สามารถจัดประชุมพูดคุยพร้อมๆกันได้ถึง 100 Participants เป็นระบบ Tele-conference ของฟรีที่น่าจะรีบหาทางนำมาใช้ประโยชน์
สิ่งแรกที่ต้องกล่าวเพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานคือต้องขอบคุณ "
น้องบ่าว" ยอดชาย
นาย ขจิต ฝอยทอง ที่
เป็นชนวนก่อเหตุอันเป็นกุศลนี้ เริ่มจากเธอไปอ่าน
บันทึกนี้ ของผม และได้เขียนต่อท้ายไว้ว่า ..
- ชวนใหคิดเหลือเกินพี่บ่าว
-
พอดีคุยกับคุณสมพรที่เยอรมันโดยใช้ Skype
- เสียงชัดมากแถมฟรีด้วยครับ
- ฯลฯ
ผมก็สนใจโดยไม่เคยรู้มาก่อนว่า Skype นี่เป็นยังไง ต่างอะไรกับ MSN
ด้วยความอยากรู้ก็เลย Search หาจนพอจะรู้ว่าคืออะไร และรีบ Download โปรแกรมจาก ที่นี่ มาติดตั้งทันที ทั้งใน Notebook และ Pc. ที่บ้าน แรงบันดาลใจยิ่งมากขึ้นเมื่อเจอข้อความที่ว่า ..
Skype is a little piece of software that lets you talk over the Internet to anyone, anywhere in the world for free.
แถมผมยังได้รู้ต่อไปอีกว่า .. เราสามารถจัดประชุมพูดคุยพร้อมๆกันได้ถึง 100 Participants เป็นระบบ Tele-conference ของฟรีที่น่าจะรีบหาทางนำมาใช้ประโยชน์โดยไม่ชักช้า โดยเฉพาะมาเป็นอีก Tool หนึ่งของการศึกษาและการจัดการความรู้
มีผู้กล่าวยืนยันให้เห็นถึงพลังของเจ้า skype ไว้มากมาย ตัวอย่างเช่น ..
“ I knew it was over when I downloaded Skype,” Michael Powell, chairman, Federal Communications Commission, explained. “When the inventors of KaZaA are distributing for free a little program that you can use to talk to anybody else, and the quality is fantastic, and it’s free – it’s over. The world will change now inevitably.”
Fortune Magazine, February 16, 2004
เห็น February 16, 2004 แล้วใจหายวาบครับ มันบ่งบอกว่าเรานี่เชยเอาการ ผ่านไปแล้ว 3 ปีถึงได้มารู้จัก แต่ก็ให้กำลังใจตัวเองว่า มันไม่ได้สายเกินไป อยู่ที่ว่าจะคิดนำมา ใช้ในทางที่เป็นกุศล ได้อย่างไร หรือไม่ มากกว่า
ผมรีบลองเข้าไปใช้ แบบลองผิดลองถูก ทักทายผู้คนจากทุกสารทิศทั่วโลก เช่นจาก Morocco Algeria UK. Canada Australia China Japan The Philipines Singapore Brazil Indonesia Korea Hungary USA .. และอีกหลายประเทศครับ .. ที่บอกมานั้นเอาเท่าที่จำได้ นึกได้ก่อน
การเรียนรู้เกิดขึ้นมากมายในหลายประเด็น และเป็นแบบ Immediate Feedback ไม่อึดอัดรำคาญใจ ไม่ต้องรอ และที่สำคัญ ไม่ต้องพิมพ์ด้วยครับ ที่จริงจะพิมพ์ด้วยก็ได้ สื่อกันได้ทั้งสองอย่าง ผมได้เครือข่ายหลายคนแล้วครับ คุยกันจนเริ่มนับญาติได้ เช่น นักเรียนอายุ 17 ปี จาก Morocco ครูมัธยมจาก Japan วิศวกรคอมพิวเตอร์-อิเล็กทรอนิกส์จาก China ฯลฯ นี่ไม่นับคนบ้านเรา คนเก่ง คนดี ที่ไปอยู่ต่างแดน คือน้องชาย นาย เม้ง สมพร ช่วยอารีย์ ที่คุยกันครั้งแรก แลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ที่น่าสนใจให้กันและกัน นานนับชั่วโมง จาก ลาดพร้าว ถึง Heidelberg เมื่อคืนนี้
อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อพลังของระบบเช่น Skype และ Blog ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ให้เกิดการใช้ร่วมกัน เสริมกัน เพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน และการจัดการความรู้ให้กับคนไทย และสังคมไทย ผมคิดแล้วตื่นเต้น จนไม่รู้สึกง่วงทั้งๆที่นอนมาน้อยมาก ลองช่วยกันคิดต่อและขยายผลนะครับ เชื่อว่าผลที่ตามมาจะทำให้เรายิ้มกว้างกันได้เป็นแน่
หัวเรือใหญ่ถ้ายังไม่มีใคร คิดถึงคนชื่อ นาย ขจิต ฝอยทอง คนแพร่เชื้อ Skype ให้ผมก็ได้ครับ "น้องบ่าว" คนนี้ไฟยังแรงเสมอ.