คนแปลกหน้า : คนอยู่บ้านจัดสรร เผชิญปัญหาแปลกอยู่เสมอ เช่น พระปลอมมาบิณฑบาตร เด็กติดยามาขโมยรองเท้า คนงานก่อสร้างมาจีบเด็กๆทำงานบ้าน คนสรวมรอยมาเอาของที่บ้าน สมาคมต่างๆมาขอรับบริจาคเงิน คนรับจ้างบริษัทมาขอสัมภาษณ์เก็บข้อมูลสินค้าบริษัท จนกระทั่งพวกพนักงานขายตรงสินค้าต่างๆ ฯลฯ เลยทำให้คนเมืองมีนิสัยระแวง คนแปลกหน้าไว้ก่อน และประตูบ้านจะปิดตลอดเวลา ผู้เขียนขัดแย้งเสมอต่อสถานการณ์แบบนี้ เพราะมันตรงกันข้ามกับสภาพชนบทที่เราทำงานอยู่ แล้วเรื่องแปลกๆก็เข้ามาอีกครับ
ขอทำงานแลกเงิน: บ่ายวันนี้ผู้เขียนกลับจากข้างนอกเข้าประตูบ้านเสร็จ ทันใดนั้นมีเด็กผู้ชายตัวใหญ่ๆมาเดินถามที่ริมประตูบ้านว่า เป็นเจ้าของบ้านใช่ไหม ผู้เขียนฟังไม่รู้เรื่องตอนแรกเดาว่าเป็นคนมาถามหาบ้านหลังนั้นหลังนี่ แต่ไม่ใช่..ขอพูดดังๆหน่อย..ไม่ได้ยิน..เด็กคนนั้นก็พูดอีก ผมมาขอทำงานแลกค่าจ้างครับ ล้างรถก็ได้ กวาดสนามหญ้านอกบ้านก็ได้ ผมเรียนอยู่...มาหาเงินครับ หา..อะไรนะผู้เขียนซักด้วยความงง ผมมาขอทำงานแลกเงินครับ..!!
ความสงสัย: เด็กๆที่บ้าน 2 คนออกมาดูแล้วก็กระซิบว่า..คุณลุงขา ไม่น่าไว้ใจเลย... ผู้เขียนเลยตัดสินใจตอบเด็กไปว่า น้องรถก็ยังสะอาดอยู่ การทำความสะอาดบ้านก็มีคนทำแล้ว วันนี้ไม่มีงานหรอกนะ.....เด็กเดินออกไปมองหาบ้านอื่นต่อ ผู้เขียนเดินเข้าบ้านด้วยความรู้สึกประหลาด สังคมวันนี้มีแบบนี้ด้วยหรือ สับสน แต่รู้สึกไม่ดี..ที่ให้เด็กผ่านไปโดยไม่ช่วยเขาเลย ใจหนึ่งก็คิดอย่างที่เด็กในบ้านบอกว่า อาจจะเป็นผู้ร้ายมาสอดแนม ตีสนิทแล้วโอกาสหน้าก็เข้ามาอีก..แต่เด็กเขากล้าแบบนี้มันน่าสนใจนะที่เดินมาบอกตรงๆว่าของานทำแลกเงิน แทนที่จะไม่กล้าแล้วหาทางอื่นผิดๆ
ไม่แล้วใจ: ผู้เขียนเดินไปเดินมาในบ้านสักพักก็คิดว่า เอ้า..ต้องสอบถามเด็กให้รู้เรื่องก่อน เราอย่าเพิ่งตัดสินใจด่วนว่าเขาเป็นผู้ร้ายแฝงมา คิดแล้วก็ขับรถออกไป มองหาเด็ก เห็นเดินอยู่ซอยถัดไปอยู่ในลักษณะกลัวๆกล้าๆที่จะเข้าไปสอบถามบ้านต่างๆในทำนองเดียวกันเมื่อสักครู่
ผู้เขียนตัดสินใจเรียกมาคุยด้วย ..น้องช่วยแนะนำตัวซิว่าอยู่ที่ไหน ผมชื่อ.........เรียนอยู่ชั้น ม 3 วัดหนองแวงครับ พ่อผมไม่มี มีแม่ไม่ค่อยสบาย ผมไม่มีเงินกินข้าวจึงตระเวนมาของานทำ ผมไม่รับเงินบริจาคครับ ผมมีศักดิ์ศรี ผมรู้ว่าทุกคนกลัว ไม่กล้ารับผมทำงานแลกเงิน ก็ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ..แต่ผมต้องการเงินกินข้าว และเอาไปให้แม่ผมต้องการทำงานแลกเงินครับ..น้องทำแบบนี้มานานแล้วหรือ ไม่นานครับ.. พอดีผู้เขียนจอดรถกลางถนนคุยกับเด็กคนนี้ และกำลังมีรถจะผ่านมาต้องยุติการคุยเสียแล้ว เอ้าน้องพี่ประทับใจความกล้าหาญและตั้งใจดีของน้องเช่นนี้ แทนที่จะไปลักขโมยใครเขา น้องเป็นคนกล้า..กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าคนทั่วไปจะลังเลใจเพราะไม่แน่ใจในตัวน้อง น้อง พี่ขอสนับสนุนน้องเล็กๆน้อยๆ น้องรับไว้เถอะ นี่เป็นการให้เพราะความประทับใจในความกล้าของน้อง
ค่าของมันไม่ใช่จำนวนเงิน แต่เป็นความกล้าทำดีต่างหาก: ผู้เขียนหยิบเงินจำนวนหนึ่งให้เขา เด็กบอกว่า ผมไม่รับครับ ผมต้องการทำงานแลกเงินครับ.. เอาเถอะ นี่เป็นค่าความกล้าหาญในการทำดี เป็นเงินที่ผู้ใหญ่ประทับใจในความตั้งใจดีของน้องนะ ขอให้เป็นคนดีต่อไปนะ..เด็กยกมือไหว้แล้วจึงรับเงินไป.. เดินไปสักครูเด็กก็วิ่งไปทางถนนใหญ่คงกลับบ้านไป
ผู้เขียนไม่รู้หรอกกว่าเด็กโกหกเรา หรือเปล่า ไม่รู้หรอกว่าความจริงมันคืออะไร ความกล้าที่เรากล่าวกับเด็กน่ะเด็กอาจจะหัวเราะใส่เราทีหลังก็ได้ แต่ถ้าเป็นความจริง ผู้เขียนก็ไม่อยากให้เด็กเสียความรู้สึกกับสังคมนี้ว่า เป็นสังคมแห่งความกลัว เป็นสังคมที่มองดูคนอื่นที่ไม่รู้จักเป็นคนร้ายไว้ก่อน แล้วใครจะกล้าทำความดี
ตัวตลกหรือน้ำทิพย์: ในฐานะที่ผู้เขียนทำงานพัฒนาสังคมนั้นสำนึกมันบอกว่า ถ้าเด็กโกหกเรา ก็ขอให้เป็นตัวตลกที่เขาหัวเราะใส่เถอะ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง สิ่งที่ผู้เขียนทำลงไปก็ขอเป็นน้ำทิพย์หยดเล็กๆเพียงหยดเดียวที่รดลงบนหัวใจเด็กคนนั้น ว่าสังคมนี้ยังมีคนสนับสนุนความกล้าทำดีอยู่นะ...สักวันหนึ่งผู้เขียนจะตามไปดูที่โรงเรียน....
น้องลูกหว้าครับ
ขอบคุณครับ
พี่ บางทราย คะ
ดีใจที่พี่ช่วยเขาไป หายากมากค่ะที่วัยรุ่นจะออกมาขอทำงานใช้แรงกายเข้าแลก ..พี่เล่าเรื่องนี้แล้ว ทำให้อยากรู้ต่อว่า วันต่อไปเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะคุณบางทราย
..เบิร์ดรู้สึกสุขใจที่ได้อ่านบันทึกนี้ค่ะ
เป็น case ที่น่าติดตามมากเลยค่ะพี่ หนิงเชื่อเด็กแล้วอ่ะค่ะ
คุณเบิร์ดครับ
น้องหนิง