ผมเป็นคนเขียนหนังสือ มีเรื่องราวของมอนอที่ผมเขียนไว้เหมือนกัน ลองอ่านดูได้
....
สมาคมพ่อค้าแม่ชายมอนอ
พวกคุณเรียนอยู่ที่ไหน? ธรรมศาสตร์ มอชอ หอการค้า รังสิต มอขอ มอบู และอื่น ๆ อีกมากมาย....ทุกที่ล้วนเป็นแหล่งทำมาหากินของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าไม่ว่าจะขายข้าวปลาอาหาร หรือขายอุปกรณ์การศึกษา และอื่น ๆ อีกมากมายที่มีทั้งประโยชน์และโทษ ....แต่คำถามก็คือ พวกคุณรู้จักพวกพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้นบ้างมั้ย?....หลายคนบอกไม่รู้ หลายคนบอกไม่จำ หลายคนบอกไม่สำคัญ และหลายคนก็บอกว่า "จะรู้ไปเพื่ออะไร?"....
ที่มอนอ...ผมรู้จักพ่อค้า 1 คน และรู้จักแม่ค้าอีก 3 คน ...รวมเป็นสี่คน ทั้งสี่คนประจำอยู่ สี่ทิศ ดั่งท้าวจาตุโลกบาล ....เริ่มคนแรกเลยละกัน
คุณป้าเอนกประสงค์ มีร้านขายของโชว์ห่วยอยู่ที่หน้ามอ หรือทิศตะวันตก....ป้าแกอายุประมาณ 60 กว่า ๆ แก่มาก แก่แบบหงึก ๆ เลยอ่ะ ผมหงอกเต็มหัวแล้วก็รัดไว้ เป็นคนจีน พูดไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ใส่แว่นตาหนา ๆ อันใหญ่ ๆ ทำอะไรก็งก ๆ เงี่ยน ๆ เอ๊ย! เงิ่น ๆ ร้านของแกนั้นเป็นห้องแถวห้องเดียว...ขนาบด้วยร้านคอมพิวเตอร์และร้านคาราโอเกะ... ชื่อคุณป้าเอนกประสงค์นั้นเป็นชื่อที่พวกเด็กแถว ๆ หน้ามอนั้นตั้งให้แก เพราะว่าร้านของแกนั้นถึงจะเป็นร้านเล็ก ๆ ก็จริงแต่มีทุกอย่าง ขอย้ำเน้น ๆ ว่ามีทุกอย่างจริง ๆ (ของที่เค้าซื้อหากันนะ ไม่ต้องตั้งคำถามกวนตีน ๆ ว่ามีเครื่องบินขายมั้ย?) ...แผนผังร้านก็จะเป็นดังนี้ ด้านหน้าจะเป็นแผงหนังสือมีทุกอย่าง ตั้งแต่การ์ตูน นิตยสารรายสัปดาห์ เช่น มติชน แปลก มวยตู้ 191 อาชญากรรม เป็นต้น หนังสือพิมพ์ก็มี ถัดเข้ามาอีกก็เป็นของกินเล็กน้อยโดยจะวางตู้เย็นขายน้ำอัดลมตรงหน้าร้าน (วางตรงฟุตบาท) และข้างตู้เย็นก็เป็นโต๊ะเล็ก ๆ มีขนมปังเล็กน้อย และเก้าอี้ที่แกนั่งประจำก็อยู่ที่นี่ เลยเข้าไปในร้านก็จะเป็นชั้นวางด้านซ้ายจะรับผิดชอบเกี่ยวกับอุปกรณ์การเรียน ด้านขวาจะรับผิดชอบอุปกรณ์การช่างเช่น ไขควง ค้อน ตะปู และด้านในผมบรรยายไม่ถูกเพราะของมันวางเยอะเหลือเกิน และด้านบนเพดานก็จะห้อยอุปกรณ์กีฬาต่าง ๆ เช่น ลูกบอล ขอย้ำว่ามีทุกเบอร์ ลูกบาส ไม้แบด นวมมวย เป็นต้น ....เวลาไปซื้อของไม่ต้องไปมองหาให้เมื่อยคอ เพียงแต่บอกกับแกว่าต้องการอะไร แกก็จะไปหาให้ทันที...
