ฌาณคืออะไร ? ฌานเกิดจากอะไร ?
โดยอาจารย์การุณย์ บุญมานุช
ฌานเป็นแผ่นขาว ใส เกิดจากขยายดวงธรรมให้โตออกแล้วกายธรรมนั่งบนนั้น ลักษณะของฌานนั้น กลมคล้ายเขียงที่เราให้หั่นผักศูนย์กลาง ๒ วาหนา ๑ คืบ หากเป็นฌานของกายธรรมก็มีขนาดโตยิ่งขึ้นไป ฌานทำหน้าที่เป็นพาหนะให้แก่กายทำให้กายไปไหนมาไหนได้เร็ว
อารมณ์ฌานกับแผ่นฌานไม่เหมือนกัน
แผ่นฌานคือการขยายดวงธรรมให้โต คือวิชาที่เราจะทำต่อไปนี้
ส่วนอารมณ์ฌานนั้น เกิดจากสภาพใจที่สงบระงับ เช่น
ปฐมฌาน มีองค์ ๕ ได้แก่ วิตก วิจาร ปิติ สุข
เอกัคตา
เรามักได้ยินคำ วิตกวิจารณ์ แปลว่า
เป็นทุกข์กังวลใจ อย่าปนกับวิตกและวิจาร
คำวิตก แปลว่า ตรึก นึก ตรอง
คำวิจาร แปลว่า ใคร่ครวญโดยปัญญา
วิตก หมายความว่า ใจประคองดวงนิมิตได้
ไม่เผลอไปเรื่องอื่นเลย อารมณ์เรายึดมั่นแต่นิมิตเท่านั้น
มาถึงขั้นวิจาร หมายความว่า
ประคองใจให้ถูกส่วนว่าจะวางใจอย่างไรเช่นไรเป็นขั้นใช้ปัญญา
คำทางพระทั้ง ๒ คำนี้
ทำความยุ่งยากใจพอสมควร นักปฏิบัติเขาไม่ห่วงเรื่องถ้อยคำ
แต่นักวิชาการเขาเคร่งครัด
อารมณ์ฌานในเรื่องวิตกก็คือ
ไม่เผลอและไม่ง่วงนอน พอถึงขั้นวิจารไม่มีความลังเลสงสัย
พอถึงขั้นปิติ เกิดขนลุกบ้าง เกิดความโปร่งใจบ้าง เกิดความพอใจ
พอถึงขั้นสุข ก็คือสบายใจแล้วอย่างนี้ดีแล้ว
พอถึงขั้นใจดิ่งคือใจเป็นหนึ่ง ก็คือขั้นเอกัคตารมณ์
อารมณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแก่ผู้ฝึกทำภาวนาไม่ว่าสายใด ๆ
แต่แผ่นฌานไม่เกิดแก่กาย ไม่รู้จักว่าฌานมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร
และอยู่ที่ไหนแต่การเจริญภาวนาแนว สัม มา อะ ระ หัง
เราทำได้ทั้งอารมณ์ฌาณและเกิดแผ่นฌาน
ต้องขอขอบคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำสักร้อยครั้ง
เพราะใคร ๆ ก็อยากทำฌานกันทั้งนั้น เพราะสบายใจ เกิดความสุขทางใจ
ไปค้นคว้าในปิฎก พบแต่เรื่องอารมณ์ฌาน ส่วนวิธีทำแนวปฏิบัติ
รูปพรรณสัณฐานไม่มี และศึกษาค้นคว้าที่ใดไม่ได้ด้วย
เคราะห์กรรมจึงมีแก่ผู้ใฝ่รู้ทั้งหลาย เพราะเราไม่รู้วิธีทำ
ชีวิตของเราจบลงด้วยความไม่รู้ แต่ด้วยมีอุปนิสัยมาแต่ปุเรภพชาติ
ค้นคว้าธรรมไปตามคติของตน พบวิชาบ้าง
ก็เป็นวิชาของมารเขาหรือวิชาของพระปนของมาร บัดนี้เป็นโอกาสดีแล้ว
หลวงพ่อวัดปากน้ำมาชี้ขาดในทุกเรื่องแล้ว
ขอเชิญท่านเรียนได้ตามใจชอบ
ทุติยฌาน มีอารมณ์ฌาน ๓ คือ ๑. ปิติ ๒. สุข
๓. เอกัคตา
ตติยฌาน มีอารมณ์ฌาน ๒ คือ ๑.สุข ๒.
