วจนะของท่านศาสดากรุงคอนสแตนติโนเปิล(3)


วจนะเกี่ยวกับกรุงคอนสแตนติโนเปิล
วจนะที่กล่าวถึงกรุงคอนสแตนติโนเปิล

          มีฮะดีษมากมายที่กล่าวถึงกรุงคอนสแตนติโนเปิลทั้งที่เกี่ยวกับการพิชิตเมืองและสัญญาณวันสิ้นโลก  ดังต่อไปนี้   ความว่า

1.อบูฮุรอยเราะห์เล่าว่าท่านรอซูล  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า  : 

วันกิยามัตจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าชาวโรมันจะยกทัพไปยังเมืองอิอ์มากหรือดาบิก[1] และแล้วกองทหารจากนครมดีนะห์ซึ่งเป็นประชาชาติที่ประเสริฐที่สุดในขณะนั้นจึงได้ยกทัพไปเผชิญหน้ากับพวกเขา  แล้วชาวโรมันก็กล่าวขึ้นว่า  จงหลีกทางระหว่างเราและผู้ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกในหมู่พวกเรา (หมายถึงชาวโรมันที่เข้ารับอิสลาม)  เราจะฆ่าพวกเขา  มุสลิมจึงค้านขึ้นมาว่า  ไม่!  ด้วยพระนามของอัลลอฮ  เราจะไม่หลีกทางให้พวกเจ้าฆ่าฟันสหายของเราเป็นอันขาด  ดังนั้นจึงเกิดการต่อสู้กัน  จนหนึ่งในสามของพวกเขาต้องพ่ายแพ้  และอัลลอฮจะไม่ทรงให้อภัยแก่พวกเขาตลอดไป อีกหนึ่งในสามของพวกเขาถูกฆ่าตายและเป็นชาวซูฮาดาอ์ (ผู้ที่ตายในหนทางของอัลลอฮ)ที่ประเสริฐที่สุดของอัลลอฮ  และอีกส่วนหนึ่งของพวกเขาทำการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลโดยที่พวกเขาไม่ได้รับการคุกคามแต่อย่างใด  และแล้วพวกเขาก็สามารถเปิดกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้สำเร็จ[2]

 2. อุมมุฮิรอมเล่าว่าท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัมกองทัพแรกจากประชาชาติของฉันที่ทำสงครามกับนครแห่งกษัตริย์ไกเซอร์จะได้รับการอภัยโทษจากอัลลอฮ  ดังนั้นฉันจึงกล่าวว่า โอ้ท่านรอซูล! ฉันเป็นหนึ่งในหมู่พวกเขาด้วยใช่ไหม  ท่านตอบว่า  ไม่มันคือกรุงคอนสแตนติโนเปิล[3]  3. เอาฟ์  บิน  มาลิก  เล่าว่าท่ารอซูล ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม  กล่าวว่า : 

            จงนับ  6  อย่างที่จะเกิดขึ้นระหว่างการสิ้นโลก  (หนึ่งในจำนวนนั้นคือ)  และการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล[4] 

4. มุอาซ  บิน  ญะบัลเล่าว่าท่านรอซุล ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม  กล่าวว่า :             การบูรณะอัลกุดส์คือการล่มสลายของยัซริบ  (มดีนะห์)  และการล่มสลายของยัซริบคือเกิดการสู้รบ  และการสู้รบคือการเปิดกรุงคอนสแตนติโนเปิล  และการเปิดกรุงคอนสแตนติโนเปิลคือการออกมาของดัจญัล[5] 5  عن بشرا الغنوي عن النبي صلى الله عليه وسلم قال : " لتفتحن القسطنطينية ولنعم الأمير أميرها ، ولنعم الجنش ذلك الجيش "  5.  บิซร์  อัลเฆาะนะวีย์  เล่าว่าท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม  กล่าวว่า :

            แท้จริงกรุงคอนสแตนติโนเปิลจะถูกพิชิตโดยพวกเจ้า  และแท้จริงอะมีรที่ดีที่สุด  คืออะมีรที่สามารถพิชิตมัน  และแท้จริงกองทหารที่ดีที่สุดคือกองทหารของอะมีรนั้น[6]

 6.  อบูฮุรอยเราะห์เล่าว่า  ท่านรอซูลศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม  กล่าวว่า :

