จำได้ว่าเริ่มทำงานใหม่ ๆ ตัวเองเป็นคนค่อนข้างตรงไปตรงมามาก ๆ เลย ไม่ค่อยยืดหยุ่น มีอยู่ครั้งหนึ่งรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้ เรื่องมีอยู่ว่า...
โดยปรกติห้อง Lab. เคมีเราจะรับ Lab. หรือสิ่งส่งตรวจเพียงแค่ 15.30 น.เท่านั้น แต่ไม่ใช่การทำงานของเราจะเลิกงาน 15.30 น. เพราะกว่าเราจะเคลียร์งานรอบ 15.30 น. ก็ต้องผ่านกระบวนการปั่นแยก เตรียมสิ่งส่งตรวจ ทำการตรวจวิเคราะห์ เผลอ ๆ ส่วนใหญ่ก็ต้องทำซ้ำ กว่าจะเสร็จ เก็บสิ่งส่งตรวจ บำรุงรักษาเครื่อง ปิดฝาน้ำยา เตรียมน้ำยาสำหรับวันต่อไป เพราะฉะนั้นกว่าจะเสร็จจริง ๆ ก็ 16.30 น.เป็นอย่างเร็ว บางครั้งช้ากว่านั้นด้วยซ้ำไป
ดังนั้นเมื่อมีการขอทำ Lab. เพิ่ม หรือโทรขอเพิ่มเราก็จะกำหนดเวลา 15.30 น.ไว้ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งผู้เขียนอยู่เวร(ไม่แน่ใจว่าเสาร์หรืออาฑิตย์) พอดิบพอดี มีแพทย์โทรมาขอทำการทดสอบ Calcium ซึ่งตอนนั้น เวรนอกเวลายังไม่มีทำ แต่ผู้เขียนปฏิเสธไป เพราะเป็นเวลา 15.40 น.โดยประมาณ และมีอยู่คำพูดหนึ่งที่...
แพทย์ท่านนั้นถามว่า
"ถ้าเป็นญาติคุณจะทำมั๊ย??"
ผู้เขียนตอบไปอย่างรวดเร็วว่า "ไม่ทำ"
แล้วแพทย์ท่านนั้นก็วางหูไป ไม่โทรมาอีกเลย แต่เป็นเหตุการณ์ที่ผู้เขียนไม่เคยลืมเลย และวันนั้นเองเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นค่ะ นั่นคือพ่อแม่ของผู้เขียนกลับมาจากกรุงเทพฯ พร้อมสินค้ามาเต็มคัน(อาชีพค้าขาย) แต่รถเกิดพลิกคว่ำ ข้าวของเสียหาย แต่ดีที่พ่อและแม่ของผู้เขียนไม่เป็นอะไร ทำให้ผู้เขียนรู้สึกผิดมากถึงมากที่สุด หรือนี่ผลกรรมคงตามทัน และแล้วตั้งแต่นั้นมา ถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรง ผู้เขียนก็ยืดหยุ่นมากขึ้น และนี่ก็เป็นบทเรียนที่ผู้เขียนไม่เคยลืมเลย ดังคำที่ว่าสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ เราทำดีหรือไม่ดี มีเราเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ
ฉะนั้นจงทำดี ๆ เข้าไว้ค่ะ แม้ใครเห็นหรือไม่เห็นแต่คนที่สบายใจก็คือเรานั่นเอง !!!
แม้บันทึกนี้ผู้เขียนได้เขียนเรื่องที่ไม่ดีของตัวเอง แต่ผู้เขียนก็รู้สึกสบายใจอย่างที่สุด บางครั้งความผิดพลาดมันก็เกิดขึ้นได้น๊ะในชีวิต แล้วแต่ว่าเราจะทำเลือกทำผิดซ้ำอย่างเดิม หรือจะให้ความผิดพลาดนั้นเป็นบทเรียนกับชีวิตเรา แต่สำหรับผู้เขียนคงไม่เลือกที่จะทำผิดซ้ำ
สวัสดีค่ะคุณ ศิริ
ครูอ้อยชอบคำว่า " สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ "
ขอบคุณค่ะ