ผมมีเคสต์เกี่ยวกับแกที่สุดคลาสสิคก็คือ เพื่อนผม ไอ้อ้น มันกำลังต้องการสายทีวีไปต่อทีวีที่ห้องมัน มันก็เลยไปหาซื้อที่ร้านป้าเอนกฯ มันเดินเข้าไปหาป้า แล้วก็ถามว่า
"ป้าคับ ป้ามีสายทีวีมั้ยคับ"....
"จะเอายาวแค่ไหนล่ะ?" ป้าแกเงยหน้าขึ้นถาม
"สักประมาณ เมตรนึงคับ"
"อ่อ เอ่อ ...เด๋ว ๆ นะ รอแป๊บนึง" ป้าแก่บอกพลางงงเล็กน้อย จากนั้นก็เดินหายเข้าไปหลังร้านสักประมาณ สามนาที
"เอ้า ได้แล้ว" ....ไอ้อ้นทำหน้าตะลึง เพราะป้าแกเล่นตัดสายทีวีของตัวเองมาให้ มือก็ยังกุมมีดอยู่เลย แถมหัวให้ด้วย สายนี่สีเหลืองเก่าเลยล่ะ
สุดยอดมั้ยคับ... จากนั้นป้าแกก็ได้ชื่อใหม่ก็คือ ป้าเอฟ มาจากคำว่า Everything....
ป้าแมว มีร้านขายอาหารตามสั่งอยู่ข้างมอฝั่งทิศใต้ ฝั่งคณะวิทยาฯ ข้าง ๆ หอเก่าผม แกทำกับข้าวอร่อยมาก โดยเฉพาะกะเพรา น้ำผัดนี่เยิ้มเข้มข้น กินแต่น้ำผสมกับข้าวก็อร่อยแล้ว...เมื่อก่อนที่ผมอยู่หอเก่า ตอนปีหนึ่ง ผมไม่ค่อยได้กินข้าวกับแกเท่าไหร่ เพราะเคยได้ยินมาจากเพื่อนว่าแกดุมาก ขั้หงุดหงิด อารมณ์ประมาณว่าถ้ามึงเรื่องมากก็ไม่ต้องกินอะไรแบบนั้น อย่างเช่น ถ้าคุณสั่งกะเพราไม่ใส่พริก ก็ไม่ได้กิน ถ้าคุณสั่งกะเพราไก่ไข่ดาวไม่สุกก็ไม่ต้องกิน ถ้าคุณสั่งกะเพราไก่ไข่ดาวกรอบ ๆ ก็ไม่ได้กินอีก หรือถ้าคุณสั่งกะเพราะไก่ใส่หมูหมัก ก็ไม่ได้กิน เป็นต้น ....แกก็คงจะรู้นิสัยของแกที่ชอบหงุดหงิดใส่คนสั่งข้าวเรื่องมาก แกก็เลยคิดสูตรอาหารขึ้นมาใหม่ก็คือ "กะเพราเรื่องมาก" เป็นผัดกะเพราราดข้าวที่ผสมไก่ หมู เนื้อ ปลาหมึก เอาทุกอย่างมาผัดรวมกัน ปรากฏว่าฟีดแบ็คดีมากคับ คนสั่งกินเยอะมาก เป็นเมนูอาหารสุดฮิตของร้านแกเลย ไม่น่าเชื่อ...มีอยู่ช่วงนึงผมกับเพื่อนไปกินกันประจำจนแกจำอีฟได้ แล้วจากนั้นมาพวกเราก็สนิทกันมาจนถึงทุกวันนี้....
น้าหมาน ขายโรตีที่ข้างมอฝั่งสนามกีฬา ประจำทิศเหนือ ชื่อของแกคือสมานโรตี แต่ผมเรียกแกว่าน้าหมาน คนนี้ผมสนิทด้วยที่สุด เพราะผมชอบในนั่งเล่นที่ร้านแกประจำ ร้านของแกนั้นเป็นร้านรถเข็นธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะโรตีน้าหมานนั้นเป็นแฟรนไชร์ประจำพิดโลกเลยแหละ....เมื่อก่อนแกขายอยู่ในเมือง แกเพิ่งจะมาขายแถวมอตอนผมอยู่ปีสองมั้ง บุคลิกของแกดูเป็นคนดุ ประกอบกับหน้าตาของแกนั้นดูเหี้ยม ๆ คล้ายคนใต้มีตาจะโต ๆ ผิวเข้ม ๆ หน่อย ดูน่ากลัว แต่แกเป็นคนตลกมาก...พูดอะไรนี่มุขกระจาย พื้นเพแกเป็นคนเพชรบูรณ์ แต่มาได้เมียเป็นคนพิดโลกเลยไปไหรไม่รอด แฟน ๆ โรตีของแกมีหลายรุ่นมาก แกขายมาเกือบสามสิบปีแล้ว ฉะนั้นแฟนไม่ได้มีเฉพาะเด็กวัยรุ่น แต่คนทำงานก็มี แกจะชอบโชว์ใบทหารผ่านศึกให้ดู แกบอกว่าแกเป็นพลร่มและตอนสมัยที่อยู่กองทัพแกก็เป็นพลปืนกลเล็ก เอ็ม 60 โม้สุด ๆ อ่ะ
ครั้งแรกที่ผมเห็นแกนะ ผมเข้าไปเดินไนท์ริมน่านที่ในเมือง พอเดินเสร็จก็ขับผ่านรถเข็นโรตีซึ่งคนเป็นสิบมุงอยู่ก็เลยสนใจจึงแวะซื้อกัน พอจอดรถแกก็บอกว่า
"อ้าวไปไงมาไงเนี่ย? เข้ามาในบ้านก่อนสิหนู" พลางแกก็หันชี้ไปที่ที่ว่างด้านหลังแกทั้ง ๆ ที่เป็นร้านรถเข็นนะ มาบ้านเบิ้นอะไรก็ไม่รู้ ผมนี่งงไปหมด เพื่อนผมก็งงกัน...แต่ผมก็เดินไปด้านหลังแก
"อ้าว เข้ามาบ้านได้ไงเนี่ยประตูก็ยังไม่เปิดกัน"
ผมไม่รู้ว่าเป็นมุขคับ เพราะแกเป็นพวกตลกหน้าตาย มุขเด็ด ๆ ของแกก็เช่น "โรตีใส่กล่องใช่มั้ย พรุ่งนี้เอากล่องกับช้อนมาคืนด้วยนะ", ถ้าผมไปนั่งที่ร้านแก แกก็จะบอกกับลูกค้าว่า "นี่แฟนชั้นเอง บอกว่าไม่ต้องมาเฝ้าก็ยังจะมาอีก ไม่รู้สิ ตั้งแต่กินยาคุมย้อนแผงนี่ชอบทำอะไรเพี้ยน ๆ " มุขของแกก็จะเป็นมุขเดิม ๆ ที่คนเดิม ๆ ก็จะพอรู้ แต่ถ้าเป็นเด็กปีหนึ่งมาใหม่ ๆก็จะงง ๆ และติดแกมาก และจะมาซื้อโรตีแกกินประจำ ผมยอมรับตรง ๆ ว่าโรตีแกก็ธรรมดานะ แต่คนมากก็เพราะว่าชอบอัธยาศัยของแกดีเหลือเกิน แล้วยิ่งตอนเปิดเทอมใหม่ ๆ นะคนยิ่งแน่น ฟีดแบ็คดีมาก ๆ เป็นพ่อค้าที่มีเรตดีที่สุดแถวมอเลยแหละ....ทุกวันนี้เวลาที่ผมมีปัญหาผมก็จะไปคุยกับแก เพราะไม่ใช่แค่จะให้คำปรึกษาในฐานะที่เป็นลุง(แต่เรียกน้า)เท่านั้น แต่ผมก็ยังได้หัวเราะไปกับแกด้วย
คนสุดท้าย อีป้าน้องมิ่ง ผมไม่รู้ชื่อแก แต่ร้านแกชื่อว่า น้องมิ่ง ผมก็เลยเรียกอีป้าน้องมิ่ง แกขายผักและเครื่องประกอบอาหารต่าง ๆ อยู่หลังมอ ประจำทิศตะวันออก ผมไม่สนิทกับแกเลย แต่ถูกใจยังไงก็ไม่รู้สิ ...แกเป็นป้าแก่ ๆ พอ ๆ กับป้าเอฟ แต่กวนตีนกว่าเยอะ ร้านของแกจะขายผักเป็นเสียส่วนใหญ่ ร้านไม่ใหญ่เป็นห้องแถวธรรมดา มีผักต่าง ๆ เนื้อหมู วัว ไก่ หมูยอ น้ำปลา พริก มะนาว และอื่น ๆ อีกมากมายที่เกี่ยวกับการปรุงอาหาร...
