บันทึกนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ความจำการรู้สึกสัมผัส โดยจะเริ่มจากข้อความใน (ก) และ (ข) ดังนี้
(ก) (1)(สิ่งเร้า)-------------------------(2)(พฤติกรรม)
(ข) (1)(สิ่งเร้า)------(2)(กิจกรรมของสมอง)------(3)(ความรู้สึก)------(4)(พฤติกรรม)
ที่ (ก) มีแต่ความสัมพันธ์ระหว่าง (1)(สิ่งเร้า)---(2)(พฤติกรรม) ที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าเท่านั้น ไม่มีบทบาทของสมอง และจิต อยู่เลย กลุ่มพฤติกรรมนิยม(Behaviorism)ที่แท้จรืงจะสนใจแบบนี้ คือ พฤติกรรมของคนหรือสัตว์จะเป็นเช่นไร จะขึ้นอยู่กับ สิ่งเร้า ไม่มีบทบาทของสิ่งที่เรียกว่าว่าจิตเลย ทั้งนี้ก็เพราะว่า กลุ่มนี้ปฏิเสธจิต เพราะจิตเป็นอสสาร อสสารไม่มีอยู่จริงในจักรวาลนี้ ที่มีอยู่จริงก็แต่สสารและผลจากการเปลี่ยนแปลงของสสาร และสามารถสังเกตได้ เท่านั้น ตามแนวความเชื่อของสสารนิยม หรือ Materialism (ยกเว้นในระยะหลัง ๆ ที่ความเชื่อดังกล่าวค่อยหย่อนลงมาบ้าง) ถ้าถามว่า ความจำคืออะไร? กลุ่มนี้จะตอบว่า คือการชี้ได้, บอกได้. บอกได้สิ่งใด สิ่งนั้นคือความจำของผู้ชี้
ที่(ข) จะเห็นว่า ระหว่าง(1)และ(4) ยังมีสมอง และ ความรู้สึก มีบทบาทร่วมอยู่ด้วย นั่นคือ (1)+(2)+(3) ร่วมกันมีบทบาทต่อ (4) ด้วย กลุ่มความรู้นิยม(Cognitivism)มีความเชื่อแบบ(ข)นี้. ซึ่งผมจะอธิบาย(ข)ด้วยตัวอย่างต่อไปนี้
ในขณะนี้ท่านมีความรู้สึกตื่นตัวอยู่ มีสิ่งต่างๆอยู่รอบกายท่าน แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็น สิ่งเร้า ของท่าน คือ ตัวอักษร ที่เรียงกันเป็นพืด เพราะว่าท่านกำลังอ่านหนังสือจากบันทึกนี้อยู่ คลื่นแสงกระทบตัวอักษร แล้วสะท้อนเข้าตาท่านไปจนถึงบริเวณเรตินา(Retina)ที่หลังลูกตา จากนั้นคลื่นแสงก็จะถูกเปลียนไปเป็นกระแสประสาท และเดินทางต่อไปจนถึงกลุ่มนิวโรนที่แดนการรู้สึกเห็น(Visual Cortex) ที่บริเวณท้ายทอย กระตุ้นนิวโรนที่บริเวณนั้นให้แสดงกิจกรรม(ขั้นที่(2)ตาม(ข)). ขั้นต่อมาเป็นขั้นที่(3)(ความรู้สึก)ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องมาจากกิจกรรมของกลุ่มนิวโรนดังกล่าว เหตุการณ์นี้นักจิตวิทยามักใช้คำแตกต่างกัน เช่นใช้คำว่า จิตภาพ (Image), จิตภาพย้อนหลัง(After Image), Icon(ภาพเหมือนสิ่งเร้าที่เข้ากระตุ้น) เป็นต้น ความรู้สึกตามขั้นนี้แหละที่ทำให้ท่านรู้สึกตัวว่า ท่านกำลังอ่านหนังสือนี้อยู่ ท่านกำลังตื่นอยู่ ถ้าไม่มีความรู้สึก ท่านก็ไม่รู้ว่ามีตัวท่านอยู่ในโลกนี้ เช่นเดียวกับเมื่อท่านนอนหลับ ซึ่งท่านไม่รู้สึกตัว ขณะนั้นท่านไม่รู้ว่ามีท่านอยู่ในโลกนี้ ทุกคนจึงมีประสบการณ์ด้วยตัวเองกับความรู้สึก ความรู้สึกจึงมีบทบาทมากอยู่ระหว่างขั้นที่ (1) และ (4)
ขั้นที่(2)(กิจกรรมของนิวโรน)และ(3)(ความรู้สึก)จะยังคงอยู่ต่อไปชั่วขณะหนึ่ง เพื่อรอรับความหมายที่จะถูกดีง(Retrieval)มาจากความจำระยะยาว(Long-Term Memory-LTM),มาให้กับการรู้สึกนั้น และการที่กิจกรรมของนิวโรนและความรู้สึกนั้น ยังคงอยู่ชั่วขณะหนึ่งนั้น เราจึงถือว่าเป็นความจำ และตั้งชื่อว่า ความจำการรู้สึกสัมผัส (Sensory Memory - SM) นอกจากนี้ยังมีชื่ออื่นอีก เช่น Sensory Storage, Sensory Registers, เป็นต้น. แต่หลังจากที่มันได้ความหมายที่ดึงมาจาก LTM แล้ว มันก็จะกลายเป็น การรับรู้(Perception) นั่นคือ ท่านอ่านตัวอักษรนั้นรู้เรื่องแล้วขณะนี้ และมันจะต้องไปอยู่ในองค์ประกอบที่ชื่อว่า ความจำระยะสั้น(Short - Term Memory (STM) ไปทันที.
SM นี้ เป็นอง์ประกอบหนึ่งของโครงสร้างของความจำ(Memory Structure) ยังมีอีกสององค์ประกอบที่มีบทบาทสัมพันธ์กันคือ STM & LTM ซึ่งผมจะบันทึกต่อไป.
อยากทราบความหมายของมโนทัศน์ค่ะ กรุณาตอบทีน่ะค่ะ
ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
จาก ผู้ศึกษาหาความรู้
(๑) ความหมายตามแนวคิดของจิตวิทยาปัญญานิยม (Cognitive Psychology) : มโนทัศน์(Concepts) คือ กฎ(Rule)ที่ใช้แยกประเภทของสิ่งของ การกระทำ หรือความคิด
(๒) ความหมายตามแนวคิดของจิทยาพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) : มโนทัศน์คือ ประเภทของสิ่งของ การกระทำ หรือ ความคิด
ความหมายแรก ยอมรับว่า มนุษย์มี "จิต"(Mind)(กรุณาดูบันทึกบล็อกแรกๆของผมด้วยครับ) และ "จิตคือ การรู้สึก(Consciuos), การรับรู้, การจำ, การคิด, และความรู้สึกด้านอารมณ์ต่างๆ " จัดเป็นพฤติกรรมภายใน
ความหมายหลัง ไม่ยอมรับ หรือลังเลที่จะยอมรับว่ามนุษย์มีจิต จึงนิยามคำมโนทัศน์ด้วยภาษาของพฤติกรรมที่ "สังเกตได้โดยตรง"
ปัจจุบันนี้เราได้ค้นคว้าเรื่อง"มโนทัศน์" กันในระดับลึกและหันมายอมรับว่า "มนุษย์มีจิต" แต่จิตที่ว่านั้นคือกิจกรรมของสมองที่ออกมาในรูปของ"ความรู้สึก,รับรู้,จำ,คิด,ตัดสินใจ,อารมณ์" ตามที่กล่าวข้างบนนี้ ผมจึงแนะนำให้ใช้คำว่า "มโนทัศน์" ครับ ถ้าอาจารย์ของคุณปฏิเสธคำนี้ ก็แนะนำให้เขาไปศึกษามาใหม่นะครับ
พรุ่งนี้จะสอบจิตวิทยาแล้ว ยังไม่รู้เรื่องเลยอ่ะ
พฤติกรรมอะไรก้ไม่รู้เยอะแยะ ไหนจะเป็นอารมณ์อีกอ่ะ เยอะแยะมากมาย
ขอบคุณมากนะครับที่ทำลงข้อมูลดีดีแบบนี้ทำให้ผมทำข้อสอบจิตวิทยาได้เยาะเลยครับ^^
ขอบคุณครับ การให้ความสำคัญของจิต หรือการใช้คำว่า จิต ตามความหมายของจิตวิทยาปัญญานี้ก็เป็น วิทยาศาสตร์ นะครับ ขอให้คุณอ่านของผมต่อไปให้ทุกเรื่อง แล้ว บางที ประเทศไทยอาจจะได้นักจิตวิทยาปัญญาเพิ่มขึ้นอีกคน นะครับ