สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทนักรบผู้ไม่เคยแพ้ใคร


สมเด็จพระบวรเจ้ามหาสุรสิงหนาทนักรบพระโพธิสัตว์

                                        …………..ไตรรัตน์      

         ทำไมถึงกล่าวอ้างชื่อเรื่องว่า  สมเด็จพระบวรเจ้ามหาสุรสิงหนาทนักรบพระโพธิสัตว์   ถ้าย้อนไปดูเรื่อง การสังคยานาพระไตรปิฏก ซึ่งสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) และสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ซึ่งเป็นพระอนุชาธิราชในรัชกาลาที่ 1 ได้ร่วมกันจัดสังคยานา   พระไตรปิฏกขึ้น  ในตอนหนึ่งพระองค์ทั้งสองได้ทรงตั้งสัตยาทิษฐานของการสังคยานาในครั้งนี้ว่า เพื่อให้บรรลุถึงพุทธภูมิที่ทรงตั้งพระทัยไว้ก็คือปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต    สำหรับการปรารถนา ซึ่งพุทธภูมินั้น สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาทมิได้ปรารถนามาเพียงแค่ครั้งนี้ แต่พระองค์ทรงตั้งจิตปรารถนามาไม่รู้กี่ชาติ กี่อสงไขย  ซึ่งการที่จะเป็นพระโพธิสัตว์นั้นผู้เขียนเคยเขียนไว้ในหนังสือที่ระลึกในพิธีถวายฉัตรครอบพระแท่นที่ปรินิพพาน ณ วัดพระแท่นดงรังวรวิหาร  จ.กาญจนบุรี จะขอนำมาเพียงบางส่วน  คือ การปรารถนาซึ่งพระโพธิญาณนั้นทุกคนสามารถกระทำได้ แต่เมื่อปรารถนาแล้ว การบำเพ็ญบารมีนั้นก็ต้องสะสมกันไปเรื่อย  ๆ แต่ละชาติก็เจอกับบททดสอบต่าง ๆ มากมาย ต้องผ่านทุกอย่างตั้งแต่นรก สัตว์เดรัจฉาน เปรต เป็นมนุษย์ เทวดา พรหม เพราะการที่จะเป็นพระพุทธเจ้าก็เหมือนเป็นครู ก็ต้องเรียนต้องศึกษาทุกอย่างจึงสามารถสอนคนอื่นได้  สำหรับพระโพธิสัตว์นั้น มี 2 ประเภท คือ 1. พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับการพยากรณ์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนมาเลย เรียกว่า อนิยตะโพธิสัตว์ ความหมาย คือ ยังไม่แน่นอนว่าจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะอาจเลิกล้มความปรารถนาเมื่อไรก็ได้   2. พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อน เรียกว่า  นิตยะโพธิสัตว์ ความหมาย คือ จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน เพราะถ้าถึงนิพพานต้องดำรงฐานะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเดียว แต่ถ้าบารมีและเวลายังไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะพยายามปฏิบัติอย่างยิ่งยวดบังเกิดปัญญาอย่างเยี่ยมยอด ก็ไม่สามารถถึงนิพพานก่อนได้ แม้จะทุกข์ท้อแท้ จนคิดว่าเลิกที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว แต่แล้วในที่สุดมหากุศลที่เป็นอนุสัย ก็จะพุ่งกระจายขึ้นมาให้ตั้งมั่นและบำเพ็ญบารมีกันต่อจนกว่าบารมีและเวลาสมบูรณ์             หน้าที่ของพระโพธิสัตว์ทุก ๆ พระองค์  นอกจากการบำเพ็ญบารมีแล้ว ยังต้องลงมารักษาพระพุทธศาสนาของแต่ละพระองค์ให้ครบตามคำที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ เช่น พระพุทธเจ้า             องค์ปัจจุบันได้ตรัสว่าศาสนาของพระองค์จะดำรงอยู่จนครบ 5000 ปี  และได้ฝากพระศาสนาไว้ใน ดินแดนสุวรรณภูมิซึ่งเป็นดินแดนที่พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ได้ทรงมาบำเพ็ญบารมีตั้งสมเด็จพระเจ้าองค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบันซึ่งถือว่าเป็นดินแดนแห่งพุทธภูมิโดยแท้  ในดินแดนแห่งนี้รวมไปถึงประเทศไทย ลาว พม่า เขมร จีน  ซึ่งในดินแดนสุวรรณภูมิจะพบสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธเจ้า เช่น รอยพระพุทธบาท  รอยพระหัต  พระธาตุเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระเกศาธาตุ และตำนาน ให้เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าอีกเป็นจำนวนมาก  ความเกี่ยวเนื่องระหว่างพระมหากษัตริย์กับการปรารถนาพุทธภูมิ เมื่อพระพุทธองค์ทรงฝาก    พระศาสนาไว้ในดินแดนแห่งนี้ ก็ย่อมเป็นหน้าที่ของพระโพธิสัตว์ทุก ๆ พระองค์ จะต้องช่วยให้ประเทศและดินแดนที่พระองค์ฝากพระศาสนาไว้ให้ดำรงอยู่จนครบ 5000 ปี ยามใดมีเหตุอันทำให้ประเทศต้องเสี่ยงต่ออริราชศัตรูที่จะทำลายชาติ พระศาสนา พระโพธิสัตว์ก็จะเสวยสุขอยู่ในวิมานชั้นดุสิตไม่ได้ ก็ต้องแบ่งหน้าที่กันจุติลงมาช่วยชาติ ศาสนาให้ดำรงคงอยู่  ในการลงมาแต่ละครั้งต้องอาศัยพระมหา-โพธิสัตว์ที่มีบารมีมาก ๆ  คือ ใกล้จะเต็มแล้ว เช่น พระศรีอาริยเมตไตรยมหาโพธิสัตว์  พระราม -          พระโพธิสัตว์ พระเจ้าปเสนธิโกศลโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์องค์อื่น ๆ รวมถึง ผู้ที่ปรารถนาติดตามพระโพธิสัตว์องค์นั้น ๆ  ก็จะลงมาช่วยกันเพราะจะลงมาพระองค์เดียวก็คงไม่ได้ เพราะไม่มีมือไม่มีเท้า  ดังเช่น ในสมัยเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 1 ให้แก่พม่า  สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้เอกราชพระองค์ก็มิได้ทรงต่อสู้เพียงพระองค์เดียวแต่พระองค์ทรงมีขุนทหารที่เก่งกล้าจำนวนไม่น้อย ถึงแม้จะมีคนน้อยกว่า แต่ขึ้นชื่อว่าพระโพธิสัตว์ซึ่งมีบารมีมากมายนัก ก็ย่อมชนะได้ ดั่งคำที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ         วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เคยกล่าวไว้ว่า คำว่าแพ้ ไม่มีในพระโพธิสัตว์  แม้แต่ครั้งที่พระองค์ทรงชนไก่กับ       มังสามเกียต (พระมหาอุปราชา) ก็ยังทรงชนะ ได้ทั้ง ๆ ไก่ของมังสามเกียตเก่งกว่าแต่ก็แพ้ซึ่งบารมีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช   ตอนที่พระองค์หนีมาจากกรุงหงสาวดีข้ามแม่น้ำ สะโตง พระองค์ก็ทรงปืนยิงถูกสุระกรรมาตาย ซึ่งแม่น้ำสะโตงกว้างมาก แต่ด้วยบุญญาธิการและการอธิษฐานบารมีของพระองค์  ก็ยิงถูกสุระกรรมาตาย   ตอนทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา ช้างของพระองค์ทรงเสียทีแก่ช้างของ พระมหาอุปราชาพระองค์ก็ทรงอธิษฐานบารมีที่กระทำมาแต่ชาติบางก่อนเจนได้รับชัยชนะ เสียกรุงครั้งที่ 2 ก็ได้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งพระองค์ก็เป็นพระโพธิสัตว์ลงมากู้ชาติ     แม้พระองค์จะมีทหารน้อยกว่าพม่าเป็นจำนวนมาก แต่ทหารของพระองค์แต่ละคนก็เก่งกาจเนื่องจาก บางพระองค์ก็มาจากพระโพธิสัตว์ ดั่งเช่น   รัชกาลที่ 1  กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เป็นต้น   จึงทำให้รับชนะทุกครั้ง จนสามารถรักษาซึ่งแผ่นดิน และพระศาสนาให้คงอยู่ได้  

            สำหรับสมเด็จพระบวรเจ้ามหาสุรสิงหนาทพระองค์ทรงปรารถนาพุทธภูมิตามที่กล่าวมาแล้ว ตลอดชีวิตของพระองค์ต้องออกรบตลอดทั้งหมด 24 ครั้ง ไม่มีคำว่าแพ้ พระองค์ทรงรบด้วยปัญญามิทรงใช้แต่กำลังอย่างเดียว อย่างศึกสงครามเก้าทัพ ทั้ง ๆ ที่มีกำลังพลน้อยกว่าแต่ด้วยปัญญาและความเด็ดขาดจึงทำให้พระองค์ชนะศึกมาได้   พระองค์ทรงเรียนอาคมและทรงชอบเคียวหว่านจนลิ้นดำ จนได้ชื่อว่า          เจ้าฟ้าลิ้นกาฬ (ลิ้นดำ) เวลาที่พระองค์ทรงเรียกทหารพระสุรเสียงดังกังวาลเหมือนดั่งเสียงของราชสีห์ จึงเป็นที่มาของชื่อพระองค์ คือมหาสุรสิงหนาท  ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่านนั้นพูดอย่างชาวบ้าน ว่า พระองค์ท่านเกิมาเพื่อรบ หรือเกิดมาพร้อมกับดาบ แม่ทัพพม่าที่เป็นคู่รบให้สมัญญานามว่า พระยาเสือ  ตรงกับพระนามที่ได้รับการอุปราชาภิเษก นับว่าท่านเป็นนักรบโดยแท้  ถึงแม้ตลอดชีวิตของพระองค์จะทำศึกมาตลอด        แต่เรื่องพระพุทธศาสนาพระองค์ก็ไม่เคยทิ้ง ทรงสร้างและบูรณะวัดชนะสงคราม และทรงอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์        มาจากเชียงใหม่ลงมาไว้ที่กรุงเทพฯ  พระองค์ทรงปฏิบัติพระกรรมฐานมิได้ขาด ทรงเป็นลูกศิษย์พระครูโลกอุดร และทรงสร้างพระกรุวังหน้าพิมพ์รูปเหมือนพระครูโลกอุดรและพิมพ์ต่าง ๆ

