อาทิตย์วันที่ 11 มีนาคม 2550 มีโอกาสได้เดินทางไปที่สุรินทร์ไปร่วมงานแต่งงานเพื่อนสาวที่แสนดี..เดินทางคนเดียวไม่พกพาใคร เพราะงานนี้เป็นการนัดพบเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอะเจอกันนาน ..ขากลับ..ก่อนถึงอำเภอท่าตูม..รถคู่ใจตกหลุมกระแทกอย่างแรง...สงสารรถนะ..ขับรถมาเร็วพอสมควร90 กม.หลบหลุมไม่ทัน รถไม่มีอาการผิดปกติเลยขับรถต่อไป...
ผ่านโรงพยาบาลท่าตูมเสียงลมรถดังฟู่พร้อมกับรถเซถลาเอียงจะตกถนน..ล้อหน้าด้านซ้ายแตก สติคนขับยังอยู่ ค่อยผ่อนความเร็วรถลงแล้วจอดรถข้างทาง...ลงมาโบกรถขอความช่วยเหลือ รถคันแรกก็จอดเลย..น้ำใจคนไทยยังมีให้เห็น แล้วผู้มีน้ำใจก็หาอุปกรณ์เพื่อจะเปลี่ยนยางอะไหล่รถให้ แต่ยังไม่ทันลงมือ ก็มีหนุ่มน้อยจอดรถมอเตอร์ไซด์ลงมาช่วยอีกแรง(ดูการชุดแต่งตัวน่าจะเป็นตำรวจพึ่งออกเวร)บอกว่าอยู่แถวนี้จะติดต่อกับร้านเปลี่ยนยางให้เขามาเปลี่ยน แต่...เจ้ากรรมติดต่อไม่ได้..เลยต้องลงมือเอง 2หนุ่มช่วยกันอย่างขันแข็ง แม่แรงในรถเราไม่มี..ได้รับความอนุเคราะห์จากที่ลงมาช่วย ..ทำไมไม่มีก็ไม่รู้ตอนออกรถก็เช็คดูว่าเขาไม่ไห้นะ แต่คนที่เขามีรถเก่งเขาบอกว่ามันต้องมีแม่แรงนะ มันจะมากับรถ รถพึ่งจะออกมาไม่ถึง 2 ปีทำไมยางมันเปลื่อยไวจัง กว่าจะเปลี่ยนยางเสร็จก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ทั้ง 2 หนุ่มเหงื่อท่วมตัวกว่าจะเสร็จภาระกิจ ถามไถ่ชื่อเสียงและที่ทำงานปรากฏว่าคนแรกเป็นอาจารย์มาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคามชื่ออาจารย์ธีระศักดิ์ อยู่ที่ภาควิชาสาธารณสุข คนที่สองเป็นตำรวจทำงานอยู่ท่าตูมนี่เองขออภัยจำชื่อน้องไม่ได้ ซาบซึ้งในน้ำใจจริงๆ ถ้าไม่ได้น้ำใจครั้งนี้ก็ไม่รู้จะได้นั่งเฝ้ารถอีกกี่ชั่วโมงเพราะเวลาเกือบ 4 โมงเย็น
กว่าจะถึงบ้านพักที่กาฬสินธุ์เกือบ 3 ทุ่มเพราะต้องไปเปลี่ยนยางอะไหล่ออกเปลี่ยนยางเส้นใหม่ ดีนะที่ร้านเปลี่ยนยางยังมีให้เปลี่ยนเพราะเป็นวันอาทิตย์แล้วมีนก็เย็นมาแล้วด้วยผู้หญิงขับรถคนเดียว
สิ่งที่ได้จากอุบัติเหตุครั้งนี้คือ ได้รู้ว่าคนไทยไม่ไร้น้ำใจ ได้รู้ว่าเมื่อไหร่ขับรถต้องมีสติไม่ตื่นกลัว เช็คลมยางอะไหล่ เช็คลมรถ หาซื้ออุปกรณ์ พร้อมสำหรับการเปลี่ยนยางรถ ให้พร้อม แต่ก่อนไม่คิดว่าจะเกิดปัญหา เพราะมั่นใจว่ารถตนเองใหม่ คงยังไม่มีอะไรให้กังวลจะไปไหนก็ไป ภูเขา ทะเล ไม่หวั่นขอแค่มีเงินในกระเป๋าและน้ำมันรถ
น้ำใจคนไทยมีให้เห็นอยู่เสมอ ขอบคุณในน้ำใจอาจารย์และคุณตำรวจที่ให้ความช่วยเหลือ ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
น้องโชคดีมากนะจ๊ะที่พบคนมีน้ำใจ เพราะพี่เคยเจอกรณีแบบนี้แต่โบกรถแล้วไม่มีใครจอด ต้องโบกมอเตอร์ไซค์รับจ้างแล้วจ้างให้เปลี่ยนยางให้ 50 บาท แต่ใจยังกลัวว่าถ้าเขาเป็นผู้ร้ายจะทำอย่างไร
ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่าสวัวดีค่ะอาจารย์ศิริวิไล(ไม่รู้เขียนถูกมั้ย)หนูภีรพัชร์ค่ะ เรียนรุ่นเดียวกันกับเจษฎา(หยง) 601/47 หนูได้อ่านบันทึกการเดินทางของอาจารย์แล้วรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของคนไทยมากๆ และหนูก็คิดว่าน้ำใจแบบนี้นับว่าเป็นการช่วยเหลือที่เราคงจะไม่เคยลืมเลยก็ว่าได้นะคะ