“ธรรมะเป็นกระบวนการทางจิตใจที่เป็นธรรมชาติเพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของความรู้ ธรรมชาติของความรู้ และเหตุแห่งความรู้ที่แท้จริง” ดังนั้นการศึกษาและปฏิบัติธรรมนั้นทำให้มนุษย์เรามีความเข้าใจในเนื้อแท้ของธรรมชาติ มีผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ทางด้านการจัดการความรู้หลายท่านได้สนทนากับผู้เขียนและมีแนวความคิดที่เหมือนกันคือ “การจัดการความรู้คือธรรมชาติ” คือ การจัดการทางธรรมชาติที่มีความหลากหลายให้สามารถอยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกันอย่างเป็นปกติสุข โดยความรู้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผลและสาเหตุนั้นเป็นสิ่งธรรมชาติด้วย ซึ่งสามารถพิสูจน์ด้วยกระบวนการทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยมีแนวคิดว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีสาเหตุหรือหาเหตุผลมาอธิบายได้ และเป็นเหตุผลที่รับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เป็นประสบการณ์ที่สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ความรู้ไม่มีนิยามที่แน่ชัด แน่นอนตายตัวจะเปลี่ยนตามบริบทและสภาวการณ์ ในที่นี้ผู้เขียนขอสรุปในมุมมองของตนเองว่า ความรู้ คือ สิ่งที่สั่งสมมาจากการศึกษาเล่าเรียน การค้นคว้า จากประสบการณ์และทักษะ ที่สามารถสื่อสารและแบ่งปันกันได้ และการนำเอาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการสรุป การตัดสินใจ และการคาดการข้างหน้า รวมถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆ จะก่อให้เกิด “ปัญญา” (Wisdom) ความรู้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ 1).ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นความรู้ที่แสดงออกมาในรูปสัญลักษณ์ สามารถสื่อสารและเผยแพร่ได้อย่างชัดเจน 2). ความรู้ที่ฝังอยู่ในคน (Tacit Knowledge) เป็นความเชี่ยวชาญและทักษะ หรือความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของแต่ละคนที่จากประสบการณ์ ความเชื่อ และความคิดสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงานที่แตกต่างกันออกไปความรู้ดังกล่าวสามารถที่จะถ่ายทอดและมี “เกลียวความรู้” (Knowledge Spiral) ในการโอนถ่ายความรู้ในแต่ละประเภทให้สามารถเสาะแสวงหา การประมวลและการกลั่นกรองความรู้ การแลกเปลี่ยนความรู้ การใช้ความรู้และการเรียนรู้ การสร้างความรู้ และสุดท้ายกระบวนการจัดการความรู้ก่อให้เกิด “นวัตกรรม” ที่
เป็นผลลัพธ์