องค์กรที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว จะเพลิดเพลินอยู่กับความสำเร็จ โดยไม่ได้สังเกตเห็นการเสื่อมถอยที่เกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ผู้บริหารองค์กร ก็มักจะละเลย จนกระทั่งกลายเป็นความคุ้นเคยกับความเสื่อมถอยนั้น ไม่ลงมือแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่ง ด้วยเชื่อว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น เป็นความสำเร็จที่จีรังยั่งยืน เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ และจะอยู่คงทนตลอดไป
กล่าวกันว่าถ้าจับกบไปใส่ในกระทะที่มีน้ำร้อนอยู่ กบจะกระโดดหนีจากกระทะนั้นทันที แต่ถ้าจับกบไปใส่ในกระทะที่มีน้ำเย็นอยู่แล้วค่อยๆ เพิ่มความร้อนทีละน้อยๆ กบจะไม่รู้ตัว และเพลิดเพลินอยู่กับน้ำเย็นที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นน้ำอุ่น น้ำร้อน และน้ำเดือดในที่สุด ซึ่งคราวนี้กบตัวที่กระโดดเก่งนั้นจะกลายเป็นกบต้มโดยไม่รู้ตัว ผู้บริหารองค์กรที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว จึงต้องให้ความสำคัญกับปรากฏการณ์กบในกระทะน้ำร้อนเป็นพิเศษ
ผู้บริหาร มักมองเฉพาะสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันมากๆ เช่นสภาพแวดล้อมที่องค์กรนั้น พบก่อนที่จะเกิดความสำเร็จกับสภาพแวดล้อมเมื่อประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้ว กบที่อยู่ในน้ำเย็นแล้วถูกจับมาใส่ในน้ำร้อนทันทีทันใด กบสามารถแยกแยะความแตกต่างได้ จึงกระโดดหนีจากน้ำร้อนนั้น แต่ถ้าอุณหภูมิของน้ำที่กบแช่อยู่ เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยจนกระทั่งกบแยกแยะไม่ได้ กบจึงอยู่เฉยๆ ไม่คิดหนีเอาตัวรอด เช่นเดียวกับบางองค์กรไม่สามารถสังเกตเห็นการเสื่อมถอยที่เกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งเวลาแห่งหายนะมาถึง สร้างความเจ็บปวดให้กับองค์กรบางแห่งในอดีต
องค์กรที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด จึงต้องแสวงหาเครื่องมือวัดความเสื่อมถอยติดตัวไว้ใช้เตือนให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ความเสื่อมถอยขององค์กรในอนาคตเหมือนน้ำมีเทอร์โมมิเตอร์ไว้แจ้งเตือนให้ทราบว่า อุณหภูมิของน้ำกำลังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มีคำแนะนำบางวิธี ให้ดูที่พนักงานในองค์กรนั้นเป็นหลัก ถ้า พนักงานท่าทางจะมีขวัญและกำลังใจเสื่อมถอยไปกว่าช่วงที่ช่วยกันก้าวกระโดด ควรระวังไว้ให้ดีว่าตอนนี้องค์กรกำลังจะกลายเป็นกบในกระทะน้ำร้อนแล้ว ยิ่งถ้าพนักงานเก่าลาออก ต้องรับพนักงานใหม่เป็นประจำ ก็เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนมากขึ้น คนที่เหลืออยู่ บางคนก็เริ่มเฉื่อยชา ผลงานขององค์กรเริ่มลดลง การประสานงานภายในเริ่มมีปัญหา การขัดแย้งมีมากขึ้น ซึ่ง อาการเหล่านี้เกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ถ้าผู้บริหารไม่สังเกตดีๆ และไม่มีการบันทึกข้อมูลที่เพียงพอก็แทบจะสังเกตไม่เห็น ยิ่งถ้าเป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว จะยิ่งมองข้ามอาการเหล่านี้ได้ง่ายมากขึ้น ถึงมองเห็นก็ไม่สนใจ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย การเพิกเฉยนี้ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้องค์กรเดินสู่เส้นทางแห่งความล้มเหลว ที่กู้คืนกลับมาได้ยาก การทดสอบปรากฏการณ์นี้ ต้องมีกบตัวใหม่ใส่เข้ามาเป็นระยะๆ กบตัวใหม่ที่เคยอยู่ในน้ำเย็นกว่า จะเป็นตัวกระโดดนำหนีออกจากกระทะน้ำร้อน ถ้ากบตัวเดิมเห็นดังนั้นแล้ว มีความสงสัยนำมาวิเคราะห์สาเหตุก็จะรอดไปด้วย แต่ถ้ายังเพิกเฉยอีก ก็ต้องกลายเป็นกบต้มอย่างแน่นอน เปรียบเหมือนกับการมีคนใหม่ๆ เข้ามาร่วมในองค์กรเป็นระยะๆ นั่นเอง พนักงานที่เป็นกบตัวเก่าที่แม้ว่าจะเห็นกบตัวอื่นกระโดดหนีไปแล้วก็ยังอยู่เฉยๆ อีกอย่างนี้ อาจต้องเปลี่ยนพนักงานที่เป็นกบตัวเก่านี้ทั้งหมดก่อนที่องค์กรทั้งองค์กรจะกลายเป็นแหล่งรวมของกบในกระทะน้ำเดือด
การแก้อาการนี้คือ ผู้บริหารต้องตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ต้องระวังไม่ให้อุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงนั่น คือองค์กรต้องมีนวัตกรรมให้ทันการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดโดยอาศัยการจัดการความรู้เป็นพื้นฐาน ทบทวนเป้าหมาย ตัวชี้วัดอยู่ตลอดเวลาไม่ให้ตกสมัย อาศัยพลังของเจ้าหน้าที่ให้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง การจัดการไม่ยากแต่ความยากอยู่ที่ทำให้ผู้บริหารรู้ตัวว่าขณะนี้ความเสื่อมถอยได้คืบหน้าเข้ามาหาแล้ว ถ้าบอกว่าทำได้ดีประสบความสำเร็จ ทุกคนรับฟังหมด แต่ถ้าบอกว่า กำลังจะล้มเหลวแล้ว น้อยคนนักที่จะยอมรับฟัง แนะนำให้ผู้บริหารลองถามเพื่อนนักบริหารที่อยู่นอกกระทะว่ามองเห็นกบในกระทะของเรา อยู่ในน้ำเย็น หรือน้ำร้อน
ถ้าเพื่อนบอกว่า ตอนนี้เราเป็นกบในกระทะน้ำร้อนแล้ว ผู้บริหารก็ต้องรีบหาทางแก้ไข หรือไม่อย่างนั้นก็หลอกตัวเองต่อไปว่า อยู่ในน้ำเย็นจนกระทั่งหมดเวลาแก้ไข กลายเป็นอวสานของกบกระโดดในที่สุด
เป็นบทความที่ดีครับ...เห็นด้วยอย่างยิ่ง....อืมแล้วกบที่อยู่ในกระทะ(น้ำมัน)อย่างผมจะแก้ไขไงดีเนีย
สวัสดีคุณหมอชัยวงศ์ อยากให้คุณหมอ อ่านหนังสือ เรื่อง
Dead man Walking :การให้อภัย ที่เป็น ความดีงาม ที่เป็น สากล และทำได้ยากยิ่ง
ทำดี คิดดี พูดดี ไปในที่ดีๆ คบคนดี ของท่านปัญญา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
เป็ฯกำลังใจให้คุณ ในการเป็นคนดี ที่ ช่วยเหลือ ประชาชน ผลงาน ประจักษ์ ทุกคนที่รับ เห็นเอง คะ แค่นี้ก็สุขแล้ว ใช่ หรือไม่