                ขอกล่าวถึงการปรารถนาซึ่งพระโพธิสัตว์อีกสักนิดหนึ่ง คือ การที่เป็นพระโพธิสัตว์มิได้เกิดเพียงชาติเดียวแต่ต้องเกิดมาเพื่อบำเพ็ญบารมี ต่าง ๆ ให้ครบถ้วน โดยเฉพาะบารมี 10 ต้องเต็มถึงจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้ ดั่งเช่นองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันพระองค์ก็ทรงบำเพ็ญบารมีมาถึง 4 อสงไขย และทรงบำเพ็ญบารมี10 ครบถ้วน (ทศชาติ) จนถึงชาติสุดท้ายซึ่งพระองค์เสวยชาติเป็นพระเวสสันดร  เช่นเดียวกันสมเด็จพระบวรเจ้ามหาสุรสิงหนาทก็ต้องบำเพ็ญบารมีเหมือนกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ แต่จะบำเพ็ญบารมีมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่ที่พระองค์ตั้งจิตอธิษฐานไว้  แต่ถ้าจะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าประเภทปัญญาพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมี 4 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป  ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าประเภทศรัทธาพระพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมี 8 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป   ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าประเภทวิริยะพระพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญบารมี 16 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป  ในดินแดนสุวรรณ-ภูมิแห่งนี้  จึงเป็นที่ที่บำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์  โดยเฉพาะพระมหากษัตริย์ไทยส่วนใหญ่พระองค์จะทรงปรารถนาพุทธภูมิเพราะเป็นราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์จะต้องรักษาไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาให้ดำรงคงอยู่ตลอด 5000 ปี ในการไปครอบฉัตรครั้งนี้ก็เป็นการปรับพลังงาน เพราะว่า สมเด็จพระบวรเจ้ามหาสุรสิงหนาท ท่านเนื่องด้วยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  และกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ท่านเป็นพลังงานที่เนื่องต่อกัน และพลังงานส่วนนี้ก็จะมาแผ่เมตตาช่วยเหลือประเทศชาติต่อไป แม้แต่พระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันพระองค์ก็ทรงดำเนินรอยตามเช่นเดียวกับ        พระโพธิสัตว์องค์อื่น ๆ  ดั่งคำที่พระองค์ทรงกล่าวตอนขึ้นครองราชย์ว่า เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในสยามประเทศพระองค์ทรงทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อปวงชนชาวไทยแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน แม้ขณะนี้พระองค์มีพระชันษา 80 ปี แล้ว ก็ยังทรงทำหน้าที่ของพระองค์อยู่ตลอด

 **************************************** 

คำสำคัญ (Tags): #aya2#พระโพธิสัตว์
หมายเลขบันทึก: 85097เขียนเมื่อ 19 มีนาคม 2007 22:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม 2012 20:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

    พึ่งทราบเกล็ดประวัติสมเด็จของท่านพระบวรเจ้ามหาสุรสิงหนาท อย่างนี้อย่างน่าจะมาร่วมขบวนการแฟนพันธ์ประวัติศาสตร์

