มีฮะดีษมากมายที่กล่าวถึงกรุงคอนสแตนติโนเปิลทั้งที่เกี่ยวกับการพิชิตเมืองและสัญญาณวันสิ้นโลก ดังต่อไปนี้ ความว่า
1.อบูฮุรอยเราะห์เล่าว่าท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า :
“วันกิยามัตจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าชาวโรมันจะยกทัพไปยังเมืองอิอ์มากหรือดาบิก[1] และแล้วกองทหารจากนครมดีนะห์ซึ่งเป็นประชาชาติที่ประเสริฐที่สุดในขณะนั้นจึงได้ยกทัพไปเผชิญหน้ากับพวกเขา แล้วชาวโรมันก็กล่าวขึ้นว่า “ จงหลีกทางระหว่างเราและผู้ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกในหมู่พวกเรา (หมายถึงชาวโรมันที่เข้ารับอิสลาม) เราจะฆ่าพวกเขา” มุสลิมจึงค้านขึ้นมาว่า “ไม่! ด้วยพระนามของอัลลอฮ เราจะไม่หลีกทางให้พวกเจ้าฆ่าฟันสหายของเราเป็นอันขาด” ดังนั้นจึงเกิดการต่อสู้กัน จนหนึ่งในสามของพวกเขาต้องพ่ายแพ้ และอัลลอฮจะไม่ทรงให้อภัยแก่พวกเขาตลอดไป อีกหนึ่งในสามของพวกเขาถูกฆ่าตายและเป็นชาวซูฮาดาอ์ (ผู้ที่ตายในหนทางของอัลลอฮ)ที่ประเสริฐที่สุดของอัลลอฮ และอีกส่วนหนึ่งของพวกเขาทำการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลโดยที่พวกเขาไม่ได้รับการคุกคามแต่อย่างใด และแล้วพวกเขาก็สามารถเปิดกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้สำเร็จ”[2]2. อุมมุฮิรอมเล่าว่าท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม“ กองทัพแรกจากประชาชาติของฉันที่ทำสงครามกับนครแห่งกษัตริย์ไกเซอร์จะได้รับการอภัยโทษจากอัลลอฮ” ดังนั้นฉันจึงกล่าวว่า “โอ้ท่านรอซูล! ฉันเป็นหนึ่งในหมู่พวกเขาด้วยใช่ไหม” ท่านตอบว่า “ไม่…มันคือกรุงคอนสแตนติโนเปิล”[3] 3. เอาฟ์ บิน มาลิก เล่าว่าท่ารอซูล ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม กล่าวว่า :
“ จงนับ 6 อย่างที่จะเกิดขึ้นระหว่างการสิ้นโลก (หนึ่งในจำนวนนั้นคือ) และการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล”[4]
4. มุอาซ บิน ญะบัลเล่าว่าท่านรอซุล ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม กล่าวว่า : “ การบูรณะอัลกุดส์คือการล่มสลายของยัซริบ (มดีนะห์) และการล่มสลายของยัซริบคือเกิดการสู้รบ และการสู้รบคือการเปิดกรุงคอนสแตนติโนเปิล และการเปิดกรุงคอนสแตนติโนเปิลคือการออกมาของดัจญัล”[5] 5 عن بشرا الغنوي عن النبي صلى الله عليه وسلم قال : " لتفتحن القسطنطينية ولنعم الأمير أميرها ، ولنعم الجنش ذلك الجيش " 5. บิซร์ อัลเฆาะนะวีย์ เล่าว่าท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม กล่าวว่า :
“แท้จริงกรุงคอนสแตนติโนเปิลจะถูกพิชิตโดยพวกเจ้า และแท้จริงอะมีรที่ดีที่สุด คืออะมีรที่สามารถพิชิตมัน และแท้จริงกองทหารที่ดีที่สุดคือกองทหารของอะมีรนั้น”[6]
6. อบูฮุรอยเราะห์เล่าว่า ท่านรอซูลศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม กล่าวว่า :“พวกเจ้าเคยได้ยินชื่อเมืองที่ส่วนหนึ่งของมันติดกับพื้นดินและอีกส่วนหนึ่งของมันติดกับทะเลหรือไม่ ?” พวกซอฮาบะห์ตอบว่า “ใช่ โอ้ท่ารอซูล” ดังนั้นท่านรอซูลศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิว่าซัลลัมจึงกล่าวว่า “วันสิ้นโลกจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะมีลูกหลานของบนีอิสฮากจำนวน 70,000 ทำสงครามกับมัน พอพวกเขาได้ไปถึงยังเมืองดังกล่าว พวกเขาจะตั้งค่ายอยู่ตรงนั้นโดยที่พวกเขาไม่ได้ทำสงครามด้วยอาวุธและไม่ได้ยิงด้วยธนูแต่อย่างใด เพียงแต่พวกเขากล่าวคำว่า “ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮ วัลลอฮูอักบัร” เท่านั้นเองฟากที่ติดกับทะเลของเมืองนี้ก็จะถูกพิชิตลง แล้วพวกเขาก็กล่าวอีกเป็นครั้งที่สอง “ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮ วัลลอฮูอักบัร” ดังนั้นอีกฟากหนึ่งที่ติดกับพื้นดินก็ถูกพิชิตลงอีก หลังจากนั้นพวกเขาจึงกล่าวเป็นครั้งที่สาม “ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮ วัลลอฮูอักบัร” อัลลอฮจึงเปิดเมืองให้กับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางเข้าไปในเมืองและทำการยึดทรัพย์สิน ในขณะที่พวกเขากำลังแบ่งปันทรัพย์สินอยู่นั้น ทันใดพวกเขาได้ยินเสียงร้องตะโกนขึ้นมาว่า แท้จริงดัจญาลได้ออกมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและเดินทางกลับ”[7]
