesia ด้วยหรือครับ น่าสนใจจัง ลองค้นคำๆ นี้ในเน็ตดูสิครับว่า คนอื่นๆ ที่เป็นเขามีประสบการณ์อย่างไรบ้าง?

       พี่ทิ้ง e-mail เอาไว้ให้ คือ [email protected] เผื่อจะเขียนมาสอบถามโดยตรงนะครับ

สวัสดีค่ะพี่ๆทุกคน

บูมลองค้นหาคำใน google แล้วมาเจอกระทู้นี้พอดี

รู้สึกอ่านแล้วได้ความรู้จัง ขอบคุณมากนะคะ

โดยส่วนตัวบูมเป็นคนที่เห็นตัวเลขกับตัวอักษรเป็นสี

แล้วไม่เคยรู้ว่ามันเป็นอาการอย่างหนึ่ง

รู้แต่ว่า เอ้ออ ชีวิตมันมีสีสันดีนะ

แล้วมันก็มีประโยชน์มากๆด้วย เวลาเข้าห้องสอบ

เพราะบูมจะจำสีเอา เวลาคำนวณค่าคงที่พวกค่าพาย ค่าอะไรๆทางฟิสิกส์อ่ะคะ

จะจำเป็นสีตลอด แล้วไปแปรผลเอาในห้องสอบ

แล้วเวลาทำข้อสอบเสร็จ จะจำคำตอบมาตรวจกับเพื่อนก็จำเป็นสีออกมา โหะๆ

แต่บางทีสีมันก็ตีกัน อย่างเลข4จะสีเขียวอ่อน แต่เลขสามสีเขียวเข้ม

บางทีก็แบบ...เอ๊ย ตกลงมันตัวอะไรกันแน่(เกิดบ่อยมาก ไม่งั้นก็ได้ A+ ทุกวิชาไปแล้ว 55+)

ตอนนี้บูมเรียนสัตวแพทย์อยู่ ก็จะจำตัวอักษรเป็นสี (คือมันเห็นเป็นสีเองไม่ได้บังคับมันนะ )มันจะช่วยในด้านการจำศัพท์ทางชีววิทยาได้ดีน่ะคะ

รู้สึกว่าอาการนี้มันมีประโยชน์มากๆเลยอ่ะคะ ดูเหมือนส่วนใหญ่ที่เป็นอาการนี้จะมีความสามารถทางด้านศิลป์กัน

ข้อเสียของบูมก็มีบ้าง เวลาอ่านเลขแล้วสีมันจะตีกัน เวียนหัว 55+

ขอบคุณ คุณบัญชามากๆเลยนะคะที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องซินเนสทีเซียเป็นอย่างดี ไม่งั้นบูมคงคิดว่านี่เป็นอาการของคนไฮเปอร์ 555+

แล้วจะแวะมากระทู้นี้บ่อยๆนะคะ

สวัสดีครับ บูม

        ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ^__^

        ลองหานิตยสาร mars มาอ่านสิครับ มีสัมภาษณ์น้องข้าวตูในประเด็น synesthesia ด้วย!

        พี่ให้ e-mail ไว้ซะหน่อย เผื่อเขียนมาคุยด้วยโดยตรงครับ : [email protected]  

สวัสดีค่ะทุกคน และที่สำคัญสวัสดีน้องๆที่มีอาการเดียวกันด้วย โดย เฉพาะน้องบูม(คิดว่าน่าจะเป็น"น้อง"นะคะ)

เพราะพี่ชื่อเนม ค่ะ พี่รียนสัตวแพทย์อยู่เหมือนกัน เป็นสัตวแพทย์ ม. เกษตร ค่ะ ปีห้า

สำหรับเนมแล้ว เนมมองเห็น ตัวอักษร ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ตัวเลข เป็นสีทั้งหมดค่ะ

ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว

เคยพูดกับคนอื่นเรื่องนี้ครั้งแรก ตอน อนุบาลสอง (จำได้แม่นพอๆกับที่เด็ก 5-6 ขวบจะพอจำความได้หน่ะค่ะ) เพราะพอถามเพื่อนว่าตัวอักษรนี้ของเธอสีอะไรเขาก้อบอกว่า งง เนมถามอะไรเนี่ย ไม่เข้าใจเรยตอนแรกเนมก็นึกว่าเขาคงล้อเล่นแบบไม่ยอมบอกเราว่าของเขาสีอะไรก็เลยตื้อๆๆถามเขาบ่อยๆว่า ของเธอสีอะไรของเธอสีอะไรจนในที่สุด(เพื่อนคงรำคาญหน่ะค่ะ ก็เลยทะเลาะกันแบบเด็กอนุบาลทะเลาะกัน) หลังจากนั้นก็เลยไม่เคยถามใครเรื่องนี้อีกเลย