            พวกเจ้าเคยได้ยินชื่อเมืองที่ส่วนหนึ่งของมันติดกับพื้นดินและอีกส่วนหนึ่งของมันติดกับทะเลหรือไม่ ?  พวกซอฮาบะห์ตอบว่า  ใช่  โอ้ท่ารอซูล  ดังนั้นท่านรอซูลศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิว่าซัลลัมจึงกล่าวว่า  วันสิ้นโลกจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะมีลูกหลานของบนีอิสฮากจำนวน  70,000  ทำสงครามกับมัน  พอพวกเขาได้ไปถึงยังเมืองดังกล่าว  พวกเขาจะตั้งค่ายอยู่ตรงนั้นโดยที่พวกเขาไม่ได้ทำสงครามด้วยอาวุธและไม่ได้ยิงด้วยธนูแต่อย่างใด  เพียงแต่พวกเขากล่าวคำว่า  ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮ  วัลลอฮูอักบัร  เท่านั้นเองฟากที่ติดกับทะเลของเมืองนี้ก็จะถูกพิชิตลง  แล้วพวกเขาก็กล่าวอีกเป็นครั้งที่สอง  ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮ  วัลลอฮูอักบัร  ดังนั้นอีกฟากหนึ่งที่ติดกับพื้นดินก็ถูกพิชิตลงอีก  หลังจากนั้นพวกเขาจึงกล่าวเป็นครั้งที่สาม  ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮ  วัลลอฮูอักบัร  อัลลอฮจึงเปิดเมืองให้กับพวกเขา  ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางเข้าไปในเมืองและทำการยึดทรัพย์สิน  ในขณะที่พวกเขากำลังแบ่งปันทรัพย์สินอยู่นั้น  ทันใดพวกเขาได้ยินเสียงร้องตะโกนขึ้นมาว่า  แท้จริงดัจญาลได้ออกมาแล้ว  ดังนั้นพวกเขาจึงทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและเดินทางกลับ[7]

 7.  อัลดุลลอฮ  บินอัมรู  บินอัลอาส  เล่าว่า            ในขณะที่พวกเรากำลังรายล้อมท่านรอซูล  ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม  เพื่อเขียนคำพูดของท่าน  ก็ได้มีชายคนหนึ่งถามท่านรอซูลกล่าวว่า   :  ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม  ขึ้นมาว่า  ระหว่างกรุงคอนสแตนติโนเปิลกับเมืองโรมา  เมืองไหนจะถูกเปิดก่อน ?  ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม  ตอบว่า  เมืองเฮรเกิลจะถูกเปิดก่อน  (หมายถึงกรุงคอนสแตนติโนเปิล)[8]

            จากฮะดีษข้างต้นทำให้เข้าใจว่า  การเปิดกรุงคอนสแตนติโนเปิลนั้นเกิดขึ้นสองครั้งด้วยกัน  ครั้งแรกเป็นการพิชิตด้วยการทำการศึกสงครามซึ่งเกิดขึ้นในสมัยการปกครองของอาณาจักรออตโตมานภายใต้การนำของจอมทัพสุลต่าน