เอกัคตา
จตุตถฌาน มีอารมณ์ฌาน ๒ คือ ๑. เอกัคตา ๒.
อุเบกขา
อากาสานัญจายตนะ
พิจารณาอากาศว่าเป็นความว่างเปล่าปราศจากอารมณ์โดยกำหนดให้อากาศเป็นวงกลม
วิญญาณัญจายตนะ
เพ่งอากาศที่เป็นวงกลมให้ว่างจากนั้นจะเห็นความใสยิ่งกว่าอากาศ
มีลักษณะเป็นวงกลมเช่นเดียวกัน เราจะเกิดความรู้สึกว่า
ความใสอันเป็นวงกลมนั้นมีวิญญาณ
คือมีชีวิตจิตใจอยู่ก็ไม่ใช่จะว่าไม่มีชีวิตจิตใจก็ไม่เชิง
ยังคาบลูกคาบดอก
อาจิญจัญญายตนะ
เมื่อดวงกลมใสจะมีวิญญาณก็ไม่ใช่ ไม่มีวิญญาณก็ไม่เชิงได้หายไปแล้ว
เกิดความรู้สึกทางใจขึ้นมาใหม่ คือรู้สึกว่าไม่มีอะไรอีกแล้ว
ว่างจนกระทั่งไม่มีอะไร
เนวสัญญานาสัญญายตนะ
เมื่อความรูสึกว่างจนไม่มีอะไร
ได้หายไปแล้วจะเกิดอารมณ์คือความรู้สึกอย่างใหม่เกิดขึ้นคือ
จะรู้สึกตัวก็ไม่ใช่ จะว่าไม่รู้สึกตัวก็ไม่ใช่
เป็นลักษณะคาบลูกคาบดอก
คือจะว่ามีสัญญาก็ไม่ใช่จะว่าไม่มีสัญญาก็ไม่เชิง
นี่คืออารมณ์ของเนวสัญญานาสัญญายตนะ สัญญา แปลว่า จึงได้หมายรู้
ฌานเต็มส่วนกับฌานไม่เต็มส่วน
ฌานไม่เต็มส่วน คือเกิดแต่อารมณ์ฌาน
แต่ไม่เกิดแผ่นฌานที่ก้นกาย ส่วนฌานเต็มส่วนนั้น
เกิดทั้งอารมณ์ฌานและเกิดแผ่นฌาน การเจริญภาวนาแบบกำหนดลมหายใจเข้าออก
ไม่ตั้งใจที่ศูนย์กลางกาย จึงทำได้แค่อารมณ์ปฐมฌานจะให้สูงกว่านี้
ยากเสียแล้ว เพราะกิเลสทางใจหรือที่เราเรียกว่าศัตรูทางใจ
พูดอย่างเราก็ว่ามารรบกวนตลอดเวลา
ฌาณทัสสนะ บางอย่างอาจแม่นยำได้
มารเขาไม่ขวางเขาเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
เราจะเห็นเขานั่งภาวนากันได้นาน ๆ
พอภาวนาพิจารณาลมหายใจเข้าออกถึงขั้นละเอียดจะพบความว่าง สบายใจ
ตัวเบา สบายใจ ทำได้แค่นี้เมื่อไรก็อย่างนี้ แต่ความรู้ไม่ไปไหน
วนเวียนอยู่ในเรื่องว่าง สบายใจ แค่นี้
เพียงแต่จะเข้าถึงกายฝัน ยังเข้าไม่ได้
เปิดตำราอยากเรียนอะไร ก็ไปกำหนดกันในว่างนั้น
ว่างนั้นก็ส่งวิชาให้เห็นเรื่อยไป ชีวิตเราจบลงด้วยความรู้เพียงแค่นี้
เราทุ่มเทชีวิตกันทั้งชีวิต แต่รู้เห็นได้แค่นี้ น่าเสียใจ
แต่การทำวิชาแนววิชากายธรรม
พระบรมศาสดาทรงทำอย่างไร เราก็ทำอย่างนั้น
แต่เราจะเห็นจริงจังอย่างพระองค์ไม่ได้
