วิธีการและเนวทางการสรางบุคคลิกภาพของมุสลิมที่ดีมีดังต่อไปนี้
1.ความรู้ที่เป็นประโยชน์ (العلم النافع )
ความรู้ที่เป็นประโยชน์ หมายถึง ทุกความรู้ที่สามารถให้ผู้รู้เขาใกล้กับอัลลอฮ สามารถช่วยให้เพิ่มพูนความยำเกรงต่ออัลลอฮ และสามารถช่วยผลักดันให้เกิดการอามาลศอและห์
ความรู้ที่เป็นประโยชน์นั้นต้องมีสองเงื่อนไขสำคัญคือ
1.1 ความรู้ที่ส่งผลให้ทำอามาลศาและห์ด้วยความบริสุทธิ์และจริงใจต่ออัลลอฮ และส่งผลให้ผู้ที่ได้รับความรู้นั้นมั่นคงด้วยมารายาทที่จำเป็นต้องรักษาโดยผู้รู้และผู้เรียน เพราะฉนั้นอัลลอฮได้ทรงตักเตือนผู้ที่มีความรู้แต่ไม่ปฎิบัติตามดังที่เขารู้ และผู้ที่กล่าวไปในทำนองหนึ่งและปฏิบัติไปอีกในทำนองหนึ่งว่า ความว่า โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ยทำไมพวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ เป็นที่เกลียดยิ่งที่อัลลอฮ การที่พวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ ( อัซซอฟ 61/23 )
ความว่า พวกเจ้าใช่ให้ผู้คนกระทำความดีโดยที่พวกเจ้าลืมตัวของพวกเจ้าเองกระนั้นหริอ และทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าอ่านคัมภีร์อยู่แล้วพวกเจ้าไม่ใช้ปัญญากระนั้นหรือ ( อัลบากอเราะฮฺ 2 /44 )
ผู้รู้จะถูกสอบถามในวันปรโลกถึงความรู้ที่ได้รับแล้วไปปฎิบัติหรือไม่ ? หรือว่านำเอาความรู้เพื่อแสวงหาชื่อเสียงหรือประกวดระดับความรู้ในสังคมโดยวิธีต่างๆ ท่านนบีมูฮัมมัดได้กล่าว ความว่า ท่านรอซูล(ศ็อลฯ) กล่าวว่า สองขาของบ่าวจะไม่ได้ขยับจากที่ที่เขายืนอยู่ในวันกิยามะฮ.จนกว่าถูกสามถึงอายุของเขา เขาไปใช้เพื่ออะไร? ถูกถามถึงความรู้ของเขา เขาทำอะไรกับความรู้ของเขา? ถูกถามถึงทรัพย์สินของเขา เขาได้รับมาจากไหนและใช้เพื่ออะไร? และถูกถามถึงตัวของเขาเองว่า เขาใช้ความคล่องแคล่วเพื่ออะไร? (หะดีษ ฮาซัน ซอฮีฮฺ หมายเลข 2417)อีกหะดีษหนึงท่านนบีได้กล่าวไว้ว่า ความว่า ท่านยังไม่เป็นผู้รู้จนกว่าท่านทำตามความรู้ที่มีอยู่กับท่าน เพราะฉนั้นบรรดาซอฮาบะฮ.นอกจากย้ำเกรงต่ออัลลอฮ.และยึดหมั่นต่ออัลกุรอ่านและหะดีษเขาเหล่านั้นยังกลัววิกฤติการณ์ในวันฟื้นคืนชีพอีกด้วย
1.2 มุสลิมต้องหลีกเลี่ยงการโอ้อวดและการโต้เถียงในด้านวิชาการ
จากอาบีอูมามะฮฺรายงานจากท่านนบีกล่าวว่า ความว่า แท้จริงท่านรอซูล(ศ็อล) กล่าวว่า หมู่ชนหลังจากเราจะไม่หลงผิดเว้นแต่ชนเหล่านั้นโต้เถียงกัน แล้วท่านอ่าน(โยงการในซูเราะห์ซูครุฟอายะห์ที่ 58 ) ความว่า พวกเรามิได้เปรียบเทียบแก่เจ้าเพื่ออื่นใดนอกจากการโต้เถียง ยิ่งกว่านั้นพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ชอบการโต้เถียงอีกด้วย
ความว่า บางพวกซาลัฟกล่าวว่า เมื่ออัลลลอฮ.ทรงประสงค์ให้บ่าวคนหนี่งได้รับความดี พระองค์ทรงเปิดประตูอามาลและทรลปิดประตูโต้เถียงให้เขา และเมื่ออัลลอฮ.ทรงประสงค์ให้บ่าวคนหนึ่งได้รับความชั่วพระองค์ทรงปิดประตูอามาลและทรงเปิดประตูโต้เถียงให้เขา
قال مالك رحمه الله : المراء والجدل فى العلم يذهب بنور العلم (المرجع نفسه 88)
ความว่า ท่านมาลิดรอฮิมาอุลลอฮ.กล่าวว่า การโอ้อวดและการโต้เถียงเกี่ยวกับความรู้จะทำให้รัศมีของความรู้ขายไป
ความแตกต่างระหว่างผู้มีความรู้ที่เป็นประโยชน์และผู้ที่มีความรู้ที่ไม่มีประโยชน์
ความแตกต่างที่อาจได้เห็นชัดเจนระหว่างสองประเภทนี้คือ ผู้ที่มีความรู้ทีเป็นประโยชน์จะนอบน้อมถ่อมตนไม่อยากเปิดเผยความสามารถและยศ ไม่ชอบการยกย่องสรรเสริญจากผู้คนทั่วไป ไม่ยะโสโอหังต่อใคร ผู้คนเหล่านี้จะอยู่อย่างสันโดษมีสมถะและรักอาดิเราะห์มากกว่าดุนยา และมีความมานะ อดทนในการเคารพต่ออัลลอฮ.ตราบใดเมื่อความรู้เพิ่มเติม คุณลักษณะที่กล่าวถึงเมื่อตอนต้นก็ยิ่งมั่นคงยิ่งขึ้น ( فضل علم السلف على الخلف ص 128-129) มีต่อ
ในอิสลามยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และในอัลกุรอานก็ระบุว่าการคีลาฟ (การมีความเห็นที่แตกต่างกันในบางเรื่อง) เป็นสิ่งที่มีได้และสอดคล้องกับความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์
ดังนั้นผมเข้าใจความหมายของอาจารย์ที่ระบุว่า ห้ามมีการโต้เถียงทางวิชาการ น่าจะเป็นความหมายที่เฉพาะว่า เป็นการโต้เถียงที่เอาชนะระหว่างกัน
ทั้งนี้การคีลาฟ คือความเมตตาอย่างหนึ่งจากอัลลอฮ์ผู้ทรงเป็นพระเจ้า
เพียงแต่อิสลามได้กำหนดเงื่อนไขและมารยาทของการคีลาฟว่าอย่างชัดเจนและน่าสนใจ (ขณะนี้ผมกำลังอ่านหนังสือความเกี่ยวกับความขัดแย้ง ซึ่งแปลโดย อ.อิบรอเฮ็ง ณรงรักษาเขตอยู่ แต่ยังอ่านไม่จบครับ เนื้อหาเข้าใจได้ไม่ลึกพอที่จะอ่านให้จบเร็ว)