ตอนสุดท้ายสำหรับ "ข้อคิดดีๆ" แล้วค่ะ
ให้เป็น
ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดได้มาเปล่าๆ ฟรีๆ หรอก แม้กระนั้นคนก็ยังชอบของฟรีอยู่นั่นเอง
เพื่อนคนหนึ่งพูดว่าเขาขับรถเก๋งญี่ปุ่นที่ซื้อด้วยเงินตัวเอง พอลงจากรถก็ลงอย่างสง่า ดีกว่าขับรถเบนซ์ที่ใครซื้อให้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
อยากถามว่า “ได้ฟรีจริงหรือ ? ไม่ต้องเสียอะไรจริงหรือ ?”
การเป็นผู้รับ นั้นจะต้องเป็นผู้ให้อย่างแน่นอน หญิงสาวบางคนที่ขับรถเก๋งราคาหลายล้าน มีบ้านอยู่ราคาหลายล้าน มีทรัพย์สมบัติราคาหลายล้าน.....ต้องเอาตัวเข้าแลกใช่หรือไม่ ? สูญเสียความสาวยังไม่พอ ยังถูกบังคับให้เป็นทาสกามารมณ์ ถูกกักขังเยี่ยงทาส การเป็นผู้ให้เช่นนี้ถือว่า “ให้ผิด”
“ให้ถูกต้อง” คือการให้อย่าง “ทำความดี”
เวลาคบใคร หรือเข้าร่วมหมู่คณะกับใคร อย่าได้ตั้งคำถามว่า “เราจะได้อะไรจากเขาบ้าง” ความคิดเยี่ยงนี้เป็นการบอกนิสัย “ขี้ขอ”
ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคเนดี้ ผู้ล่วงลับได้กล่าวคำเป็นอมตะมาจนทุกวันนี้ว่า “จงอย่าถามว่า เราจะได้อะไรจากประเทศชาติ แต่จงถามว่า เราจะทำอะไรให้แก่ประเทศชาติบ้าง”
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า การให้จะเกิดความสุข 3 ประการ
“ความสุขเกิดจากให้ สามประการ
“คิดจะให้” สุขสำราญก่อนแล้ว
“ขณะให้” สุขใดปาน จักเปรียบ
“ให้เสร็จ” สุขผ่องแผ้ว ดั่งแก้วเรืองรอง”
อย่างไรก็ดี การให้นั้นต้องให้อย่างเรียกว่า “ให้เป็น” ถ้าให้ไม่เป็นการให้นั้นก็จักเป็นโทษ พ่อแม่ให้ลูกด้วยความรักและตามใจ เป็นการให้แบบ “ฆ่าให้ตายด้วยความรัก”
สุภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “จงสอนวิธีจับปลาให้เขา อย่าจับปลาให้เขา”
นั่นคือ การ "ให้เป็น" นั่นเอง
ขอบคุณค่ะ ... กับเรื่องราวดีดี สิ่งที่น่าจดจำ
ครับ...ผู้ให้ย่อมได้รับความสุขมากกว่าผู้รับ...
ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดดี ๆ ทั้ง 4 ตอนครับ..
กลับมาอีกหนค่ะ เพื่อขออนุญาตนำคำกลอนบทนี้
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า การให้จะเกิดความสุข 3 ประการ
“ความสุขเกิดจากให้ สามประการ
“คิดจะให้” สุขสำราญก่อนแล้ว
“ขณะให้” สุขใดปาน จักเปรียบ
“ให้เสร็จ” สุขผ่องแผ้ว ดั่งแก้วเรืองรอง”
ไป ลปรร. กันไว้ที่ คำเท่ห์ๆ จากการ ลปรร. ค่ะ ... ขอบคุณค่ะ
คนส่วนใหญ่เคยชินกับการรับ
........ขาดการทำความรู้จักกับคำว่าให้........
เมื่อใดเรารู้จักให้และรู้จักรับที่เหมาะที่ควร เราจะพบกับสันติสุข