และจะให้เราเห็นแจ้งอย่างหลวงพ่อวัดปากน้ำย่อมไม่ได้
เพราะบารมีของเราไม่เท่าพระองค์
การอบรมบ่มอินทรีย์ของเราไม่เท่าพระองค์นั่นเอง
ที่เรียกว่าสมาบัติคืออะไร
สมาบัติ คือ การเดินวิชาแบบอนุโลมปฏิโลม
ตำราเขาบอกว่าให้เดินถึง ๗ เที่ยว คือเดินหน้าไป ๑ ย้อนกลับมา ๑
ให้นับเป็น ๒ เที่ยว เพิ่มความยากขึ้นอีกก็คือเข้าฌานไปด้วย
ไม่เดินวิชา ๑๘ กายธรรมดา เหตุผลก็เพื่อให้กายใส ดวงธรรมใส
และฌานก็ใสด้วย เพราะถ้าไม่ใส ธรรมกายจะไม่ตกสูญหากธรรมกายไม่ตกสูญ
ท่านให้เดินวิชาเพิ่มจำนวนเที่ยวขึ้นอีก จนกว่าธรรมกายจะตกสูญ
********
" ต้องขอขอบคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำสักร้อยครั้ง เพราะใคร ๆ ก็อยากทำฌานกันทั้งนั้น เพราะสบายใจ เกิดความสุขทางใจ ไปค้นคว้าในปิฎก พบแต่เรื่องอารมณ์ฌาน ส่วนวิธีทำแนวปฏิบัติ รูปพรรณสัณฐานไม่มี และศึกษาค้นคว้าที่ใดไม่ได้ด้วย"
แล้วคำกล่าวที่ว่า "เมื่อเรียนรู้ธรรมะใดแล้ว นำมาสอบทานกับพระไตรปิฏกถ้าลงลอยกันได้ถือว่าคำสอนนั้นถูก ถ้าไม่ลงลอยกันถือว่าคำสอนนั้นผิด"
ตามข้อความข้างต้นที่ผมยกมาจากบทความของท่านหมายความว่า คำกล่าวนี้ผมยกมาผิดใช้ไหมครับ
แล้วคำกล่าวที่ว่า "เมื่อเรียนรู้ธรรมะใดแล้ว นำมาสอบทานกับพระไตรปิฏกถ้าลงลอยกันได้ถือว่าคำสอนนั้นถูก ถ้าไม่ลงลอยกันถือว่าคำสอนนั้นผิด"
ตามข้อความข้างต้นที่ผมยกมาจากบทความของท่านหมายความว่า คำกล่าวนี้ผมยกมาผิดใช้ไหมครับ
ไม่ผิดดอกครับ เเม้เรื่องที่ได้นำเสนอนี้ก็ตรวจสอบแล้วอารมณ์ฌาณที่เกิดขึ้นตรงตามหลักพระไตรปิฎก ส่วนเรื่องของแผ่นฌาณนั้นการที่เห็นได้เกิดจากการเข้าถึงญาณทัสสนะที่ละเอียด สมจริงดังพระพุทธดำรัสที่ตรัสว่า ธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นลุ่มลึกไปเป็นลำดับ การตรึกนึกตรองไม่อาจจะหยั่งถึง ต้องปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรมนั้นแลจึงจะแจ้งผล(ปฏิเวธ)แห่งธรรมนั้น
อนึ่ง หลวงพ่อวัดปากน้ำรอบรู้ในพระไตรปิฎกและสอบทานโดยละเอียดแล้วจึงนำมาประพฤติปฏิบัตินั่นแล
พระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://khunsamatha.com/blog/dhammakaya-C5.html