มุหัมมัดอัลฟาติห์  และครั้งที่สองเป็นการพิชิตด้วยเสียงตักบีรและตะห์ลีลเท่านั้นโดยปราศจากการต่อสู้แต่อย่างใด  ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อนหน้าที่ดัจญัลจะออกมาอาละวาด  แต่สิ่งที่น่าสังเกตจากฮะดีษข้างต้น  คือฮะดีษกล่าวว่า  กรุงคอนสแตนติโนเปิลจะถูกเปิดโดยลูกหลานของบนีอิสฮาก  จำนวน  70,000  คน ซึ่งที่จริงแล้วลูกหลานบนีอิสฮากก็คือชาวโรมันนั่นเอง  เพราะพวกเขามาจากเชื้อสายของอัลอัยซ์  บิน  อิสฮาก  บิน  อิบรอฮิม[9]  ดังนั้นรจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลอันเป็นศูนย์กลางของพวกเขาจะถูกพิชิตโดยมือพวกเขาเอง             มุสตอฟา  ชะลาบีย์กล่าวว่า :“อุลามาอฺจำนวนไม่น้อยได้ยกฮะดีษดังกล่าวเป็นหลักฐานยืนยันว่าแท้จริงชาวโรมันในช่วงสุดท้ายแห่งวันสิ้นโลกจะเข้ารับการอิสลามและร่วมกับกองทัพมุสลิมในการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล[10]  วัลลอฮุอะลัม            อิบนูกาซีรมีความเห็นว่า:“ฮะดีษนี้บ่งบอกว่าแท้จริงชาวดรมันจะเข้ารับอิสลาม  (ในช่วงสุดท้ายแห่งวันสิ้นโลก)  และบางทีการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลจะเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของพวกเขาส่วนหนึ่ง  ดังฮะดีษข้างต้นที่ได้กล่าวไว้ว่า  ลูกหลานของบนีอิสฮากจำนวน  70,000  คน  จำทะสงครามพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล…”[11]                   ฮะดีษที่เล่าโดยอบูฮุรอยเราะห์เกี่ยวกับการสู้รบของชาวโรมันก็เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่บ่งบอกว่าชาวโรมันจะเข้ารับการอิสลามในช่วงสุดท้ายแห่งกาสิ้นโลกหรือกิยามัต  ซึ่งชาวโรมันหรือผู้ปฏิเสธได้ขอให้มุสลิมหลีกทางให้พวกเขาได้สู้รบกับชาวโรมันที่ถูกจับเป็นเชลยและเข้ารับอิสลามแล้ว  แต่ชาวมุสลิมไม่ยอมและอ้างว่าพวกเขาเป็นพี่น้องของตน  จนเกิดการสู้รบกันขึ้นในที่สุด            อิมามอัลนาวาวีย์กล่าวว่า :“ข้อเท็จจริงอันนี้ได้เกิดขึ้นในสมัยของเรา  ยิ่งกว่านั้นค่ายทหารอิสลามในเมืองชามและอียิปต์ส่วนใหญ่ล้วนมาจากกองเชลยศึกที่เข้ารับอิสลามและปัจจุบัน  อัลฮัมดุลิลละห์  พวกเขากลับจับชาวผู้ปฏิเสธมาเป็นเชลยศึกต่อ…”[12]            การพิชิตหรือเปิดกรุงคอนสแตนติโนเปิลที่กล่าวถึงในฮะดีษเกิดขึ้นโดยปราศจากการสู้รบด้วยอาวุธสงคราม  แต่ใช้การตักบีรหรือตะห์ลิลเท่านั้น  ซึ่งแน่นอนการพิชิตอันนี้ยังไม่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน            ติรมิซียืได้ยกรายงานจากอานัส  บิตน  มาลิก  ท่านกล่าวว่า :  การพิชิตคอนสแตนติโนเปิล  (ที่ถูกกล่าวถึงในฮะดีษ)  จะเกิดขึ้นพร้อมกับการสิ้นโลก[13]            ส่วนการพิชิตที่เกิดขึ้นโดยฝีมือของกองทหารแห่งอาณาจักออตโตมานภายใต้การนำของสุลต่านมุหัมมัดอัลฟาติห์นั้นเกิดด้วยการสู้รบ  ซึ่งการพิชิตดังกล่าวถือเป็นการเปิดทางสำหรับการพิชิตครั้งยิ่งใหญ่  และการที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวยุโรปผู้ปฏิเสธหลังการล่มสลายของเคาะลีฟะห์อิสลามียะห์นั้นเป็นการตอกย้ำถึงการหวนกลับมาของการพิชิตครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง  อินชาอัลลอฮ[14]  วัลลอฮุอะลัม 


[1] ปัจจุบันนี้ตั้งอยู่ในเมืองชามติดกับเมืองฮัลบ
[2] มุสลิม : 8 : 175-176  (2897)
[3] อัลบุคอรีย์  : 6 : 120
[4] อัลบุคอรีย์  : 6 : 277
[5] อะหมัด : 5 : 233 อบูดาวุด (4285) อัลบานีย์กล่าวว่าเป็นฮะดีษที่ถูกต้อง (อัลบานีย์, เซาะเฮียะห์อัลญามิอ (4096))
[6] อะหมัด  : 4 : 335 อัลบุคอรีย์,อัลตารีฆุลกะบีร : 2: 81  อัลเฏาะบะรอนีย์,อัลมุญัมอัลกะบีร : 2 : 24  อัลหากิม :       4 : 422  และกล่าวว่า  สายรายงานนี้ถูกต้อง  และอัลซะฮะบีย์เห็นด้วย
[7] มุสลิม  : 18 : 43-44
[8] อะหมัด : 2 : 176 อัลหากิม : 4 : 555  และกล่าวว่า  เป็นรายงานที่ถูกต้องและอัลซาฮาบีย์ก็เห็นด้วย
[9] อิบนูกาซีร,  อิลนิฮยะห์  ฟิลฟิตัน : 1 : 58
[10] มุสตอฟา  ชะลาบีย์ : 184
[11] อิบนูกาซีร,  อัลนิฮายะห์ : 1 : 58-59
[12] อัลนาวาวีย์ ; 18 : 21
[13] อัลตัรมีซีย์ : 6 : 498
[14] อะหมัดชากิร ; 2 : 256
หมายเลขบันทึก: 83315เขียนเมื่อ 11 มีนาคม 2007 19:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม 2012 10:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท