ช่วงนี้เรามีคุณย่าของสามหนุ่มมาอยู่ด้วยที่บ้าน เพื่อจะรอผ่าตัดลอกต้อ เป็นเรื่องปกติที่ความชอบและกิจวัตรของคนสูงอายุกับเด็กนั้นมักจะตรงกันข้าม แต่เนื่องจากเราพ่อแม่ ทำทุกอย่างตามใจคุณย่า เด็กๆก็จะทำตามโดยไม่เกี่ยงงอน โดยที่เราไม่ต้องร้องขอแต่อย่างใดแม้แต่คนเรื่องมากหน่อยอย่างน้องฟุง
วันนี้ประทับใจพี่วั้นกับพี่เหน่นที่ต่างก็ยินดี วิ่งกลับไปกลับมาสลับเวรกับคุณแม่ในการอยู่เป็นเพื่อนคุณย่า เพราะท่านไปนอนโรงพยาบาลรอการผ่าตัด ท่านอายุเกือบ 80 ปีแล้วและลุกนั่ง เดินเหินไม่คล่องแคล่ว น่าเป็นห่วง ไม่ได้ยินเสียงบ่นจากลูกเลยไม่ว่าจะขอให้ช่วยอะไร ทั้งๆที่ปกติจะให้ความสำคัญกับการบ้านเป็นที่หนึ่ง น้องฟุงก็ไม่ร้องงอแง (เรื่องมากเหมือนปกติในกรณีอื่นๆ) แม้จะต้องอยู่บ้านคนเดียวเป็นบางช่วง
นอกจากความรักที่พวกเขามีต่อคุณย่าแล้ว เชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเห็นตัวอย่างจากเราพ่อแม่ว่า คุณย่าคือคนสำคัญที่สุด ที่พ่อแม่จะดูแล ห่วงใยช่วยเหลือ จะได้เห็นเลยว่าลูกจะทำแบบเดียวกับที่เราทำ โดยที่เราไม่ต้องเอ่ยปากอะไรเลย
ย้ำความเชื่อที่ว่า หากเราอยากให้ลูกเป็นอย่างไร เราต้อง"ทำ"อย่างนั้นค่ะ
ตามมายืนยันความคิดของคุณโอ๋ ค่ะ
หลาย ๆ ครั้งที่เราเผลอบ่น หรือดุ อะไรเขาสักเรื่อง แล้วเขาย้อนถามเรากลับมาว่า "ทีแม่ยังทำอย่างงี้ (อย่างงั้น) ได้เลย" มักจะสะท้อนใจทุกครั้ง แต่ก็จะตบท้ายเสมอว่า เพราะแม่ทำแล้ว แม่รู้ว่ามันไม่ดี แม่เลยไม่อยากให้ลูกทำซ้ำไงค่ะ
แต่ก็จะพยายามระวังตัว ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้บ่อย ๆ ค่ะ
เคยประทับใจเพื่อนคนหนึ่ง หมอรัตนา อาจารย์ ที่ภาคเวชศาสตร์ชุมชน เชียงใหม่
เธอบอกว่า เธอโชคดีที่รับย้ายคุณแม่สามีที่เป็นอัมพาต และความจำเสื่อมมาอยู่ด้วย
(เธอและสามีดูแลท่านอย่างดี)
เพราะเด็กๆ จะได้เห็น และดูแลเธอและสามีอย่างนี้เวลาถึงตอนแก่เฒ่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ดีใจและอนุโมทนากับ อ โอ๋ ด้วยค่ะ
ได้เข้ามาอ่านและร่วมรับรู้ พ่อแม่คือครูต้นแบบสำหรับลูกจริงๆค่ะ
มายมิ้นท์เป็นเด็กคิดดี มีความคิดที่ดี ถึงจะดื้อบ้างก็ตามวัย สอนก็ยอมรับฟังและเข้าใจง่าย เป็นเด็กที่รักและห่วงใยครอบครัวค่ะ ภูมิใจลูกค่ะ
น่ารักจังเลยค่ะ