7. อัลดุลลอฮ บินอัมรู บินอัลอาส เล่าว่า “ในขณะที่พวกเรากำลังรายล้อมท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม เพื่อเขียนคำพูดของท่าน ก็ได้มีชายคนหนึ่งถามท่านรอซูลกล่าวว่า : ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม ขึ้นมาว่า “ระหว่างกรุงคอนสแตนติโนเปิลกับเมืองโรมา เมืองไหนจะถูกเปิดก่อน ?” ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวาซัลลัม ตอบว่า “เมืองเฮรเกิลจะถูกเปิดก่อน (หมายถึงกรุงคอนสแตนติโนเปิล)”[8]จากฮะดีษข้างต้นทำให้เข้าใจว่า การเปิดกรุงคอนสแตนติโนเปิลนั้นเกิดขึ้นสองครั้งด้วยกัน ครั้งแรกเป็นการพิชิตด้วยการทำการศึกสงครามซึ่งเกิดขึ้นในสมัยการปกครองของอาณาจักรออตโตมานภายใต้การนำของจอมทัพสุลต่าน
มุหัมมัดอัลฟาติห์ และครั้งที่สองเป็นการพิชิตด้วยเสียงตักบีรและตะห์ลีลเท่านั้นโดยปราศจากการต่อสู้แต่อย่างใด ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อนหน้าที่ดัจญัลจะออกมาอาละวาด แต่สิ่งที่น่าสังเกตจากฮะดีษข้างต้น คือฮะดีษกล่าวว่า “กรุงคอนสแตนติโนเปิลจะถูกเปิดโดยลูกหลานของบนีอิสฮาก จำนวน 70,000 คน ซึ่งที่จริงแล้วลูกหลานบนีอิสฮากก็คือชาวโรมันนั่นเอง เพราะพวกเขามาจากเชื้อสายของอัลอัยซ์ บิน อิสฮาก บิน อิบรอฮิม[9] ดังนั้นรจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลอันเป็นศูนย์กลางของพวกเขาจะถูกพิชิตโดยมือพวกเขาเอง มุสตอฟา ชะลาบีย์กล่าวว่า :“อุลามาอฺจำนวนไม่น้อยได้ยกฮะดีษดังกล่าวเป็นหลักฐานยืนยันว่าแท้จริงชาวโรมันในช่วงสุดท้ายแห่งวันสิ้นโลกจะเข้ารับการอิสลามและร่วมกับกองทัพมุสลิมในการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล”[10] วัลลอฮุอะลัม อิบนูกาซีรมีความเห็นว่า:“ฮะดีษนี้บ่งบอกว่าแท้จริงชาวดรมันจะเข้ารับอิสลาม (ในช่วงสุดท้ายแห่งวันสิ้นโลก) และบางทีการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลจะเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของพวกเขาส่วนหนึ่ง ดังฮะดีษข้างต้นที่ได้กล่าวไว้ว่า ลูกหลานของบนีอิสฮากจำนวน 70,000 คน จำทะสงครามพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล…”[11] ฮะดีษที่เล่าโดยอบูฮุรอยเราะห์เกี่ยวกับการสู้รบของชาวโรมันก็เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่บ่งบอกว่าชาวโรมันจะเข้ารับการอิสลามในช่วงสุดท้ายแห่งกาสิ้นโลกหรือกิยามัต ซึ่งชาวโรมันหรือผู้ปฏิเสธได้ขอให้มุสลิมหลีกทางให้พวกเขาได้สู้รบกับชาวโรมันที่ถูกจับเป็นเชลยและเข้ารับอิสลามแล้ว แต่ชาวมุสลิมไม่ยอมและอ้างว่าพวกเขาเป็นพี่น้องของตน จนเกิดการสู้รบกันขึ้นในที่สุด… อิมามอัลนาวาวีย์กล่าวว่า :“ข้อเท็จจริงอันนี้ได้เกิดขึ้นในสมัยของเรา ยิ่งกว่านั้นค่ายทหารอิสลามในเมืองชามและอียิปต์ส่วนใหญ่ล้วนมาจากกองเชลยศึกที่เข้ารับอิสลามและปัจจุบัน อัลฮัมดุลิลละห์ พวกเขากลับจับชาวผู้ปฏิเสธมาเป็นเชลยศึกต่อ…”[12] การพิชิตหรือเปิดกรุงคอนสแตนติโนเปิลที่กล่าวถึงในฮะดีษเกิดขึ้นโดยปราศจากการสู้รบด้วยอาวุธสงคราม แต่ใช้การตักบีรหรือตะห์ลิลเท่านั้น ซึ่งแน่นอนการพิชิตอันนี้ยังไม่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน ติรมิซียืได้ยกรายงานจากอานัส บิตน มาลิก ท่านกล่าวว่า : “การพิชิตคอนสแตนติโนเปิล (ที่ถูกกล่าวถึงในฮะดีษ) จะเกิดขึ้นพร้อมกับการสิ้นโลก”[13] ส่วนการพิชิตที่เกิดขึ้นโดยฝีมือของกองทหารแห่งอาณาจักออตโตมานภายใต้การนำของสุลต่านมุหัมมัดอัลฟาติห์นั้นเกิดด้วยการสู้รบ ซึ่งการพิชิตดังกล่าวถือเป็นการเปิดทางสำหรับการพิชิตครั้งยิ่งใหญ่ และการที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวยุโรปผู้ปฏิเสธหลังการล่มสลายของเคาะลีฟะห์อิสลามียะห์นั้นเป็นการตอกย้ำถึงการหวนกลับมาของการพิชิตครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง อินชาอัลลอฮ[14] วัลลอฮุอะลัมไม่มีความเห็น