เราไม่รู้ว่าภาคทฤษฎีเขาว่าเรื่อง “วัฒนธรรมองค์กร” ไว้อย่างไร แต่สำหรับคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ วัฒนธรรมองค์กรมีรากฐานแนวทางปฏิบัติมาจากอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และเรายังมี “จิตวิญญาณ”ธรรมศาสตร์ มีอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ มีอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นภาพตัวอย่างที่ชัดเจน ว่าเราควรจะปฏิบัติหน้าที่ของเราอย่างไร
วัฒนธรรมองค์กรที่สำคัญที่สุดของคณะเศรษฐศาสตร์ น่าจะเป็นความซื่อสัตย์ โปร่งใส ไม่มีสิทธิพิเศษ โดยยึดกติกาที่ชัดเจน โดยเฉพาะในการบริหารองค์กร ให้ใช้ดุลยพินิจส่วนบุคคลของผู้บริหารให้น้อยที่สุด และเน้นการมีส่วนร่วมในงานบริหาร งานสอน และงานบริการสังคม
เมื่อคณะฯมีโครงการพิเศษมากว่า 10 ปี นักศึกษาประมาณ 1000 คน ไม่มีใครสักคนที่ผ่านมาด้วยระบบฝาก แม้แต่ลูกอดีตนายกฯ ลูกหลานรัฐมนตรี ก็ยังถูกคัดออกโดยระบบเหมือนเด็กคนอื่นๆ คำขอใดๆถูกเก็บไว้ในลิ้นชักโดยไม่เคยถูกหยิบมาเป็นประเด็นเพื่อพิจารณาให้ปวดหัว สิ่งสำคัญที่เราถกเถียงกันมากกว่า คือ ความถูกต้องและเป็นธรรมในผลการคัดเลือกสำหรับทุกคน
การรับบริจาคเป็นการทั่วไป ก็เป็นสิ่งที่อาจารย์ป๋วยระมัดระวังเป็นพิเศษ และต้องเลือกว่าจะรับจากใคร เพื่อไม่ให้คณะฯต้องเข้าไปสู่ระบบ “ต่างตอบแทน”
คุณสมบัติข้อแรกที่ผู้ที่จะได้รับรางวัลใดๆจากคณะฯ จะต้องผ่าน เช่น ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ก็คือความซื่อสัตย์ และมีความสามารถเป็นที่ปรากฎอย่างแท้จริง ที่ผ่านมากว่า 50 ปี เราจึงถวาย / มอบปริญญานี้ให้แก่บุคคลเพียง 3 ท่าน แม้จะมีหลายคนที่ช่วยเหลือกิจการคณะมาโดยตลอด
ความซื่อสัตย์ของนักศึกษาเป็นสิ่งต้องเน้น เพราะเขาจะไปเป็นอนาคตของประเทศ เขาต้องเป็นคนซื่อสัตย์ โทษการทุจริตสมัยอาจารย์ป๋วย คือ ไล่ออก แต่เดี๋ยวนี้ ยังผ่อนปรนเป็นสอบตก หรือพักการศึกษา
เมื่อระบบวางมาดี มีวัฒนธรรมองค์กรที่ดี คนทำงานก็สบายใจและใช้ศักยภาพของตนได้เต็มที่
ที่น่าลำบากใจ คือ ผู้ปกครองที่ปกป้องลูกเสมอ ทั้งผู้ปกครองและเด็กไม่รู้ว่าอะไรคือผิด อะไรคือถูก การลงโทษของมหาวิทยาลัยกลายเป็นสิ่งรุนแรงเกินกว่าเหตุ (สำหรับการทุจริตที่ผู้ปกครองเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับคณะฯเห็นว่า นี่คือการบ่มเพาะเชื้อที่เป็นอันตราย) เมื่อถูกพักการศึกษา ผู้ปกครองก็จับลูกลาออก และส่งลูกไปเรียนต่างประเทศแบบ “ฉันไม่ต้องง้อเธอ”
ที่ต้องคิด คือ จะส่งผ่านวัฒนธรรมองค์กรสู่อาจารย์รุ่นใหม่ สู่นักศึกษารุ่นใหม่ได้อย่างไร ภายใต้กระแสวัฒนธรรมสังคมที่บิดเบี้ยวไปมากแล้ว
ขอบคุณข้อคิดเห็นของอาจารย์เอกและ Aj Kae นะคะ
การสร้างวัฒนธรรมองค์กร คงต้องการผู้นำ แกนนำที่เข้ามาปฏิรูป และการมีส่วนร่วมมังคะ ในช่วงที่ดิฉันเข้ามาทำงาน คนในคณะเศรษฐศาสตร์เองก็ผ่านการถกเถียง พูดคุยกันมากในการสร้างกติกาแต่ละเรื่อง
ถ้าจะใช้เครื่องมือที่พอจะมีอยู่ตอนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่จะไปมีผลบังคับ /จูงใจให้มีการปรับระบบภายในก็คือ ระบบประกันคุณภาพการศึกษา
แต่ดิฉันยังไม่เห็นว่า ระบบนี้จะให้ความสำคัญกับเรื่องการให้สถานศึกษาเป็นตัวอย่างของระบบคุณธรรม คงระบุกว้างมากๆว่า “ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม” ซึ่งมักจะถูกตีความห่างไปจาก “คุณธรรม”
และหลายๆเรื่องที่เราเห็นว่า เป็นเรื่องที่เราปฏิบัติดี ก็ไม่ได้ปรากฎอยู่ในตัวชี้วัด