แต่ก็ไม่เคยเอามาคิดนะคะว่าคนอื่นๆเขาไม่เป็นแบบนี้กัน รู้ว่าแต่มันไม่เห็นแปลกเลยที่มองเห็นอักษรกับเลขเป็นสี ไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคุยเรื่องนี้กับใครๆ (ก็เพราะนึกว่า คนอื่นๆก็เป็นกัน) เคยคุยกับแม่กับพ่อเรื่องนี้ แต่ดูท่านก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ (สงสัยคงคิดว่า เด็กขี้โม้วๆๆๆ พูดเรื่อยเปื่อยหน่ะค่ะ)

ทำให้ตอนนี้ที่บ้านยังไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นแบบนี้

พอตอนมัธยมอ่านหนังสือเจอคนที่เป็น synesthesia เนมก็คิดว่าอ้าวตกลงว่าคนทั่วๆไปเขาไม่ได้เป็นกันเหรอ พอเอาไปเล่าให้เพื่อนฟังที่โงเรียนอธิบายยังไงก็มีหลายๆคนที่ไม่เข้าใจ บางคนบอกว่า"ชั้นว่าแกตาบอดสีหน่ะ ไปหาหมอเช็คหน่อยดีมั้ย"

สำหรับเนม synesthesia มีข้อดีนะคะ คือช่วยในการจำง่ายมากๆๆ แบบว่าที่เรียนอยู่สัตวแพทย์บางครั้ง สามารถจำชื่อโรค อาการ ยารักษา ได้ง่าย เพราะสีคล้ายๆกัน แต่ข้อเสียก็คล้ายของบูมหน่ะค่ะ คือบางครั้งอักษร ตัวเลขสีหลายๆตัวจะคล้ายกันมากเกินไป ทำให้สับสนเวลานึกประมวลความคิดมาใช้งาน

อย่างทำข้อสอบ ถ้าเป็น choice (ซึ่งหาได้น้อยมากที่ข้อสอบจะเป็น choice) จะตอบง่ายมากเลยค่ะแค่จำสีเข้ามา พอเวลาไปกา ก็ดูให้ตัวเลือกในข้อใดที่ตรงกับสีเราก็กาเลยค่ะ แต่กรณีข้อสอบข้อเขียนจะทรมาณสมองมากค่ะ เพราะบางครั้งมันหักห้ามไม่ได้ต่ออิทธิพลสีที่มีเหนือตัวอักษรหรือคำหน่ะค่ะ ทำให้บางครั้งเขียนคำที่มีสีคล้ายกับคำตอบที่ถูกลงไป แต่เป็นคำตอบที่ผิดหน่ะค่ะ เช่นคำว่า xylazine zolitil doxapam ซึ่งจะมีสีโทนเดียวกันเลย แต่กลุ่มคำเหล่านี้เป็นชื่อยาในกลุ่ม ยาสลบ ยาซึม ยานำสลบ ยาแก้ชักที่ออกฤทธิ์แตกต่างกันค่ะ ทำให้ยากลำบากต่อเนมมากเลยค่ะ

นอกจากอักษรและตัวเลข ทั้งไทยทั้งอังกฤษ และเลขไทยและอารบิก เนมยังเห็นแป๊นเปียโนเป็นสีด้วยค่ะ และมีความรู้สึกต่อโน๊ตดนตรีในสีต่างๆกัน เช่น โด=ดำ เร=แดง มี=ฟ้า ฟา=น้ำเงิน ซอล=เหลือง ลา= แดง(แต่รู้สึกเหมือนจะไม่แดงแสดแจ๊ดเท่า เร) ที=เขียว ค่ะ (แต่กลับเป็นตัวโน๊ตบนกระดาษเป็นสีดำตามปกติหน่ะค่ะ)

ปล เห็นสระ วรรณยุกต์ สี ดำตามปกติหน่ะค่ะ ส่วนตัว"O"เนมก็เห็นสีขาวแบบที่ส่วนมากมักเห็นกัน

ปลล ใครอยากเอาไปทำ case ก็ได้นะคะ ยินดี เพราะอยากรู้เรื่องนี้มากๆเหมือนกันค่ะ

สวัสดีครับ เนม

        ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

        ถ้าผมจะเขียนบทความเพื่อนำลงในนิตยสาร จะขอ quote คำพูดของน้องเนม ได้ไหมครับ หรืออาจจะขอสัมภาษณ์ผ่าน e-mail เพิ่มเติม เพื่อเป็นข้อมูลให้กับวงการวิชาการครับ

        เพราะดูแค่จากบล็อกนี้ เจอคนเป็น synesthesia หลายคนแล้ว

        E-mail ของผมคือ [email protected] จะขอ E-mail ของ เนม ได้ไหมครับ

        ขอบคุณครับ

ได้ค่ะ ยินดีมากเลยค่ะ

อยากให้คนไทย รู้จัก synesthesia มากขึ้นค่ะ เพราะคนที่เป็นไม่ใช่คนผิดปกติอะไร แค่อยากให้คนอื่นๆเข้าใจ มุมมองและการรับรู้ความรู้สึกต่อสิ่งต่างๆของเราที่แตกต่างจากคนทั่วไปหน่ะค่ะ

สวัสดีครับ เนม

       รบกวนขอ e-mail address ด้วยครับ ส่งมาให้ผมที่ [email protected] ก่อนนะครับ ^__^

       ลองหานิตยสาร mars ฉบับเดือนกรกฎาคมมาอ่านดู จะมีสัมภาษณ์น้องข้าวตู (ที่เป็น synesthesia) อยู่ในนั้นครับ

สวัสดีครับ

ผมไม่ได้เห็นตัวเลขหรือตัวอักษรเป็นสี แต่ว่าทุกตัวจะมีสีของตัวเอง ( คือที่ตามองเห็นก็เป็นสีธรรมดา แต่ในหัวมันจะรู้เองว่าตัวนี้ หรือคำนี้มีสีอะไร )

ตอนเด็กผมก็สงสัยว่าทำไมตัวเลขนี้หรือตัวอักษรตัวนี้ถึงมีสีนี้แต่ก็ไม่ได้ถามใคร และผมก็นึกว่าทุกคนก็รู้สึกเหมือน ช่วงอยู่มหาลัยมีโอกาสได้คุยกับเพื่อน กับพ่อแม่ ก็เลยได้ทราบว่า คนอื่นเขาไม่เป็นกัน ก็เลยลองหาข้อมูลในเน็ต แต่ยังไม่แน่ใจว่าอาการที่ผมเป็น เป็น synesthesia หรือเปล่า

เพราะผมรู้สึกว่าตัวหนังสือบางตัวหรือตัวเลขบางตัว สีของมันคลุมเคลือ และไม่โดดเด่นเท่าบางตัว จนบางตัวรู้สึก แต่อธิบายเป็นสีไม่ได้

อยากถามว่าอาการนี้เข้าข่าย synesthesia หรือเปล่าครับ

สวัสดีครับ

         ผมว่าที่อธิบายมานี้ก็คือ synesthesia นั่นล่ะครับ น่าจะมีเวทีให้คนที่เป็นมาคุยกันเหมือนกันนะครับเนี่ย

เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ ความจริงผมรู้สึกอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่เป็นกับตัวเลขแต่ สามตัว คือ 3 5 8

ผมมักมีความรู้สึกว่า เลข 3 เป็นสีแดง เลข 5 เป็นสีเขียว และ เลข 8 เป็นสีม่วง

มันช่วยทำให้ผมจำได้ว่า 3 + 5 = 8 แต่ก็ทำให้รู้สึกขัดแย้ง เวลาผสมสี

สวัสดีครับ คุณรัตน์

         น่าสนใจมากครับ รู้สึกเฉพาะ 3 ตัวนี้หรือครับ (ไม่ได้ให้หวยเลขท้าย 3 ตัวอยู่นะ..ฮา)

         แล้วพวกตัวหนังสือ ก ข ค หรือ A B C ล่ะครับ?

ผมเป็นแค่กับตัวเลขสามตัวนี้แหละครับ

ขอบคุณมากครับคุณรัตน์ น่าสนใจทีเดียวครับว่าตัวอื่นไม่รู้สึกว่าเป็นสี

มี 2 คำถามต่อเนื่อง ถ้าแวะมาอ่านใหม่นะครับ

     1) ถ้าเป็นตัวเลขไทย หรือตัวเลขแบบอื่นๆ จะรู้สึกเป็นสีไหมครับ

     2) แล้วพวกตัวอักษรล่ะครับ เป็นสีไหม?

ขอบคุณมากครับ

ตัวเลขไทยไม่ค่อยเป็นครับ ถ้าจะเป็นก็คือเห็นตัวเลข รับรู้ว่ามันเป็นตัวเลขนั้น แล้วถึงรู้สึก แต่ถ้าเป็นเลขอารบิคจะรู้สึกเลย เลขที่ชัดที่สุดคือ เลข5

ตัวอักษรก็ไม่เป็นครับ หรือว่าไม่เคยสังเกต

แต่ตัวเลข 3 5 8 นี่ไม่ต้องสังเกตเลยครับ รู้สึกเลยว่ามันต้องเป็นสีนั้นๆ

เล่าต่ออีกนิดครับ

เคยทดลองว่าจะสามารถจับคู่สีกับตัวเลขทั้งหมด หรือพยายามดูว่ามีตัวเลขอื่นๆเป็นอีกไหม รวมทั้งตัวเลขมากกว่า 1 หลัก แต่ทำไม่สำเร็จครับ มันได้แค่3ตัวนี้เท่านั้น

สวัสดีครับ คุณรัตน์

        ขอบคุณมากเลยครับ ข้อมูลนี้น่าสนใจจริงๆ

        มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งบอกว่า ลูกชายของเธอ (ยังเด็ก) บอกว่า เลข 5 มีสีน้ำตาลครับ

       ผมก็เลยให้ข้อมูลในบทความนี้ไป เด็กอาจจะเป็นซินเนสทีเซียก็ได้ครับ

เจ๋งดีนะผมว่า

น่าจะมียาอะไรที่กินแล้ว

เกิดอาการอย่างนี้บ้างนะ

คงเพลินดี

แบบนั่งชิลๆ ฟังเพลง แล้วมีสีด้วย

เอามาทำงานศิลปะได้เลย

แบบฟังเพลงนี้แล้วสีสันอย่างไง ก็ระบายออกมา

แล้วก็ตั้งชื่อภาพจากชื่อเพลงเลย

เอาพรสวรรค์ไปใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้สบายเลยครับ

ลองหาดูนะว่าจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง

จากที่ดูอย่างนี้ถ้าเล่นพวกไพ่ หรือ เกมส์ที่เป็นตัวเลขจะได้เปรียบกว่าคนปกติไหมครับ

สวัสดีครับ แบ็งค์

          ไม่อยากบอกเลยว่า ยาอี (E ย่อมาจาก Ecstasy) สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ซินเนสทีเซียแบบชั่วคราวได้ ตราบเท่าที่ยายังออกฤทธิ์อยู่ครับ

          เรียกกรณีเช่นนี้ว่า chemically-induced synesthesia คือ ซินเนสทีเซียที่เกิดจากสารเคมี

          นี่เองกระมังครับที่ทำให้วัยรุ่นติดยาอี เพราะมันทำให้ได้รับประสบการณ์แปลกๆ เช่น ฟังเสียงคนพูดแล้วรู้สึกอบอุ่น เห็นดอกกุหลาบก็ว่าหวาน ฯลฯ

มก็เป็นนะเวลาฟังดนตรีเพราะๆมันเหมือนมีอะไรบางอย่างมันหลุดออกไปจากตัว คล้ายๆกลุ่มควันมันลอยออกไปจากตัวแล้วเหมือนเนื้อที่แขนกับตรงคอจะถูกดึงไปด้วยหนะครับ ผมจะเป็นไอ้โรคนี้ป่ะเนี่ย

ยังไม่เคยเจอคนที่เป็นซินเนสเตเซียสักคนเลย พยายามถามคนรอบข้างก็ไม่มีใครเป็นค่ะ แต่ตัวเองเป็นซินเนสเตเซีย ประเภทเห็นตัวอักษรเป็นสีค่ะ พยัญชนะไทย อังกฤษ ตัวเลข แต่ตัวสระจะเป็นสีขาวทั้งหมดค่ะ ตัว A เป็นสีฟ้า และแน่นอน ตัว O เป็นสีขาว ค่ะ สำหรับอักษรจีนและญี่ปุ่น จะไม่เห็นเป็นสีค่ะ แต่จะแทนสีอักษรจีนและญี่ปุ่นตัวนั้น ๆ ตามการออกเสียงที่ใช้พยัญชนะภาษาไทยสะกด (ไม่รู้จะอธิบายว่าไงดี) เป็นมาตั้งแต่เด็กค่ะ ตอนนี้แก่ค่อนคนแล้วก็ยังไม่หาย เมื่อก่อนตอนเรียนหนังสือจะกังวลบ่อยครั้ง เนื่องจากบางอักษรสีคล้ายกันทำให้อ่านผิดค่ะ อ่านออกเสียงไม่ค่อยเก่ง สะกดคำไม่ค่อยเป็นค่ะ แต่ข้อดีก็คือ เหมือนมี Mode พิเศษ กวาดตาผ่านก็เข้าใจทั้งหมดได้โดยไม่อ่าน ไม่สนใจว่าสะกดยังไง แบบว่าขี้โกงจำสีเอาค่ะ บางครั้งสามารถใช้รูปลักษณะอย่างอื่นแทนคำต่าง ๆ เช่นว่า ใช้รูปลูกศรแทนคำว่า ความเสี่ยง หรือ ใช้วงกลมแทนคำว่า การควบคุม เป็นต้น เวลาสอบก็ท่องแค่สัญญลักษณ์และสีที่เราเข้าใจเอง สิบหน้าก็จำแค่สิบรูป ในขณะที่เพื่อนเรียนด้วยกันต้องท่องจำสิบหน้า เหมือนจะได้เปรียบคนอื่นนิด ๆ ตัวเองไม่ได้ถนัดซ้ายค่ะ ถนัดทั้งสองข้างโดยเลือกใช้งานแล้วแต่สถานการณ์ แต่เขียนหนังสือข้างขวา(ถูกบังคับตอนเด็ก) มีแต่คนในครอบครัวกับเพื่อนสนิทเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นซินเนสเตเซียค่ะ ไม่กล้าบอกคนอื่น กลัวเค้าว่า " บ้า " นอกจากความรำคาญที่ต้องเปลี่ยนมาใช้ Mode ปกติเป็นบางครั้งในการสะกดคำที่ไม่เคยเห็นเท่านั้น ที่เหลือก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติค่ะ ^.^

คุณลูกเกด สวัสดีครับ

         น่าสนใจมากๆ เลย โดยเฉพาะ Mode พิเศษที่เล่ามา

         ในบันทึกนี้มีคนเป็น synesthesia หลายคนครับ เช่น คุณฝ้าย & น้องข้าวตู เป็นต้น

รู้สึกดีใจมากค่ะ ที่มีคนที่เป็น synesthesia เหมือนกันหลายคน ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแล้วค่ะ

สวัสดีครับ คุณลูกเกด

         ดีจังครับ ผมเองไม่ได้เป็น แต่คิดว่าเข้าใจ เพราะได้ฟังจากหลายท่านที่เป็น synesthesia ครับ

..สวัดดีค่ะ..ดีใจจังเลยค่ะที่มาเห็นลิ้งนี้เลยตามเข้ามาอ่านดู..ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ

..อาการ synesthesia มิทราบว่าจะมีอาการแบบอื่นอีกหรือเปล่าค่ะ..คือหนูไม่ได้มีอาการเห็นตัวอักษรเป็นสีค่ะ..แต่จะรู้สึกประมาณว่า..เวลาเห็นผู้ชายหรือนึกถึงผู้ชายฉันจะเห็นเป็นสีน้ำเงินๆ ผู้หญิงฉันจะเห็นเป็นสีออกโทนแดงๆ เด็กๆจะเห็นออกสีขาวๆ ญาติๆจะเห็นเป็นสีเขียว คนมีอายุหน่อยจะเห็นเป็นสีเหลืองออและจะเห็นเป็นสีแตกต่างกันออกไป หรือในทางกลับกันเวลาฉันเห็นสีเหล่านี้ก็จะทำให้ฉันเห็นเป็นตัวบุคคลอยู่ในนั้นตลอด...เช่นกระดาษสีน้ำเงินแผ่นนี้หล่อจัง..หรือกระดาษสีแดงแผ่นนี้สวยจัง อาการที่หนูเป็นก็จะประมาณนี้ค่ะ จนบางครั้งระแวงคนอื่นไปทั่วเพราะเห็นสีของเขามันออกทึมๆปนดำ เหมือนพวกคิดร้ายจิตใจไม่สะอาดอาการที่หนูเป็นก็จะประมาณนี้อ่ะค่ะ..ไม่ทราบว่าอาการ synesthesia ที่ว่ามีอาการในลักษณะแบบนี้บ้างหรือเปล่าคะ..

และยังมีอีกอาการนึงคือเวลาฟังเพลงจะมีความรู้สึกเหมือนโดนอะไรซักอย่างกระทำ เช่น เวลาฟังเพลงร๊อคประมาณเพลงของวง bigass จะรู้สึกเหมือนเดินชนประตูห้องแรงๆ ฟังเพลงของบอย โกสิยพงศ์ จะรู้สึกเหมือนโดนสาดด้วยน้ำเย็นๆ ฟังเพลงของเจี๊ยบวรรธนา จะรู้สึกเหมือนมีคนมาเกาที่แขนเบาๆ จะรู้สึกจั๊กจี้มากเวลาฟังเพลงเจี๊ยบ(แต่จะรู้สึกกับบางเพลงเท่านั้นค่ะ..ไม่ใช่ทุกเพลง) และเพลงอื่นๆก็จะรู้สึกแตกต่างกันไปค่ะ..ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเหมือนอาการของพวกที่เรียกว่า"บ้าจี้"อ่ะค่ะ หรือไม่ก็พวกที่ได้ยินเสียงหมาหอนจะรู้สึกกลัวผีอะไรประมาณนั้น....อาการที่ว่านี้เป็นมาตั้งแต่จำความได้แล้วค่ะ..ตอนนี้ก็อยู่ในวัยทำงานแล้ว..อาการนั้นก็ยังเป็นอยู่.. บางครั้งจนกลัวความรู้สึกและอาการของตัวเองค่ะ แต่ก็หาข้อมูลมาตลอดว่าอาการที่ว่านั้นเป็นอาการผิดปกติหรือ กรุณาแนะนำด้วยนะคะ..

อ่อ..เกือบลืมไปค่ะ..เป็นคนถนัดซ้ายค่ะ..

เด็กๆ ผมเห้นสามเณรเป็นลูกพระ

เห็นคนต่างด้าวเป็นมนุษย์ต่างดาว

ขอพ่อข่ีหมา แทนการขี่ม้า

เรียนวิศวะไม่จบ

เห็นแคลคูลัสเป็นกราฟฟิค

เห็นผู้หญิงน่ารักแล้วรู้สีกหอม

เห็นเกย์แล้วนีกถืงขี้

เห็นแมวแล้วนีกถืงสำลี

ฟังเสียงกีต้าร์ไฟฟ้าตอนลีด แล้วเหมือนเห็นสีเงิน

ฯลฯ

รับรสชาติเป็นรูปร่าง และได้ยินเสียงเป็นรสชาติค่ะ

ที่ชัดคือ มีภาพก้อนรสชาติเป็นส่วนๆ เวลากินอาหารค่ะ

เค็มเป็นสี่เหลี่ยมก้อนใหญ่ๆ หวานวงกลมกลิ้งๆได้ เผ็ดเป็นแท่งแผ่นๆ เปรี้ยวเป็น เม็ดๆยาวๆ ทรงเหมือนเม็ดถั่งแดง

แต่รู้สึกว่าลดลง หลังจาก สูบบุหรี่จัดติดต่อกันมา 5 ปี

แต่แยกแยะและบอกคนอื่นตามปกติได้ ว่าคืออะไร หวานยังไง เผ็ดยังไง

ส่วนเห็นตัวอักษรเป็นสี รู้สึกว่าหายไป หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอน 12 ขวบค่ะ

แต่ก่อนหน้านั้นรู้สึกแปลก แต่จำหลายๆอย่างได้ดี ด้วยสี

ส่วนตอนนี้ ทำงานสามอย่างค่ะ เป็นศิลปินอิสระ และทำร้านอาหารที่ทำอาหารเอง และร้องเพลงกับวงดนตรี

ซึ่งรู้สึกมาตลอดว่า สามอย่างนี้มันเชื่อมโยงกันตลอดค่ะ

ตอนนี้กำลังจะศึกษาต่อปริญญาเอก ด้านจิตวิทยาศิลปะ ที่ ญี่ปุ่นค่ะ

มีเวลาพิมพ์น้อย จะกลับมาเล่าต่อนะคะ



พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท