สิ่งที่น่าสนใจมากสำหรับเรา คือ แนวคิดในการทำงานของพี่เล็กแห่งเครือข่ายสินธุ์แพรทอง ที่อาจารย์ภีมเรียกว่า "เป็นการจัดการความรู้ที่เยี่ยมยอด" นั่นเอง
การสร้างตัวตนของชุมชนผ่านประวัติศาสตร์พื้นที่ก็เรื่องหนึ่ง
การทำงานความคิดก็เรื่องหนึ่ง
ทั้งสองอย่าง เราเล่าแล้วใน 2 ตอนแรก และยังมีอีกหลายเรื่องที่จะเล่าต่อ
การให้ความสำคัญกับทุกความคิด
"การทำแผนมีข้อดีคือได้บูรณาการความคิดของทุกคน เมื่อจะลงมือปฏิบัติก็ทำได้ง่าย เพราะเข้าใจกัน ไปในทิศทางเดียวกัน .... ต้องให้เกียรติกับทุกความคิด"
"คนเรายิ่งทำยิ่งฉลาด... ความรู้มากับตัวคน จึงต้องมีการแลกเปลี่ยนความรู้กันว่าแต่ละคนมีวิธีอย่างไร"
ในเรื่องของการทำงานขยายผล
พี่เล็กบอกว่า หน่วยงานรัฐบางทีเลือกทำงานกับผู้นำเชิงเดี่ยว การขยายผลต้องหาผู้นำที่มีพื้นที่ทำงาน พีเล็กจะเลือกพื้นที่ที่พอรู้จักวิธีคิดของผู้นำ นำแกนนำหมู่ต่างๆมาคุยกัน เพื่อตรวจสอบความเชื่อ ความคิด ให้แกนนำมาดูงาน แกนนำต้องสามารถกลับไปทำความเข้าใจในพื้นที่ได้ การเริ่มกิจกรรมใช้ออมทรัพย์และสวัสดิการเป็นตัวนำ แต่ก็ใช้เวลาเป็นปีในการขยายผลในพื้นที่ใหม่
............
ตรงนี้เราฟังด้วยความตั้งใจมาก เพราะผ่านการทำงานที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการขยายผล
ในเรื่องของการสร้างผู้นำ
พี่เล็กใช้วิธีให้ผู้นำในส่วนต่างๆมาบอกเล่าให้ฟัง เช่น ให้ผู้นำพคท.เก่าเล่า ให้ทหารเล่า ให้ผู้นำโอทอปเล่า ฯลฯ คนฟังก็จะเลือกสิ่งดีๆ เขาจะเลือกได้เองว่าจะเป็นผู้นำแบบไหน
ในเรื่องบทบาทของศาสนา
พี่เล็กบอกว่า ศาสนาก็มีส่วนเอื้อในหลายเรื่อง รวมทั้งการสร้างการเมืองสมานฉันท์
....เราได้เรียนรู้มากจากระยะเวลาสั้นๆที่ได้คุยกัน... เราออกจากลำสินธุ์เมื่อบ่ายแก่ๆ ได้กล้วยไข่ทอดสุญญากาศ (อร่อยมาก)เป็นของฝากจากกลุ่มติดมือกลับมาด้วย
เมื่อนั่งรถกลับ บนเส้นทางที่เชื่อมตรังกับพัทลุง เรามุ่งหน้าเข้าสู่พัทลุง ได้เห็น "เขาอกทะลุ" ที่เราคุ้นตามาตั้งแต่เด็ก
และเมื่อแยกเข้าสู่ถนนจากพัทลุงไปนครฯ ถนนสายนั้นดูกว้าง สบายตา เทือกเขาหินปูนรูปทรงแปลกตา ต่างจากเทือกเขาหลวง และจะดูคล้ายภูเขาฝั่งอันดามันมากกว่า
พระอาทิตย์กำลังจะตก เราดีใจที่ได้มาเยือนพัทลุงอีกครั้ง
....................
เมื่อเริ่มเรียบเรียงลงบันทึก เราก็เกิดคำถามที่อยากเรียนรู้ในรายละเอียดอีกหลายเรื่อง
แต่ที่ต้องคิดหนักคือ ทำอย่างไรจึงให้สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่จะมาเยี่ยมพื้นที่ในช่วงเวลาสั้นๆ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์ของลำสินธุ์ให้มากที่สุด
เป็นคำถามที่รู้ทันมากค่ะ :)
ที่คณะเศรษฐศาสตร์ เวลาสอนครบ 6 ปี จะมีสิทธิลา"เพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการ" ไม่ต้องสอนหรือทำงานบริหาร แต่ต้องไปทำงานวิจัยหรือเขียนตำรา แล้วนำเสนอผลงานเมื่อสิ้นสุดเวลาค่ะ
สิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ก็ต้องกลับไปสอนและทำงานบริหารตามเดิมค่ะ เพราะสอนมากว่า 10 ปีแล้ว ตอนนี้ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตุนไว้เยอะๆ เพราะมีประโยชน์มากต่อการเรียนการสอนค่ะ
แต่ที่จริงตอนนี้ก็ต้องเข้าคณะฯบ่อยๆ สอบวิทยานิพนธ์บ้าง ช่วยงานบริหาร(คณะทำงานชุดพิเศษ)บ้างค่ะ