การกำเนิดของลิงในเรื่อง
กากาศ

ดู พาลี

กุมิตัน
เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎ มีประกายสีทอง เป็นอวตารของพระเกตุ ซึ่งเป็นเทวดานพเคราะห์ เพื่อลงมาช่วยพระราม หรือ พระนารายณ์อวตาร
เกศราเกยูร
หรือเกยูร เป็นเสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎ เป็นอวตารของพระวิรุฬหก ซึ่งเป็นจ้าวแห่งกุมภัณฑ์ โลกบาลหนใต้
เกสรทมาลา
เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎ เป็นปีกซ้ายให้สุครีพเมื่อรบกับกุมภกรรณ เป็นปีกซ้ายเช่นกันเมื่อพระรามรบกับทศกัณฐ์ครั้งแรก โดยสุครีพจัดทัพเป็นรูปอินทรีพยุหบาตร
โกมุท
เสนาวานรพวกสิบแปดกุฎ คือพระหิมพานต์มาเกิดเป็นผู้ฆ่าไวยกาสูร เมื่อเสร็จศึกลงกาได้เป็นมหาเสนาฝ่ายซ้ายแห่งเมืองขีดขินคู่กับไชยามพวานเสนาฝ่ายขวา
ขุนนน
เสนาวานรชาวเมืองชมพู คุมทหาร ๕ (สิบ) สมุทร ร่วมกับวิสันตราวี และโชติมุกข์มาช่วยพระรามทำสงคราม
ขุนนิล
เสนาวานรชาวเมืองชมพู คุมทหาร ๗ สมุทร ร่วมกับนิลปานันไปช่วยพระรามทำสงคราม
จังเกียง
ลิงพวกหนึ่งในกองทัพพระราม
ชมพูพาน
พญาวานรเกิดจากเหงื่อไคลของพระอิศวร ประทานเป็นลูกเลี้ยงพญาพาลี เมื่อพาลีตายแล้วสุครีพพาเข้าถวายตัวกับพระรามพร้อมองคต เมื่อพระรามใช้หนุมานกับองคตไปส่งข่าวพระถวายแหวนและผ้าสไบแก่นางสีดา ได้ให้ชมพูพานไปด้วย เมื่อไพนาสุริยวงศ์หรือท้าวทศพินเป็นกบฏที่เมืองลงกา ชมพูพานเป็นทูตถือสารจากพระพรตตามไปเฝ้า เกิดมีปากเสียงกันรุนแรง ชมพูพานโดดถีบทศพินตกจากแท่นแล้วต่อยตีจนเลือดโซม เมื่อพระลักษมณ์ถูกศรพรหมาสตร์ของอินทรชิต ชมพูพานเป็นผู้บอกว่ามียาแก้ที่เขาอาวุธ ให้หนุมานไปเอา เมื่อเสร็จศึกแล้วได้รับความชอบได้ไปครองเมืองปางตาล
ชามพูวราช
พญาวานร มีอีกชื่อหนึ่งว่านิลเกสร มีกำเนิดจากต้นไผ่ซึ่งฤษีสุขวัฒนนำไปถวายพระอิศวร พระอิศวรนำไปทำเป็นธนู พอลองโก่งดู ธนูหักเป็น สองท่อน ก็โยนทิ้งลงพื้นดิน ปลายธนูเกิดเป็นพญาวานรชื่อนิลเกสรหรือชามพูวราช ต้นธนูเกิดเป็น พญาอสูรชื่อเวรัมภ์ เมื่อพระรามทำศึกกับทศกัณฐ์ ชามพูวราชเป็นผู้ออกความคิดให้พระรามจองถนนไปลงกา เมื่ออินทรชิตทำพิธีชุบศรนาคบาศ ชามพูวราชอาสาไปล้างพิธีโดยแปลงร่างเป็นหมีไปกัดไม้โรทันให้หักลงเมื่อเสร็จสงครามได้เป็นอุปราชเมืองปางตาล
โชติมุกข์

เสนาวานรเมืองชมพู คุมพล ๕ (สิบ) สมุทรร่วมกับวิสนตราวี และขุนนน เพื่อไปช่วยพระรามรบ

ไชยามพวาน
เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎ เมื่อพระรามให้ยกทัพไปรอบศึกลงกา อาสาเป็นผู้ถือธงชัย โดยอางว่าพระอิศวรประสาทพรให้เป็นผู้เชิญธงชัยนำกองทัพพระราม เพื่อมีชื่อเป็นมงคล ตัดไม้ข่มนามฝ่ายอสูรได้ทุกตน เป็นมหาเสนาฝ่ายขวาแห่งเมืองขีดขินคู่กับโกมุทซึ่งเป็นมหาเสนาฝ่ายซ้าย
ญาณรศคน

หรือรสคนธ์ เสนาวานรเมืองขีดขินคุมทัพ ๑๐ สมุทร ร่วมกับวานรอีก ๔ ตน ในการรบระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ครั้งแรก สุครีพจัดทัพเป็นรูปอินทรีพยุหบาตร ญาณรศคน เป็นเท้าซ้าย

เตี่ยวเพชร
เสนาวานรในการรบระหว่างพระรามและทศกัณฐ์ครั้งแรก สุครีพจัดทัพเป็นรูปอินทรียาตรา เดียวเพชรเป็นเล็บนกอินทรี
ทวิพัท
เสนาวานรเมืองขีดขิน คุมทัพ ๑๐ สมุทรมากัญจวิก
นิลเกศี
เสนาวานร เป็นนายกองขันในกองทัพสุครีพเมื่อยกไปรบกับกุมภกรรณ
นิลเกสร
(ดู ชามพูวราช)
นิลขัน
เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎชาวเมืองชมพูคุมทหาร ๕ สมุทรร่วมกับนิลราชไปช่วยพระรามทำสงคราม คือพระพิเนตร (พระพิฆเนศร ? ) แบ่งภาคมาเกิด เมื่อพระรามรบกับทศกัณฐ์ครั้งแรก สุครีพจัดทัพเป็นรูปอินทรีพยุหบาตร นิลขันเป็นตาอินทรีคู่กับนิลเอก
นิลนน
หรือนิลนนท์ พญาวานรพวกสิบแปดมงกุฎชาวเมืองชมพูคุมพล ๑๐ สมุทรร่วมกับนิลเอกไปช่วยพระรามทำสงคราม คือพระเพลิงมาเกิดเพื่อปราบเหล่ามาร เป็นกองหน้าให้สุครีพเมื่อรบกับกุมภกรรณหลังจากเสร็จศึกลงกา ได้บำเหน็จเป็นอุปราชเมืองชมพู คราวพระพรตทำศึกกับท้าวจักรวรรดิ เมืองมลิวันเป็นทูตไปสื่อสาร เมื่อท้าวจักรวรรดิไม่ยอมไปเฝ้า ได้แสดงเดชโดยการแกว่งพระขรรค์เป็นเพลิงเผาผลาญทั้งเมือง และหักยอดปราสาทไปถวายพระพรต
นิลปานัน

เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎ ชาวเมืองชมพู คุมพล ๗ สมุทรร่วมกับขุนนิลไปช่วยพระรามทำสงคราม พระราหูจุติมาเกิด

นิลปาสัน
เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎ ชาวเมืองชมพู พระศุกร์อุบัติลงมาเกิด เป็นเกียกกายในกองทัพสุครีพรบกับกุมภกรรณ
นิลพัท

หรือนิลพัทธ์ พญาวานรอยู่เมืองชมพู โคลงประจำภาพนับเข้าอยู่ในพวกสิบแปดมงกุฎ เป็นลูกพระกาล พระอิศวรประทานให้ไปเป็นหลานของท้าวมหาชมพู เมื่อท้าวมหาชมพูถูกหนุมานจับไปเฝ้าพระราม จึงแปลงร่างเป็นแมลงวันตามไป ท้าวมหาชมพูนำเข้าถวายตัวต่อพระราม นิลพัทยังผูกเจ็บหนุมาน เมื่อตอนจองถนนเกิดทะเลาวิวาทกันเพราะนิลพัทรับก้อนหินด้วยมือซ้าย พระรามกริ้ว บัญชาให้ไปอยู่รักษากรุงขีดขิน ทำหน้าที่ส่งเสบียงให้กองทัพเดือนละครั้ง ศึกลงกาครั้งหลัง พระรามให้พระพรตพระสัตรุดไปปราบ นิลพัทอาสาไปทำศึก ได้เนรมิตตัวทอดเป็นถนนให้กองทัพข้ามไปลงกา เมื่อพระสัตรุดต้องหอกเมฆพัทของสุริยาภพ นิลพัทเป็นผู้ไปเอามูลโคอุศุภราชมาแก้ เมื่อพระสัตรุดถูกราหูจับได้ก็ตามไปแก้ไข ตามล้างพิธีท้าวไวยตาลในบาดาล นอกจากนี้ยังรบฆ่าฝ่ายยักษ์หลายตน มีบทบาททำนองเดียวกับหนุมานในศึกลงกาครั้งแรก เสร็จศึกมลิวันแล้ว จึงได้ศักดิ์เป็นพญาอภัยพัทธพงศาอุปราชเมืองชมพู

นิลพานร
เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎ พระเสาร์แบ่งภาคมาเกิดบางทีเรียกชื่อว่าวิมล หรือพิมล ในตอนพระรามรบกับทศกัณฑ็ครั้งแรก สุครีพจัดทัพเป็นรูปอินทรีพยุหบาตร พิมลเป็นเท้าขวา
นิลราช

เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎ ชาวเมืองชมพู คุมพล ๕สมุทรร่วมกับนิลขัน มาช่วยพระราม คือพระสมุทรแบ่งภาคมาเกิด ครั้งหนึ่งเคยแกล้งขโมยไม้เท้าพระฤษีชื่อคาวินท์ไปซ่อน พระฤษีจึงสาปว่าถ้าเอาของสิ่งใดทิ้งลงน้ำให้ของนั้นจมอยู่กับที่ไม่ลอยขึ้นมา หากพระรามจองถนนข้ามไปลงกา ให้นิลราชขับเคี่ยวรับก้อนหินเพียงตัวเดียวจึงจะพ้นสาป เมื่อเสร็จศึก ได้ตำแหน่งอุปราชเมืองอัศดงค์

นิลเอก

เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎ ชาวเมืองชมพู คุมพลสิบสมุทรคู่กับนิลนนมาช่วยพระราม คือพระพินายมาเกิด

ปิงคลา

เสนาวานรเมืองขีดขิน ร่วมกับพญาวานรอีก ๗ ตัว คุมพล สามสิบสมุทรมาช่วยพระรามทำสงคราม

พาลี

เป็นลูกของพระอินทร์กับนางกาลอัจนาซึ่งเป็นภรรยาของฤษีโคดม ฤษีโคดมสาปให้เป็นลิงป่า พระอินทร์จึงสร้างเมืองขีดขินให้อยู่ ได้ชื่อว่าพญากากาศ ส่วนลูกของพระอาทิตย์ซึ่งเกิดกับนางกาลอัจนาเช่นกันชื่อสุครีพ เป็นอุปราช พญากากาศและสุครีพเคยช่วยตั้งเขา พระสุเมรุให้ตรงตามเดิม หลังจากที่เอียงไปเพราะรามสูรจับอรชุนฟาด พระอิศวรจึงประทานชื่อ ใหม่ว่า พาลี ประทานตรีเพชร และให้พรว่าถ้ารบกับใคร ให้กำลังลดจากตัวผู้นั้นกึ่งหนึ่ง ไปเพิ่มกำลังให้พาลี ต่อมาทรงฝากนางดาราใส่ผอบให้พาลีไปให้สุครีพ พาลีแย่งนางดารามาเป็นชายาเมื่อครั้งที่ทศกัณฐ์พานางมณโฑเหาะผ่านไป พาลีก็เหาะขึ้นไปรบกับทศกัณฐ์และได้นางมณโฑเป็นชายา มีลูกชื่อ องคต สมัยหนึ่งทรพีท้ารบ พาลีไปรบกับทรพีในถ้ำ โดยสั่งสุครีพว่า หากรบอยู่เจ็ดวันไม่กลับมาให้ไปดู ถ้าเห็นเลือดไหลออกมาแปลว่าเป็นเลือดพาลี ให้เอาหินปิดปากถ้ำไว้เพื่อไม่ให้ใครๆ เห็นศพ สุครีพคอยจนเกินกำหนดไปดูที่ถ้ำเห็นเลือดใสเพราะฝนตก เข้าใจว่าพาลีตายแล้ว จึงปิดปากถ้ำ พาลีจึงโกรธสุครีพ ไล่ออกจากเมือง เมื่อพระรามตามหานางสีดา พบสุครีพทรงทราบเรื่องก็บอกให้สุครีพไปท้าพาลีให้ออกรบ สุครีพกับพาลีคล้ายกันมาก เมื่อสุครีพรบกับพาลีกลางอากาศ พระรามให้สุครีพผูกผ้าสีแดงไว้ที่ข้อมือ แล้วแผลงศรฆ่าพาลี พาลีไปเกิดในสวรรค์ชั้นยามา ครั้งทศกัณฐ์ตั้งพิธีชุบหอกกบิลพัท พระอิศวรให้เทพบุตรพาลีไปทำลายพิธี

พิมล
ดู นิลพานร
มหัทวิกัน

เสนาวานรเมืองขีดขิน คุมพล ๑๐ สมุทรร่วมกับวานรอีก ๓ ตัวมาช่วยพระรามทำสงคราม

มหาชมพู

ท้าวมหาชมพู หรือ ท้าวชมพู ครองเมืองชมพู มเหสีเป็นนางในทวีปอุดรชื่อแก้วอุดร ไม่มีบุตร ธิดา พระอิศวรจึงประทานวานรลูกพระกาลชื่อนิลพัทไปช่วยดูแลเป็นเพื่อนรักกับพญาอากาศ(พาลี) เมืองขีดขิน เป็นผู้มีฤทธิ์ไม่กลัวใคร ไม่ไหว้ใครยกเว้นพระอิศวรและพระนารายณ์เท่านั้น เมื่อพระรามประชุมพลวานรที่เขาคันธมาทน์ให้สุครีพและหนุมานนำสารมีบัญชาของพระองค์ให้ท้าวมหาชมพูมาเฝ้าท้าวมหาชมพูไม่เชื่อว่าเป็นสารจากพระนารายณ์จึงไม่ยอมมา หนุมานใช้มนตร์สะกดแล้วแบกมาทั้งแท่นบรรทม เมื่อทราบว่าพระรามคือนารายณ์อวตารก็ยกเมืองชมพูให้ พระรามสั่งให้ครองเมืองตามเดิมและให้รักษาเมืองขีดขินด้วยพระองค์ขอเกณฑ์ไปแต่รี้พลโดยมีนิลพัทเป็นแม่ทัพ

