ผู้หญิงนั้น โดยทั่วไปถูกมองว่าเป็นเพศที่อ่อนแอ ยิ่งในยามเจ็บป่วย ยิ่งมีอาการหนัก
แต่ในภาพที่ดูอ่อนแอนั้น หากสังเกตให้ดีๆ จะพบความเข้มแข็งซุกซ่อนอยู่
จากผู้หญิงธรรมดาๆ 2 คนที่เป็นหมอ....
.... หนูเล็ก แห่งศรีสะเกษ(คนขวา) หมออนามัยคนเก่ง ผู้คอยดูแลสุขภาพของคนในชุมชน ตัวเธอเองมีโรคประจำตัวอย่างหนึ่ง ทำให้เกิดอาการไม่สบาย แต่ก็ไม่ยอมไปหาหมอเสียที
..... ทั้งที่ตัวเองก็เป็นหมอ ..... บุคลากรสาธารณสุข ที่คอยกำชับ ให้คำแนะนำชาวบ้านในการดูแล สร้างเสริมสุขภาพ แต่คราวตัวเอง กลับไม่ทำเช่นนั้น จนนายบอนต้องต่อว่าอยู่บ่อยๆ.....
เมื่อช่วงที่ต้องไปเรียนปริญญาโทที่ มมส. การเดินเหินเคลื่อนไหว ทำได้ไม่สะดวกนัก ไม่ค่อยคล่องตัว ทำให้เพื่อนๆมองว่า ท่าทางจะไม่รอด , ไม่เอาไหน, เฉื่อยชา, ใจไม่สู้
ความจริงแล้ว เธอทั้งเจ็บกล้ามเนื้อ ปวดหัว วิงเวียน แต่ไม่อยากที่จะเป็นภาระให้กับใคร เลยเงียบๆไม่ยอมบอกใคร เพราะจะทำให้เธอรู้สึกแย่ไปกว่านี้..
ขณะที่มาเรียนปริญญาโทสาธารณสุข ที่ มมส. ทั้งเพื่อน และอาจารย์ต่างส่ายหัวว่า แบบนี้คงไม่ไหว ปลอบโยนให้เธอทำใจ เพราะคงเรียนไม่จบแน่ๆ
แต่เธอได้ลงทุนทั้งแรงกาย แรงใจ เวลา และเงินไปแล้วพอสมควร ยังไงก็ต้องฝ่าฟันไปถึงจุดหมายให้ได้ อุปสรรคทางสุขภาพร่างกาย พักไว้ก่อน
ซึ่งกว่าที่เธอจะเรียนจบก็ทุลักทุเลพอสมควร หลายอย่างไม่ราบรื่น แต่อาจารย์ที่ปรึกษาและเพื่อนบางคนก็คอยให้กำลังใจ
หลังจากที่เธอเรียนจบไปแล้ว วันหนึ่งเธอจึงเฉลยให้นายบอนรับรู้ว่า ในช่วงเวลานั้นเธอเครียดมากๆ เจอทั้งปัญหาชีวิตที่รุมเร้า, เรื่องปวดหัวที่สถานีอนามัยกับเพื่อนร่วมงาน และยังมีเรื่องคดีความที่เธอพาคุณป้าคนหนึ่ง นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์ แล้วขับรถล้ม หัวของคุณป้าพาดพื้น สมองบวม จนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทางญาติฝ่ายป้าคนนั้น เรียกค่าเสียหายร่วมแสนบาท ทำให้เธอเครียดจัด เพราะภาระหนี้สินที่มีก็มากอยู่แล้ว
ยิ่งเครียดมากขึ้น เมื่อต้องเข้าสู่ขั้นตอนทางคดี ต้องไปพบตำรวจ พิมพ์ลายนิ้วมือ ถูกสอบปากคำ
หลังจากที่ทนทุกข์ทรมานใจมาหลายเดือน ในที่สุดก็ตัดสินใจกู้เงินมาจ่ายให้ญาติผู้เสียชีวิต
อายุเลยวัยเบญจเพสมาไม่กี่ปี แต่ต้องประสบกับปัญหาชีวิตมากมาย หนักๆทั้งนั้น ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่ แต่หลังจากที่ตัดสินใจเข้าวัด ไปนั่งสมาธิ ทำบุญ เมื่อสติสัมปะชัญญะกลับคืนมา เกิดความเข้มแข็งในร่างกายที่ดูอ่อนแอ
สำหรับผู้หญิงคนที่ 2 หนูนิด หมอดินจากจังหวัดใกล้ๆกัน ทำงานด้านพัฒนาและปรับปรุงที่ดิน จากลักษณะการทำงานของเธอแล้ว จัดได้ว่า เป็นสาวน้อยคนเก่งคนหนึ่ง...
