ประสบการณ์เป็น sellwoman ครั้งแรกในชีวิต ตอนที่ 1

ไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าวันหนึ่งจะได้เป็น พนักงานขาย กะเค้าบ้าง แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยคิดว่าจะทำอาชีพนี้เลย เหมือนเวลาที่เราเห็นพนักงานขายของมาเดินขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ขายสื่อการสอนบ้าง เราก็ออกจะรำคาญ วันนี้ได้ไปขายของเอง เลยมาเล่าให้ฟัง....

เริ่มต้นธุรกิจการขายของกับเพื่อน 2 คน น้องอ๋อมาเล่าให้ฟังว่าเค้ามีเสื้อผ้าเยอะมาก ๆ ที่บางตัวซื้อมายังไม่ได้ใส่ บางตัวซื้อมาใส่ได้ครั้งเดียว แต่จะเก็บไว้ก็ไม่เกิดประโยชน์ เลยชวนมาขายเสื้อผ้ามือสอง จุดประสงค์เพื่อระบายเสื้อผ้าออกจากตู้ โดยเริ่มจากการขายผ่านหน้าร้านทางอินเทอร์เน็ต ธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตตอนแรก เราก็เลยเป็นธุระให้โดยการเข้าไปสมัครที่เว็บไซต์ www.marketathome.com เปิดหน้าร้านชื่อว่า babygirlshop ขายเสื้อผ้ามือสอง ใช้เงินลงทุนไป 1,200 บ. เป็นค่าเช่าพื้นที่ โดยมีเว็บเพื่อนบ้านอย่าง girlberry ให้ความอนุเคราะห์เรื่องแบนเนอร์ ป้ายโฆษณา ตอนแรกคิดไม่ออกว่าป้ายโฆษณามันมีความสำคัญอย่างไร เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อไปค่ะ จากนั้นขั้นตอนต่อไปก็คือศึกษาการใช้ระบบ e-commerce ของเว็บ โดย Log in เข้าไป ก็ปรากฎว่ามีเครื่องมือในการค้าขายออนไลน์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งหน้าร้านให้สวยงาม ระบบการจัดหมวดหมู่สินค้า การเพิ่มสินค้า การลบสินค้าออก ระบบการสั่งซื้อสินค้า ระบบการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ระบบรายงานการเข้าดูสินค้าในแต่ละวัน ระบบสมาชิก ระบบโปรโมชั่น ระบบคิดเงิน ระบบคิดค่าขนส่ง หลากหลาก ซึ่งเพียงพอต่อการทำการค้าเลยทีเดียว สิ่งที่ทำต่อไปและสำคัญที่สุดคือ การยืนยันการมีตัวตนของเจ้าของร้าน  อันนี้สำคัญมากค่ะ เพราะว่าลูกค้าที่เข้ามาสั่งซื้อสินค้าจากทางเว็บไซต์ต้องการความเชื่อถือว่า ร้านค้านี้สามารถไว้วางใจในการชำระเงินได้มากน้อยแค่ไหน วิธีการก็คือเราต้องถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ไปให้กับเจ้าของเว็บไซต์ที่เรามีพื้นที่อยู่ จากนั้นก็ไปจดทะเบียนการค้าอิเล็กทรอนิกส์ กับสนง. การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ศาลากลางจังหวัด ในอัตราปีละ 50 บาท ซึ่งไม่แพงเลยถ้าคิดจะทำการค้าแบบนี้ เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าปัจจุบันกฎหมายยังไม่ได้ให้ความคุ้มครองกับผู้บริโภคผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม  แต่เพื่อความน่าเชื่อถือ และความมั่นใจในการค้า จากนั้นก็รอประมาณ 1 สัปดาห์ สนง.การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ก็จะจัดส่งป้ายรหัสทะเบียนการค้ามาให้ทางอีเมล์ เราก็เอาป้ายนี้ไปแปะไว้ที่หน้าร้านของเราได้ ซึ่งทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า ร้านค้าของเราเป็นร้านค้าที่ทำการค้าผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตได้ถูกต้องตามกฎหมาย และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าที่จะชำระเงินเงินเพื่อซื้อสินค้านั่นเอง ขั้นตอนต่อไป....ขั้นตอนนี้ทำให้เราเห็นความสำคัญของป้ายแบนเนอร์ขึ้นมาทันที ก็คือ การโปรโมตสินค้าในเว็บของเรา ร้านค้าที่เพิ่งตั้งใหม่มักไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของลูกค้าโดยทั่วไป การทำการตลาดอย่างหนึ่งก็คือ การฝากป้ายโฆษณาหรือชื่อร้านของเราไปกับร้านที่มีชื่อเสียง หรือร้านที่มีคนเข้าดูเยอะมาก ๆ ในหนึ่งวัน เพราะโดยปกติ ลูกค้าที่เข้ามาดูสินค้าเว็บใด ๆ ก็ตาม มักไม่ดูที่ร้านเดียวแน่ ๆ ก็จะคลิกลิงก์เชื่อมโยงในหน้าร้านนั้น ๆ เพื่อดูสินค้าอื่นที่ตรงตามความสนใจของเค้าไปด้วย และยังเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเว็บเพื่อนบ้านได้อีกทางหนึ่ง

การค้าออนไลน์แบบนีต้องอาศัยความอดทน และรอคอย ไม่เหมือนกับเรามีหน้าร้านจริง ๆ เพราะขึ้นอยู่กับการสุ่มของผู้เข้ามาดูเว็บไซต์ในแต่ละวัน เพราะฉะนั้นการโฆษณาร้านค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จำเป็น การตกแต่งหน้าร้านให้สวยงาม นอกเหนือจากความน่าสนใจของภาพสินค้า และตัวสินค้า