เรื่องของยูคาลิปตัสไม่ใช่เพิ่งจะโตกกะตากเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้ นักการป่าไม้โลกเขาจัดประชุมเรื่องนี้กันเป็นระยะๆเกือบ60-70ปีมาแล้ว ประเทศจีนเพิ่งฉลองวันครบรอบยูคาฯอายุ100ปี ไปเมื่อสักสิบปีที่แล้วได้ ส่วนร่องรอยในประเทศของเรา ประมาณปีพ.ศ.2490 อาจารย์สุขุม ถิรวัฒน์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้อาวุโสในสมัยนั้น (ท่านเคยเป็นนักเรียนทุนรุ่นแรกที่ไปเรียนวิชาป่าไม้ที่ประเทศอินเดีย ต่อมาเป็นวุฒิสมาชิก สนใจทดลองปลูกไม้ยูคา เขียนตำราเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ ถือได้ว่าท่านเป็นบิดายูคาไทย)
อาจารย์สุขุม ได้ไปร่วมประชุมยูคาลิปตัสโลกที่ประเทศออสเตรเลีย และได้ตระเวนดูงานต่อหลังจากการประชุมคราวนั้น ท่านได้นำเมล็ดยูคาลิปตัสหลายสายพันธุ์มาปลูกในประเทศไทยสมัยนั้น ส่วนมากจะปลูกที่ภาคเหนือ ถ้าใครไปเที่ยวตำหนักภูพิงค์ จะเห็นต้นไม้สูงชะลูดยืนเรียงรายอยู่ริมทางขึ้นตำหนัก ถ้าสังเกตบ้างก็จะเห็นได้ไม่ยาก เพราะเปลือกใบลำต้นไม่เหมือนไม้ในบ้านเราอยู่แล้ว หลายต้นโตขนาดหลายคนโอบ สูงประมาณ 25-35 เมตรได้ ไม้กลุ่มนี้ถือไปชุดประวัติศาสตร์ที่ปลูกในไทยเป็นทางการครั้งแรก ถ้านับอายุก็คงประมาณ 58-59 ปี อีกปีเดียวก็เกษียณแล้ว
ในช่วง30ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็มีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ กระจายพื้นที่ปลูกทั่วประเทศ กรมป่าไม้จัดตั้งศูนย์ศึกษาทดลองพันธุ์ไม้ทุกภูมิภาค ในแต่ละภาคมีสถานีทดลองย่อยอีกในบางจังหวัด ศูนย์ศึกษาพรรณไม้ดังกล่าวนี้ได้ขยายพื้นที่ปลูกอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ไม้ยูคาไปโผล่ที่โน้นที่นี่ เห็นหนาตามากขึ้น ในปัจจุบันไม้ยูคากลายเป็นไม้ที่คนไทย ปลูกใช้สอย เป็นไม้สารพัดประโยชน์ตามความคุ้นเคย และเป็นรายได้ที่น่าสนใจมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดก็คือ ในขณะที่ไม้ในป่าธรรมชาติค่อยๆหายไป ไม้ที่ดูไม่มีค่ามีความสำคัญที่ปลูกเล่นๆทิ้งไว้ริมรั้วหรือหัวไร่ปลายนา ได้เข้ามาชดเชยเป็นไม้ใช้สอยในครัวเรือน ไม่อย่างนั้นแล้วเรื่องพลังงานเชื้อเพลิงในชนบทจะเดือนร้อนกว่านี้มากนัก ต่อมามีผู้นำไปใช้ประโยชน์มากขึ้น เช่น เผาถ่าน เพาะเห็ด ทำไม้เสาเข็ม ไม้ค้ำยัน ไม้สร้างทำรั้ว ไม้กั้นคอกสัตว์ เพิงพักอาศัย ร้านอาหาร ทำบ้าน และประดิษฐ์ของใช้ โต๊ะ เก้าอี้ ชิงช้านั่งเล่น ในส่วนของระบบอุตสาหกรรมการเกษตร ส่วนมากเราจะรู้กันไม่มากนัก ยังมีอุตสาหกรรมไม้ยูคาลิปตัส
นักปลูกยูคาลิปตัสมืออาชีพ จะปลูกต้นไม้ในเดือนมีนาคม-เมษายน-พฤษภาคม เขาจะเตรียมกล้าให้เกร่งโดยการตัดราก เมื่อเตรียมที่ปลูกด้วยการไถพรวนไว้แล้ว ก็จะปักหมุดขุดหลุมปลูก โรยปุ๋ยไว้ก้นหลุม1ช้อนชา เอาโพลิเมอร์ที่ชุ่มน้ำ1 กระป๋องนมเทลง เอาหน้าดินทับโพลิเมอร์ไว้เล็กน้อย แล้วจึงเอาต้นยูคาปลูกลงไป รดน้ำให้ชุ่มเป็นอันเสร็จพิธี ครบ 1 เดือนมาสำรวจดูเพื่อซ่อมต้นที่ตายหรือเสียหาย ภายใน1 เดือนถ้าฝนไม่ตกรดน้ำซ้ำอีกครั้งหนึ่งได้ก็น่าจะจบ การปลูกช่วงนี้จะไม่ต้องดายวัชพืช พอฝนมาต้นไม้ที่ตั้งตัวได้บ้างแล้วจะพุ่งพรวดโตเร็ว ภายใน3 เดือนก็สูงท่วมศีรษะ
เป็นบ้าอะไรยายหนู
หัวข้อเกี่ยวกับยูคาฯไม่อ่านดูเรอะ
มาร้องเพลงรักกันไว้เถิด หลงเวทีรึเปล่า อิอิอิออ
มันก็ทำหน้าที่ของต้นไม้นั่นแหละ
ที่บอกว่ามันกินน้ำมาก
มันเอาไปไว้ตรงไหน ที่เก็บน้ำก็คือลำต้น ราก ใบ
มันไม่มีขาวิ่งเอาความชื้นหนีไปที่อื่นได้หรอก
ต่อไปต้องจ่ายค่าถามเป็นรูปส่าหรีแล้วละ
รับทราบ เศรษฐกิจพอเพียง เริ่มเอียงกะเท่เร่
ถ้าหนักและเหนื่อยก็พักบ้าง เว้นวรรคบ้าง จะได้มีแรงสู้ต่อ ฝากความเป็นห่วงไปยังคุณนายส่าหรีด้วย ทายไม่ออกว่าหนักใจด้วยเรื่องอะไร คงสำคัญและเครียด
อย่าให้บ่อยนักเดี๋ยวจะเป๋เสียก่อน