(ที่เรียกว่า .สาวน้อย.... เพื่อเป็นการลดอายุ แต่เคยได้ยินดีเจ ผู้จัดรายการวิทยุชุมชนในกาฬสินธุ์ เรียกคนอายุ 25 ปีว่า สาวใหญ่ อันนี้ คงแล้วแต่คนจะเรียกกัน)
ชีวิตในวัยเรียนของหนูนิด เหมือนคนทั่วๆไป แต่โชคร้าย เมื่อไม่สบายแล้วไปตรวจ พบว่า เป็นไตอักเสบ
เธอต้องกินยาเป็นกำๆ ออกกำลังกายมากก็ไม่ได้ เวลาเรียนวิชาพลศึกษา จึงดูเหมือนเด็กเส้น มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นที่ไม่ต้องออกกำลังกายมากนัก
เมื่อพ่อแม่ของเธอเห็นลูกสาวกินยาหลายถุง เป็นกำๆ ก็ชักหวั่นไหว หวาดกลัว กลัวลูกสาวจะเสียชีวิต เพราะเคยเห็นคนบ้านใกล้ ไปลดความอ้วนที่คลินิกใหญ่แห่งหนึ่งแถวๆ ถ.มิตรภาพ ขอนแก่น ซึ่งเขาคนนั้นก็กินยาเป็นกำๆ ไปๆมาๆ ก็เสียชีวิต
พ่อแม่ของหนูนิด กลัวจะเป็นอย่างนั้น ยิ่งหวาดผวายิ่งขึ้น...
พยายามประคบประหงม ดูแล ห่วงใยเต็มที่
แต่เจ้าตัวกลับไม่หวั่นไหว เพราะไม่เคยบอกตัวเองว่า จะต้องเป็นแบบนั้น เมื่อหัวใจไม่หวั่นไหว แม้ร่างกายจะอ่อนแอ ก็ไม่เป็นปัญหา เธอรักษาไปตามขั้นตอน ดำเนินชีวิตตามปกติ กิน เที่ยว เล่น เช่นเดิม
แต่เมื่อมีโอกาสกินปลาไหล เกิดอาการแพ้ จนเลือดกำเดาไหลทางจมูก ถ้าเห็นแล้วยิ่งน่าเป็นห่วง แต่เธอก็ยังดำเนินชีวิตไปตามปกติ งดกินปลาไหลเสียก็สิ้นเรื่อง....
และในวันนี้ โรคที่ว่า ก็รักษาได้หายขาด กลายเป็นหนูนิดจอมซน...
(ความจริง ปัจจุบันเรียก “หนู” ไม่ได้แล้ว เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้ว)
มีหลายคนเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สบาย ป่วยเป็นไข้ เจ็บปวดนิดหน่อยก็ล้มหมอนนอนเสื่อ เกิดอาการถอดใจเสียแล้ว หมดเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้...
บางคนเป็นแค่ไข้หวัด เพราะอากาศเปลี่ยน ไม่ยอมรักษาสุขภาพร่างกาย ก็หวั่นไหว คิดไปใหญ่โตว่าเป็นโรคร้ายแรง ทั้งๆที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์กว่าอีกหลายคน
เขียนเืมื่อ 10 ม.ค.2550 ครับ
แล้วยัง tag พี่พนัสไว้ตั้งนานแล้วด้วย อิอิอิ