ผมไม่รู้ว่าทำไมต้องตั้งชื่อร้านว่าน้องมิ่ง คงจะเป็นชื่อหลานหรือลูกแกทำนองนั้น แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่ชื่อแกเป็นแน่ ผมเคยมีเคสที่ลืมไม่ลงเกี่ยวกับแกอยู่สองเคส
เคสแรก วันนั้น ผมเพิ่งกลับจากอุดร และได้แหนมเนืองมากิน รู้ ๆกันใช่มะว่าแหนมเนืองเป็นชุดที่ซื้อที่วีทีจะมีสลัดมาให้ แต่สลัดแม่งไม่สดอ่ะ ก็เลยต้องไปซื้อสลัดที่ร้านอีป้าน้องมิ่ง "ป้าคับ สลัดมีมั้ยคับ" ผมถาม
"มี" ป้าตอบห้วน ๆ และทำท่าทางไม่สนใจพร้อมกับมองทีวีมือก็พัดตัวเองไป
"ขีดเท่าไหร่คับ?" ผมถามอีกครั้ง
"แปดบาท"
"งั้นเอา สี่ขีดคับ"
"อืมม์ ..นู่นในถึงแช่สีส้ม ๆ โน่น ไปหยิบเอาเอง" แกไม่สนใจ มือพัดไป และหัวเราะกับบางรักซอยเก้าเฉยเลย
-_-" แสด..
เคสที่สอง ผมไปซื้อกะล่ำหรือผักกาดเนี่ยแหละมากินกะมาม่า ประมาณว่าปลายเดือนแล้ว กินแกลบ(นักเขียนไส้แห้งเว้ย) ก็ไปที่ร้านอีป้าน้องมิ่งเนี่ยแหละ ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยอยากจะไปนะ แต่ก็ไป
"ป้าคับ ผัดกาดนี่ขายยังไงคับ?"
"ขีดละแปดบาท ...จะเอาก็หยิบมาชั่งเลย" สายตาแกมองผมยังไง ๆ ก็ไม่รู้สิ ไม่ชอบเลย
"คับ" ผมหยิบมาชั่งให้แกดู แกก็ดูนะ แล้วเสือกถามผมอีกว่า "กี่ขีดล่ะ?"
"เอ่อ สามขีดกว่า ๆ คับ" ผมบอกกับแก
"แปดสามยี่บสี่..ยี่บห้า" แกพึมพำคำนวณของแกคนเดียวแล้วก็บอกผมว่า "ยี่บห้าละกัน"
ผมยื่นแบงค์ห้าร้อยให้แก ทันใดนั้นแกก็บ่นออกมาว่า "โอ้ย ไม่มีทอนแล้ว เพิ่งเอาเงินไปฝากธนาคารเมื่อเช้านี่เอง ไปแลกมาก่อนไป"
"คับ เด๋วผมไปแลกมาให้" ผมเดินออกจากร้านด้วยความเซ็ง...ทันใดนั้นป้าแกก็ถามว่า "จะไปแลกเงินที่ไหนล่ะ?"
"เด๋วจะไปแลกที่ร้านค้าฝั่งโน้นน่ะคับ" ผมตอบแล้วชี้มือไปที่อีกฝั่งของถนน
"เออ ดี ๆ ซื้อไส้กรอกอีสานมาให้ป้าด้วย ยี่สิบ"....แกตะโกนบอกส่งท้ายว่า "หิว.."
ผมไม่ตอบแก ผมเดินมุ่งหน้าไปที่ร้านไส้กรอก พร้อม ๆ กับคำถามที่ว่า กูจะได้เงินค่าไส้กรอกมั้ยเนี่ย...
จบ....สมาคมพ่อค้าแม่ขายแห่งมอนอ