ผมมักได้ยินคำพูดหนึ่งบ่อยๆ(ไม่รู้หยอกเล่นหรือพูดจริง)ทำนองว่า เจอกับคนที่เรียนจบมาทางจิตวิทยาหลายๆคน(หรือส่วนใหญ่)มีลักษณะที่คล้ายกัน คือ ใครๆก็ไม่อยากคบหาด้วย หรือไม่ก็ทำไมคนที่เรียนทางนี้มามักจะพูดจาสื่อสารกับคนอื่นไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ก็เลยสงสัยว่าท่านอื่นๆที่เรียนหรือไม่ได้เรียนมาทางนี้ จะเคยได้ยินในทำนองเดียวกันนี้บ้างหรือไม่ จะได้เป็นข้อมูลยืนยันว่าสิ่งที่ได้ยินมานั้นเป็นความจริงหรือไม่(เพราะคนที่บอกก็มีคุณสมบัติที่น่าเชื่อถืออยู่)
จะได้นำข้อมูลที่ได้มาพัฒนาตัวเองให้น่าคบขึ้น(ฮา...)
ในความคิดผม จิตวิทยาเป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่แล้วในตัวเอง เป็นเหมือนอุปกรณ์มาตรฐานอันจำเป็นในการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง(แม้กระทั่งกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ) แต่อุปกรณ์ตัวนี้ในแต่ละคน(แต่ละยี่ห้อ)ก็อาจจะมีคุณภาพที่แตกต่างกันไป บางคนก็ต้องการ "up grade" เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ของตนเองเพื่อให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น บางคนก็(คิดว่า)ดีอยู่แล้ว บางคนลืมว่ามีอยู่แล้ว มิหนำซ้ำบางคนไม่รู้ว่ามีอยู่แล้ว ก็เท่านั้นเอง จิตวิทยาไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลยเพราะมันมาคู่กับมนุษย์ ตั้งแต่มนุษย์คนแรกของโลกเลย
ปัญหาของผู้เรียนจิตวิทยาจึงน่าจะอยู่ที่ว่าเรียนเพื่ออะไร จะนำมาใช้กับใคร(อย่าลืมตัวเอง)และใช้อย่างไรมากกว่า ถ้าหากว่าเรารู้จักใช้จิตวิทยาอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง จริงใจ ไม่ปลอมปนกับอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวมากนัก คิดว่าคนแบบนี้ใครๆก็คงไม่ปฏิเสธที่จะคบด้วยครับ แล้วท่านหล่ะ มีความเห็นอย่างไร ช่วยเสนอแนะด้วยนะครับ
ใครก็มักจะมีภาษาเฉพาะกลุ่ม ตั้งแต่เด็กเล็กๆ เด็กวัยรุ่น นักวิชาการ นักเรียน คุยกันข้ามกลุ่มทีไร ก็ต้องพยายามหน่อย
คนที่เป็นมิตร ประพฤฒิตนดีงาม พูดไม่ค่อยรู้เรื่องหน่อย ผมก็คงคบหาด้วยนะครับ :-)
ตัวเองก็เรียนจิตวิทยานะคะ แต่เป็นจิตวิทยาในการสอนเด็กค่ะ ตอนเรียนก็มีคนแซวเหมือนกันว่าไม่อยากคบกับเด็กจิตหรอก เพราะกลัวรู้ทัน..ก็ว่ากันไป
จริงๆแล้วเราน่ะไม่ได้จะไปพยายามจับผิดหรือรู้ทันใครไปหมดหรอกค่ะ เค้ากลัวของเค้าไปเอง...แต่ถ้าพูดถึงการนำมาใช้ในการทำงานหรือในชีวิตประจำวันนั้น..โดยส่วนตัวคิดว่า.. มันก็ประกอบกันนะคะ แต่การทำให้ใครๆอยากคบหาด้วยมันน่าจะอยู่กับเสน่ห์ที่เป็นลักษณะเฉพาะของคนๆนั้นเป็นทุนเดิมแล้ว มากกว่า เช่นเป็นคนมีน้ำใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส จิตใจดี พูดจาไพเราะ เอาใจเขามาใส่ใจเราฯ เหล่านี้ต่างหาก ...จริงมั๊ยคะ