ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้กำหนดยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐยึดกรอบดังกล่าวในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ซึ่งมีอยู่ 7 ยุทธศาสตร์ คือ
1. ยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี มีคุณธรรมนำความรู้ และสามารถปรับตัวสู่สังคมฐานความรู้ โดยเร่งรัดปฏิรูปการศึกษา การพัฒนาระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า การสร้างโอกาสให้กลุ่มคนพิการและผู้ด้อยโอกาส และเตรียมความพร้อมให้ผู้สูงอายุเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า2. ยุทธศาสตร์แก้ไขความยากจน กระจายความเจริญสู่ชนบท และลดช่องว่างของรายได้ ด้วยการขจัดความยากจน และพัฒนาชนบท การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และโครงการพัฒนาหมู่บ้าน ชุมชน ตามแนวหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
3. ยุทธศาสตร์การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ด้วยการพัฒนาระบบเครือข่ายขนส่งและระบบโลจิสติกส์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา การปรับโครงสร้างภาคการผลิต ส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนการบริหารการเงินการคลังอย่างยั่งยืน รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
4. ยุทธศาสตร์การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม โดยส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
5. ยุทธศาสตร์การพัฒนาการเมืองและการบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม โดยเน้นการกระจายอำนาจ โดยส่งเสริมการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปค.)
6. ยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงของชาติและความสงบสุขของสังคม โดยเฉพาะการสร้างความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการเตรียมพร้อมการรักษาความปลอดภัยจากภัยคุกคามต่าง ๆ และ
7. รายการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ โดยกำชับให้หน่วยงานต่าง ๆ จัดสรรงบประมาณตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการนำนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติให้มีผลเป็นรูปธรรม
ก่อนหน้านี้ ครม.ได้อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2551 จำนวน 1.635 ล้านล้านบาท มีรายได้ 1.515 ล้านล้าบาท เป็นการขาดดุลงบประมาณ 1.2 แสนล้านบาท
สยามรัฐ,ผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2550
ไม่มีความเห็น