มัจฉานุ
ลูกของหนุมานกับนางสุพรรณมัจฉา ตัวเป็นวานรหางเป็นปลาไมยราพนำไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม เมื่อหนุมานตามไปช่วยพระรามซึ่งถูกไมยราพจับตัวไป จึงได้พบมัจฉานุ สู้รบกันเพราะไม่ทราบว่าเป็นพ่อลูก ต่อมาเมื่อทราบว่าหนุมานเป็นพ่อจึงให้ผ่านด่านไป เมื่อหนุมานฆ่าไมยราพแล้วตั้งให้เป็นอุปราชบาดาล หลังจากศึกลงกา ไวยวิกเจ้าเมืองบาดาลพามัจฉานุไปเฝ้าพระราม พระรามตัดหางออกตั้งให้เป็นพญาหนุราชกินเมืองมลิวัน ได้นางรัตนมาลีธิดาท้าวจักวรรดิเจ้าเมืองเดิมเป็นชายา
มากัญจวิก
เสนาวานรเมืองขีดขิน คุมพล ๑๐ สมุทร พร้อมกับทวิพัทไปช่วยพระรามทำสงคราม
มายูร
เสนาวานรสิบแปดมงกุฎคืออวตารของพระวิรูปักษ์
มารนุราช
ดู อสุรผัด
มาลุนทเกสร
หรือมาลุน เสนาวานรสิบแปดมงกุฎ คือ พระพฤหัสบดีมาเกิด เป็น ๑ ใน ๗ ของเสนาวานรเมืองขีดขินที่นำรี้พล ๓๐ สมุทรไปช่วยพระรามทำสงคราม
ยามพะวาน
เสนาวานรของพญาพาลี ถูกใช้ให้ไปนำตัวทศกัณฐ์ซึ่งถูกจับในพิธีสรงองคตมาผูกทรมานไว้ที่หน้าท้องพระโรง
รสคนธ์
ดู ญาณรศคน
วาหุโรม
เสนาวานรเมืองขีดขินเป็น ๑ ใน ๗ ของเสนาวานรนำรี้พล ๓๐ สมุทรไปช่วยพระราม เป็นปีกขวาในกองทัพสุครีพยกไปรบกับกุมภกรรณ เช่นเดียวกับเป็นปีขวาเมื่อพระรามรบกับทศกัณฐ์ครั้งแรก
วิมนราช
ทหารวานรในกองทัพที่รบกับทศกัณฐ์คราวแรก
วิมล
ดู นิลพานร
วิสันตราวี
เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎ ชาวเมืองชมพูเป็น ผ็คุมรี้พล ๕ (สิบ) สมุทรพร้อมขุนนน และโชติมุกข์มาช่วยพระรามคือ พระอังคารมาเกิด
ไวยบุตร
เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎชาวเมืองขีดขิน
ไวยวงศา
ดู สุครีพ
ศรราม
หรือ อุศุภศรราม เสนาวานรชาวเมืองขีดขินเป็น ๑ ใน ๗ ตนที่คุมรี้พล ๓๐ สมุทรไปช่วยพระราม หลังเสร็จศึกได้เป็นอุปราชเมืองโรมคัล
สังวานร
ชื่อปลอมของหนุมาน เพื่อพูดหลอกท้าวสหัสเดชะใช้เชื่อว่าเป็นพลทหารหนีจากกองทัพพระราม
สัตพลี
เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎ ชาวเมืองขีดขินคือพระจันทร์จุติมาเกิด เป็นผู้ดูแลจัดทำรายชื่อผู้ทำชอบผิดต่างๆ หลังเสร็จศึกได้ตำแหน่งเป็นอาลักษณ์
สิบแปดมงกุฎ

เสนาวานรทั้ง ๑๘ ตน ล้วนอวตารมาจากเทวดาต่างๆเพื่อช่วยพระราม ประกอบด้วย ชาวขีดขิน ๙ ตน คือ เกยูร โกมุท ไชยามพวาน มาลุนทเกสร วิมล ไวยบุตร สัตพลี สุรกานต์ สุรเสน ชาวชมพูอีก ๖ ตน คือ นิลขัน นิลปานัน นิลปาสัน นิลราช นิลเอก วิสันตราวี และที่ไม่ปรากฎเมืองอีก ๓ ตน คือ กุมิตัน เกสรทมาลา มายูร

สุครีพ

พญาวานร ลูกพระอาทิตย์กับนางกาลอัจนา ซึ่งเป็นเมียของฤาษีโคดม เป็นน้องร่วมมารดาเดียวกับพาลี มีชายาชื่อ นางดาราวดี ซึ่งพระอิศวรประทานโดยฝากพาลีไป หลังจากพระรามฆ่าพาลีตาย ทรงตั้งให้เป็นเจ้าเมืองขีดขินและเข้าร่วมกระบวนทัพของพระรามด้วย เป็นแม่กองในการจองถนนข้ามไปลงกาในศึกลงกา พระรามให้สุครีพไปหักฉัตรแก้วทศกัณฐ์ เมื่อรบกับกุมภกรรณ ถูกกุมภกรรณลวงไปถอนต้นรังหลังทวีปอุดรเพื่อตัดกำลัง จึงถูกกุมภกรรณจับตัวได้ หนุมานไปแก้เอาตัวมา โดยมากมักทำหน้าที่เป็นผู้จัดทัพเป็นรูปต่างๆตามตำรายุทธวิธีโบราณ เมื่อเสร็จศึกลงกา ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพญาไวยวงศามหาสุรเดช ครองเมืองขีดขิน

สุรกานต์
เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎชาวเมืองขีดขินเป็น ๑ ใน ๗ ของเสนาที่คุมกองทัพ ๓๐ สมุทรมาช่วยพระรามหลังเสร็จศึกลงกา ได้ไปครองเมืองโรมคัล เป็นภาคอวตารของพระมหาชัย
สุรเสน

เสนาวานรพวกสิบแปดมงกุฎ ชาวเมืองขีดขิน เป็น ๑ ใน ๗ ของเสนาที่คุมกองทัพ ๓๐ สมุทรไปช่วยพระราม เสร็จศึกลงกาแล้วไปครองเมืองอัศดงค์ของสัทธาสูร เป็นภาคอวตารของพระพุธ

หนุมาน
พญาวานร ลิงเผือกเพศผู้ เกิดวันอังคารเดือนสามปีขาล ลูกนางสวาหะกับพระพาย เวลาเกิดเผ่นกระโนออกมาจากปากแม่ ตัวโตเท่ากับอายุสิบหกปี สามารถแผลงฤทธิ์เป็นสี่หน้า แปดมือ หาวเป็นดาวเป็นเดือน มีกุณฑลขนเพชรเขี้ยวแก้ว เคยหักต้นไม้ในสวนของพระอิศวร พระอุมาสาปให้กำลังลดลงกึ่งหนึ่ง จนเมื่อใดที่พระรามลูบหลังตลอดหางจึงพ้นคำสาป พระพายผู้เป็นบิดาฝากฝังให้ไปอยู่เมืองขีดขิน หลังจากหนุมานสวามิภักดิ์กับพระราม ได้เป็นกำลังสำคัญในการศึกลงกา เช่น สะกดตัวท้าวมหาชมพูมาถวาย นำผ้าสไบและธำมรงค์ไปถวายนางสีดาที่ลงกาพร้อมทูลว่าพระรามตามมาช่วย ช่วยชีวิตนางสีดาจากการผูกคอตาย เป็นผู้ออกอุบายเผากรุงลงกา เป็นแม่กองใหญ่ในการจองถนนข้ามไปลงกา พิสูจน์ให้พระรามเห็นว่าสีดาตายลอยทวนน้ำมา คือ นางเบญกาย ช่วยนำพระรามขึ้นมาจากบาดาลหลังจากไมยราพสะกดทัพเอาตัวไป เป็นผู้หาทางแก้ไขให้พระลักษณ์พ้นจากความตายเพราะถูกอาวุธของฝ่ายอสูรหลายครั้ง และเป็นผู้ลวงเอากล่องดวงใจของทศกัณฐ์มาได้ หลังเสร็จศึกลงกาได้บรรณาศักดิ์เป็นพระยาอนุชิตจักรกฤษณพิพรรธพงศา ครองเมืองนพบุรีที่พระรามสร้างให้ใหม่ เมื่อเกิดศึกมลิวัน หนุมานช่วยพระพรตพระสัตรุดทำศึกด้วย เมื่อพระรามปล่อยม้าอุปการ ติดตามมาในกองทัพสู้รบกับพระมงกุฎแต่พ่ายแพ้ เมื่อนางสีดาหนีพระรามไปอยู่เมืองบาดาล หนุมานยังเป็นสืบหาและเยี่ยมเยียนเมื่อพระรามเดินดงครั้งที่สองก็ตามเสร็จด้วย
อนุชิต
สมญาศักดิ์หนุมานหลังเสร็จศึกลงกา นามเต็มๆ คือ พระยาอนุชิตจักรกฤษณพิพรรธพงศา
อภัยพัทธวงศ์
สมญาศักดิ์ของนิลพัท ตำแหน่งอุปราชเมืองชมพู
อสูรผัด
ลูกหนุมานกับนางเบญกาย กายเป็นยักษ์ หน้าเป็นลิงเป็นหลานท้าวทศคีรีวงศ์ หรือ พิเภก เมื่อท้าวจักรพรรดิ เมืองมลิวัน สหายหนุมานยกทัพมาช่วยไพนาสุริยวงศ์ (ลูกทศกัณฐ์กับนางมณโฑ) ยึดเมืองลงกา จักท้าวทศคีรีวงศ์ขังคุกแล้วอภิเษกไพนาสุริยวงศ์เป็นกษัตริย์ ครองเมืองลงกา ให้ชื่อว่า ทศพิน พร้อมกับประทานศรชื่อบรรลัยจักรวาลอสุรผัดไปทูลขอโทษอัยกาของตนจากท้าวทศพินจึงถูกท้าวจักรวรรดิขับไล่ อสุรผัดเจ็บใจลามารดาออกตามหาบิดา ได้พบหนุมานซึ่งบวชอยู่ที่เขามณฑป หนุมานลาพรตพาลูกไปเฝ้าพระราม พระรามให้ยกทัพไปรบ อสุรผัดรบกับทศพินับตัวได้ แล้วถอดท้าวทศคีรีวงศ์จากตรุ อสุรผัดตามไปร่วมรบศึกมลิวันด้วย ร่วมกับนิลพัทฆ่านนทสูร นนทการ ร่วมกับองคตทำลายพิธีชุบศรเหราพตของบรรลัยจักร ร่วมกับนิลพัททำลายพิธีชุบกระบองตาลของท้าวไวยตาล หลังเสร็จศึกได้รับแต่งตั้งเป็นพญามารนุราช อุปราชเมืองลงกา
อินทรนุภาพ
สมญาศักดิ์ขององคต
อุศุภศรราม
ดู ศรราม

สวัสดีครับ หมอ

มีเวลาว่างบ้างหรือยังครับ อยากให้สอนเขียน Blog ให้บ้างครับ เพราะว่างมานานแล้วไม่มีข้อความอะไรลงเลย

ศิรวิทย์ กล่อมเกลี้ยง

ผมมีบางสิ่งที่เหมือนกับพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาถครับ

ศิรวิทย์ กล่อมเกลี้ยง

ผมก็บอกไม่ถูกหรอกนะครับแต่สิ่งต่างๆที่ผมทำมันคล้ายๆพระจาริยาวัตของพระองค์ท่าน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท