บทเรียนจากห้องเรียน


เรียนรู้ทุกขณะลมหายใจเข้าออก

บทเรียนจากห้องเรียน

   ๑๖.๓๐ น. (ของวันจันทร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๘ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๒) หลังจากเดินไปทานก๊วยเตี๋ยวที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก ระหว่างเดินกลับไปที่ศูนย์เอกศาสตร์ เห็นผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาสองข้างถนน บ้างยืนรอรถประจำทาง บ้างกำลังให้บริการเติมบัตรโทรศัพท์ บ้างกำลังขายขนม บ้างกำลังยืนพิงกำแพงข้างร้านแซแว่นคล้ายกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง ข้าพเจ้าเดินฝ่าผู้คนเหล่านั้น เดินขึ้นสะพานลอยเพื่อลงอีกฝากหนึ่ง บนสะพานลอยมีคุณยายแก่ๆ ผิวหนังเหี่ยวย่นกำลังนั่งขอทาน อีกที่หนึ่งเป็นที่ขายของบางอย่าง มองลงไปบนถนนเห็นรถวิ่งกันขวักไขว่ไปมา มองขึ้นไปเบื้องบนควันรถฟุ้งขึ้นขจรขจาย ยืนคิดในใจว่า "มนุษย์มนาเขาอยู่กันได้อย่างไร" พร้อมด้วยความคิดบางอย่างที่มักขวางลำโลกน้อยใบนี้อยู่เป็นประจำ และมักหัวเราะในใจให้กับความเป็นไปของโลกเสมอๆ จากนั้นเดินก้าวย่างลงบันไดสะพานลอย หลบหลีกฝูงผู้คนลัดเลาะไปทางหลังศูนย์เอกศาสตร์ซึ่งมีทางขึ้นลิฟ กดปุ่มไฟ๑๒ ขึ้นไปด้านบน เข้าห้อง ๑๒๑๐ จัดเตรียมเอกสารบางอย่างเช่นใบเซ็นชื่อ เอกสารอ่านเล่นยามว่าง ขณะนี้ ๑๗.๓๐ น. ยังไม่มีนักศึกษาเข้ามาในห้องแม้แต่คนเดียว ที่เป็นอย่างนี้เพราะในห้องเรียนเรานัดหมายว่า ๖ โมงเย็นพบกัน ระหว่างรอถึง ๖ โมงเย็น ข้าพเจ้าได้เขียนเรื่องราวบางอย่างที่ตั้งใจว่าหลังจากนักศึกษาอภิปรายกลุ่มเป็นที่เรียบร้อย สิ่งนี้บนแผ่นกระดานจะเป็นตัวสรุปเนื้อหาในวันนี้

  ๑๘.๐๐ น. นักศึกษาเริ่มทยอยกันมาชุดแรก ๒ คน เป็นผู้หญิงวัยกลางคนชุดที่ใส่คือแบบทำงานสีบานเย็นคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งยังเป็นวัยรุ่น แต่แต่งตัวเรียบร้อยไม่เหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปที่มักแต่งตัวเพื่อให้คนอื่นได้ชื่นชมเนื้อหนังและคิดเลยเถิดไปถึงสิ่งเร้าภายใน ชุดที่ ๒ ทยอยมาอีก ๑ คน รวมเป็น ๓ คน และ ๓ คนนี้เองดูเหมือนที่ผ่านมาจะจัดอยู่ในกลุ่มผู้ตั้งใจศึกษาหาความรู้ (วัดจากการสังเกตที่ผ่านมา) จากนั้นชุดที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ฯลฯ เริ่มทยอยมาจนเต็มห้อง หลังจากข้าพเจ้าอารัมภบทสิ่งที่ต้องดำเนินการใน ๒ ชั่วโมงนี้เป็นที่เรียบร้อย จากนั้นเป็นหน้าที่ของแต่ละกลุ่มที่จะเสนอหัวข้ออะไรก็ได้ในการ "สร้างสันติสุขส่วนบุคคลและ/หรือการสร้างสันติสุขส่วนสังคม" ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี บางกลุ่มอภิปรายได้อย่างน่าประทับใจ ดูคล้ายกับการเตรียมความพร้อมมาดี แต่บางกลุ่มเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่นดูเหมือนจะต้องพัฒนาการนำเสนอให้มีชีวิตชีวามากกว่าที่เป็นอยู่ การจะมีชีวิตชีวา สายเลือดต้องเป็นสายเลือดข้อมูลที่พร้อมจะบอกออกไป เมื่อนักศึกษาแต่ละกลุ่มทำหน้าที่ของตนเองจบ ข้าพเจ้าได้ข้อคิด ๔ ข้อ ที่พอจะเขียนออกมาเป็นอักษรบนแผ่นกระดาษสีขาวได้คือ

   ๑. สิ่งใดเราไม่ได้ศึกษาให้ชัดเจน การจะพูดสิ่งนั้นให้เข้าใจได้ง่ายนั้นเป็นเรื่องยาก

   ๒. ความนิยมชมชอบและประสบการณ์ของคนต่างกัน การแสดงออกซึ่งเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ตนมีประสบการณ์ด้านนั้นน้อย หรือไม่นิยมชมชอบ เป็นเรื่องยาก

   ๓. การที่เราได้อ่านจากเอกสารเป็นเรื่องที่ดี เพราะเอกสารให้ความรู้ ส่วนความเข้าใจเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล ข้อความ ๑ บรรทัด เมื่อแต่ละคนอ่าน ย่อมมีความคิดเห็นที่ต่างกัน ยิ่งฐานความคิดต่างกัน การแสดงออกซึ่งความเห็นยิ่งต่างกัน

   ๔. มีวิธีการใดไหม กับการเรียนวิชาการเพื่อให้เกิดคุณค่าทางจิตใจ เรารู้ดีกว่าสิ่งที่มนุษย์ขาดมิใช่ปัจจัย ๔ แต่ทำไมปัจจัย ๔ จึงไม่เพียงพอกับมนุษย์

    นอกจากความคิด ๔ ประการนี้แล้ว มีความคิดอื่นอีกที่ผุดขึ้นมาระหว่างนั้น


มนุษย์ไม่ยอมเหนื่อยเพื่อผู้อื่น

แสดงว่า

มีความตระหนี่   -    เห็นแก่ตัว  -   ไร้เมตตา  -   ไร้ความรักความปรารถนาดีต่อกัน   ฯลฯ

 


 

ชุมชนบ้านให้

กลุ่มผู้ผลิตอาหาร-----------------กลุ่ม(ใหญ่)คนงาน---------สร้างบ้านให้ผู้ผลิตอาหาร

สร้างสิ่งอำนวยความสะดวก

สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี

ฯลฯ

มิได้มีเงินเป็นตัวกลางในการดำรงชีวิต

ซึ่ง

เป็นไปได้อยากอย่างยิ่งกับความเป็นไปในปัจจุบัน

โลกที่สวยงามมีเฉพาะโลกในอุดมคติเท่านั้น

nmintra

๐๗.๔๐ น.- ๐๘.๒๐ น.

อังคารที่ ๒๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 7716เขียนเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2005 08:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ห้องเรียนชุมชนก็มีไม่น้อยหลอกค่ะ ถ้าจะเขียนออกมา แต่อาจจะปวดหัวกว่า

เห็นด้วยคะอาจารย์
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท