เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อาจารย์ยม คณาจารย์ทุกท่าน เพื่อนนักศึกษา MPA 3 สวนสุนันทาฯ ทุกท่าน
อาจารย์จีระ ได้กำหนดให้นักศึกษา MPA รุ่น 3 ไปเปลี่ยนบรรยากาศ และวิธีการเรียนรู้ ตามทฤษฎี 4 L’s ณ จังหวัดกาญจนบุรี
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 หลายคนได้ช่วยกันประสานงานเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะคุณมยุเรศ เชยปรีชา ที่ช่วยจัดหาของที่ระลึก พ.ท. ธีรชัย ไชยมะโน จัดหารถบัสปรับอากาศจากกรมการขนส่งทางบก ในวันเดินทาง อาจารย์ยม ได้ร่วมเดินทางไปด้วย และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ด้วยมีผู้ร่วมเดินทางจำนวน 45 คน ต้องขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ ทั้งที่ร่วมเดินทางไปและส่งใจไปเนื่องจากติดภารกิจ ทำให้โครงการดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์ด้วยดี
ระหว่างการเดินทาง คุณพิพัฒน์ เป็นพิธีกรบนรถ ให้ทุกคนพูดคนละเล็กละน้อย บางคนพูดไม่เก่งได้ร้องเพลงแทน บางคนเล่าเรื่องตลก สร้างบรรยากาศบนรถให้สนุกสนาน ถึงแม้รถจะเกิดปัญหากระจกมองหลังข้างขวาแตก 1 บานทำให้เสียเวลาเปลี่ยนประมาณ 40 นาที แต่ทุกคนก็ยังยิ้มแย้มอยู่บางคนบอกว่าแค่กระจกแตกไม่ใช่เบรกแตก
เวลา 11.15 น. เดินทางถึงโครงการชีววิถี เขื่อนศรีนครินทร์พอลงรถ ได้เวลาพระ 2 รูป ฉันภัตราหารเพลพอดี (โล่งอก) ได้รับการต้อนรับด้วย “น้ำฝาง” ซึ่งเป็นสมุนไพรธรรมชาติน้ำสีชมพูสดใส สรรพคุณช่วยลดไขมันในเลือด บำรุงหัวใจ และอีกหลายอย่างจำได้ไม่หมด ในขวดโหลใสใบใหญ่ พอใส่มะนาวฝานบาง ๆ น้ำจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม ชิมกันไปคนละหลายแก้ว มีขนมไทยถั่วแปบ รสชาติอร่อย อาหารกลางวัน มีข้าว ขนมจีน แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลายี่สก ผัดผักรวมมิตร น้ำพริกผักต้มหลายชนิดซึ่งมีรสหวานมากที่จำได้มี ถั่วพู มะเขือม่วง ผักกวางตุ้ง เป็นวิถีชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติ ใต้เงาต้นมะม่วงซึ่งกำลังออกดอกเต็มต้น เมื่อลมพัดดอกมะม่วงจะล่วงกราว ทำให้ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ได้มีการแบ่งกลุ่มนักศึกษาออกเป็น 5 กลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับตัวแทนชาวบ้าน โดยอาจารย์ให้โจทย์ว่า ต้องสอบถามปัญหาและฟังชาวบ้านให้มากที่สุดก่อน คุยเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับกลุ่มของเรา ชาวบ้านอยู่หมู่บ้านน้ำมุด ตำบลแม่กระบุง อำเภอศรีสวัสดิ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวคือ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น มีอาชีพปลูกพริก ข้าวโพด หน่อไม้ฝรั่ง ทำสวนผลไม้หลายชนิด เช่น มะม่วง มะขาม ปลูกผักปลอดสารพิษ สำหรับปัญหาที่ชาวบ้านอยากให้หน่วยงานราชการ เข้าไปช่วยเหลือดูแลอย่างจริงจัง ได้แก่
1. เรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ถนนไม่ดี ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีแหล่งน้ำสำหรับการเพาะปลูก
2. ปัญหาเรื่อง ปุ๋ย ยาฆ่าแมลงมีราคาแพง พยายามเลิกใช้ โดยหันมาใช้ปุ๋ยชีวภาพ และสมุนไพรในการฆ่าแมลงแทน เช่น สะเดา แต่ผลผลิตจะไม่สวย ตลาดไม่ต้องการ ราคาไม่ดี
3. ปัญหาแมลงวันทอง เพลี้ยแป้ง ทำให้ผลผลิตเสียหาย
4. ปัญหาไม่มีโรงเรือนเก็บปุ๋ยชีวภาพ และผลผลิต
ได้ถามชาวบ้านว่ารู้จักเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ได้รับคำตอบว่า ไม่ค่อยรู้แต่พอถามถึงวิถีชีวิตที่ดำเนินอยู่ ใช่เลยนี่เป็นการใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่ ความพอประมาณ พออยู่พอกิน ปลูกผักปลอดสารพิษไว้บริโภคในครอบครัวหากเหลือก็ขาย เลี้ยงสัตว์ไว้กิน มีการตั้งกลุ่มออมทรัพย์ให้กู้เพื่อไปลงทุนสร้างอาชีพ ความมีเหตุผล ได้พยายามลดการใช้ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง เพราะรู้ว่าหากใช้ไปนาน ๆ จะมีผลกระทบกับดิน และสภาพแวดล้อม มีภูมิคุ้มกันที่ดี รู้จักคิด รู้จักใช้จ่ายไม่เป็นทาสความฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ รู้จักภูมิหลังและรากเหง้าของตนเองและหมู่บ้าน
ที่สำคัญมีการปรับตัวและยอมรับการเปลี่ยนแปลง โดยเรียนรู้และพัฒนาหมู่บ้าน มีการตั้งกลุ่มออมทรัพย์ให้กู้เพื่อไปลงทุนสร้างอาชีพความเป็นอยู่ไม่ฟุ้งเฟ้อ อยู่กับธรรมชาติ ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลความเจริญ แต่ไม่ขาดสติ ไม่แล้งน้ำใจ ใน 1 ปีชาวบ้านจะมีเวลาว่างประมาณ 5 เดือน บางคนไปรับจ้างต่างถิ่น ที่เหลืออยู่ได้มีการรวมกลุ่มสร้างอาชีพเสริมตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เช่น กลุ่มแปรรูปอาหาร ตั้งกลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มเพาะเห็ด มีข้าราชการหลายหน่วยงาน เข้าไปเก็บข้อมูล เรื่องต่าง ๆ ทุก 2 -3 ปี แต่ไม่มีความคืบหน้า ไม่ได้รับการช่วยเหลือ ชาวบ้านต้องรวมตัวกันช่วยเหลือตนเอง ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ลำบาก แต่ก็ไม่ทิ้งถิ่นฐานพยายามรักษาสิ่งแวดล้อม
ได้คุยกับชาวบ้านว่ามีไม่มีเวลา จึงไม่ได้เตรียมของมาแจก รู้ไหมว่าได้รับคำตอบว่าอะไร เค้าตอบว่า “ไม่ต้องการของแจกต้องการให้หน่วยงานราชการมาสอนความรู้ให้มากกว่า เพื่อจะได้นำความรู้มาใช้ในการทำมาหากิน” พัฒนาหมู่บ้าน ซึ่งตรงกับที่อาจารย์พูดเสมอ ๆ ว่า การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ต้องให้เบ็ดและสอนให้ตกปลา ไม่ใช่ให้ปลากิน จะทำให้ไม่รู้จักเรียนรู้ ไม่รู้จักคิด จากการได้พูดคุยกับชาวบ้านได้รู้ว่าชาวบ้านใช้ชีวิต อย่างพอประมาณ อย่างมีเหตุมีผล และมีภูมิคุ้มกันที่ดี ซึ่งตรงตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง หากมองตาม ทฤษฏี 8 K’s พวกชาวบ้านมีทุนทางปัญญา มีทุนแห่งความสุข มีทุนทางจริยธรรม และที่สำคัญมีทุนแห่งความยั่งยืน สำหรับทุนที่ยังขาดสามารถเรียนร้และพัฒนาได้
หลังจากได้พูดคุยกันพอสมควร ผู้แทนกลุ่มที่เป็นนักศึกษาและชาวบ้านออกมาพูดถึงผลสรุปของการพูดคุยกันว่าได้รับความรู้อะไรบ้าง และมีความรู้สึกอย่างไร ซึ่งชาวบ้านทุกกลุ่มพูดจาตรงไปตรงมา กล้าพูดและรู้สึกดีใจที่พวกเราไปเยี่ยม การพูดคุยไม่มีช่องว่าง ระหว่างนักศึกษาปริญญาโท กับชาวบ้าน บรรยากาศเป็นกันเอง ประทับใจมาก
ขอฝากถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และรับผิดชอบ ด้านการเกษตร เกษตรตำบลอำเภอ กรุณาเข้าไปให้ความรู้คำแนะนำ เรื่องปัญหาแมลงวันทอง เพลี้ยแป้ง อ.บ.ต. แม่กระบุง กรุณาเข้าไปดูแลเรื่องการสร้างถนน เพื่อให้เดินทางขนส่งผลผลิตมาขายได้สะดวก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรุณาเข้าไปดูแลเรื่องการติดตั้งเสาไฟฟ้า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเข้าไปพัฒนาน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้ หน่วยงานราชการอื่น ๆ ทั้งด้านสาธารณสุขและที่เกี่ยวข้องเรื่องความจำเป็นขั้นพื้นฐานของประชาชน โปรด Listen and Learn ฟังเสียงลูกค้าสำคัญของท่าน ก็คือประชาชนในท้องถิ่นว่าเค้าต้องการอะไรและพยายามสอนให้เค้าตกปลา สอนชาวบ้านให้มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และนำไปใช้
ข้อเสนอแนะนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของกลุ่มนักศึกษาเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด แต่หากต้องการเห็นข้าราชการมีความจริงใจ ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ปัญหาทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ ด้วยการเห็นความสำคัญของคน ซึ่งเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าที่สุดของประเทศ หากเริ่มพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ก็เป็นการเริ่มพัฒนาประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน
การเดินทางครั้งนี้ ถึงแม้จะลงทุนเวลา 1 วัน เงินคนละ 300บาท แต่ได้มูลค่าเพิ่มเป็นผลกำไรที่คุ้มค่า ได้พิสูจน์ทฤษฎี 4 L’s 8 K’s งานทุกอย่างสามารถทำได้หาก มีความมุ่งมั่นและมองเป้าหมายให้ชัดเจนการเดินทางครั้งนี้จบแล้ว แต่การเรียนรู้ยังไม่จบจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต
1. พระธวัชชัย ละครคิด
2. ร.ต.อ.สุรเชษฐ์ หยุ่นสมาน
3. นายพิพัฒน์ อรรถเอี่ยม
4. นางสาวสมธนิษฐ์ มงคลชาติ
5. นางศรีปัญญา วัชนาค
6. นายมงคล กิจสมโภชน์
7. นางเสาวรส แสนสุข
8. นางสาววิไลวรรณ วิไลเลิศ
9. นายรุ้ง โลนุช
10. นายประเชิญ คำมี
11. นางสาวพรยุพา คัมภีรญานนท์
12. นางสาวนลินธร สื่อเศรษฐสิษ