งานสอนที่ ร.ร.วัดดุสิตาราม กทม. ปัญหาสังคม-ครอบครัว-โรงเรียน น่าสงสารเด็กๆ


เด็กเกิดปัญหา ผู้ปกครองก็โยนภาระมาให้ครู - ครูก็โยนไปให้ครอบครัว - โยนไปโยนมา มึนๆๆ

ก่อนอื่นชมภาพกิจกรรมงานสอนที่ ร.ร.วัดดุสิตาราม ก่อนครับ

 

 

     - การอบรมโครงการ "เป็นคนดี ด้วยสำนึกดี" ร.ร.วัดดุสิตาราม กทม. 

      ในรูปน่ะ แม่ผมเองแหละ ทำกันเป็นครอบครัวครัว ฮิฮิ

*************************************

      วันนี้ก็ถือเป็นวันสุดท้ายที่ได้พบกับนักเรียน ร.ร.วัดดุสิตาราม โดยเฉพาะชั้น ป.6 ที่จะจบการศึกษาไปเรียนต่อในชั้นมัธยมต่อไปครับ แม้จะไม่ได้เป็นครูประจำแต่ก็มีความผูกพันกัน สอนกันเกือบทุกเดือน เห็นตั้งแต่เด็กๆ เด็กๆ ที่นี่น่ารักครับ ซนไปหน่อย แต่ก็ซนแบบเด็กๆ น่าเอ็นดู

     ปัญหาที่ไปเจอวันนี้ก็คือ หลังจากที่ไปสอน แล้ว ทางโรงเรียนก็เชิญไปทานอาหารกลางวันที่ห้องซึ่งเป็นห้องทำงานของท่านรอง ผ.อ. และผ.อ. สิ่งที่ได้เจอก็คือ ทางโรงเรียนได้เชิญผู้ปกครองมาพบเพื่อเครียร์เรื่องทะเลาะวิวาทกันในโรงเรียน โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนประถมนะครับ ก็มีการยกพวกตีกันแล้ว 555

      สิ่งที่ผมได้พบแล้วหดหู่ใจก็คือ ผู้ปกครองที่มานั้น ซึ่งเป็นแม่ของคู่กรณี ผมไม่รู้หรอกนะว่า ความเป็นมายังไง แต่ดูแค่การแต่งตัวของผู้ปกครองแล้วผมก็สุดจะเวทนา ไม่แปลกใจเลยที่เด็กๆ จะออกมาอย่างนี้ แต่อย่างไรนะเหรอครับ สายเดี่ยวครับ กางเกงขาสั้น ข้างหลังมีรอยสักด้วย สุดๆๆ นี่สถานที่ราชการนะครับ

     ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ มีการมาเอาเรื่องเด็กๆ ในโรงเรียน พูดจาเสียใหญ่โต ใช้คำว่าคุณๆๆๆๆ เหมือนติดต่อธุรกิจยังไงยังงั้น

     ก็ไม่อยากจะตัดสินคนจากภายนอกนะครับ แต่สิ่งที่ผมได้สัมผัสและเห็นมานี้ สะท้อนสังคมเราในตอนนี้อย่างมาก เพราะว่า พวกเราไปสอนกันเกือบทุกโรงเรียนใน กทม.แล้ว ปัญหาก็คล้ายๆ กัน

      นโยบายการศึกษาก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากตอนนี้ SMART School ก็จะเปลี่ยนไปเป็นเน้นคุณธรรมอีก ก็เป็นเรื่องดีนะครับ แต่ช้าก่อน.................. KPI หรือตัวชี้วัดคุณธรรมจริยธรรมมันทำกันง่ายๆ เหรอครับ งานนี้ผักชีเกลื่อนเมืองอีกแน่นอน

     ประเด็นที่ผมต้องการสื่อก็คือ พวกเราในสังคมทำอะไรกันอยู่ครับ เด็กๆ ในโรงเรียนตอนนี้มีสภาพเป็นยังไงทราบไหมครับ??? นี่คืออนาคตของชาตินะครับ อยากให้ช่วยกันคิดช่วยกันทำเยอะๆ ครับ ไม่อย่างนั้น พอเราจะมารู้ตัวอีกที ก็จะสายเกินแก้ไปเสีย

      อีกอย่างคุณธรรมเป็นเรื่องของจิตใจ เป็นมากกว่าทักษะ ไม่ใช่เพียง Knowledge หรือ Skill หรือ Wisdom (ปัญญา) เท่านั้นจะแก้ได้ อะไรนะ ปัญญายังแก้ไม่ได้เลยเหรอ ถ้าใจไม่มีกำลังเสีย อะไรก็แก้ไม่ได้ครับ แม้รู้ทั้งรู้ก็แก้ไม่ได้ เปรียบเหมือน หัวโต แต่ร่างกายอ่อนแอยังไงอย่างนั้น

     - การแก้โดยการ ให้ความรู้ เพียงพอแล้วหรือ?

     - ฝึกไปเพียงครั้งสองครั้ง จะให้เห็นผลเป็นเลิศเลยนั้น ใช่แน่หรือ?

     - ฯลฯ

     พวกเรามากันถูกทางแล้วหรือ? น่าคิดครับ ก็ลองคิดกันดูต่อไปครับ

สวัสดีครับ

-----------------------------------------------

เว็บแนะนำครับ  

ศูนย์รวมข้อมูลการเผยแพร่ การเรียนการสอน วิชา ธรรมกาย
เว็บบอร์ดของเว็บ Wisdominside
เว็บ Wisdom Inside ภาคภาษาไทย
ตำราเกี่ยวกับวิชาธรรมกายทุกหลักสูตรสำหรับให้ค้นคว้า ฟรี!!
Blog of Free Meditation Training

ประชาสัมพันธ์

เชิญเข้าร่วมปฏิบัติธรรมนอกสถานที่ในโครงการต่างๆ ครับ
 
 โปรแกรมทัวร์และจองโรงแรมจากทั่วโลก

Around the world Booking & tour

Thailand hotels booking

Interesting Websites Network

Travel Cheap Books Reviews

หมายเลขบันทึก: 81680เขียนเมื่อ 2 มีนาคม 2007 22:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน 2012 15:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ที่ต่างจังหวัดก็มี ก็พยายามแก้ปัญหากันไป โดยส่วนมากแล้ว ก็เกิดจากความไม่ได้ดูแลเอาใจใส่จากครอบครัว ต้องทำมาหากิน ปล่อยลูกอยู่คนเดียว หรืออยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย บอก เตือนสอนไม่ได้ ก็เลยมีปัญหา ตั้งแต่ หนีเรียน กินเหล้า สูบบุหรี่ ชู้สาว การพนัน ตีกัน ในโรงเรียนทุกโรงเรียน มีปัญหาเหล่านี้อยู่ อย่างผม ก็พานั่งสมาธิทุกวัน แต่ก็ได้ในส่วนหนึ่ง ทำมาสองปีแล้ว ก็ดีบ้างบางส่วน คงต้องสู้ต่อไป จนกว่าหมดลมหายใจ นั่นแหละ ขอเป็นกำลังใจกับ Wisdominside
ด้วยนะครับ

ชมรมพัฒนาคุณธรรมเพื่อเยาวชน มหาสารคาม

ขอขอบคุณคุณครูเสือมากครับ สำหรับความคิดเห็นที่ดีๆ มีประโยชน์ครับผม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท