ในเนื้อหาของการเรียนเศรษฐศาสตร์ จะมีส่วนหนึ่งที่เป็นการศึกษาถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในการออม กับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจ พบว่า มีความขัดแย้งระหว่างเศรษฐกิจในส่วนย่อยกับส่วนรวม คือในส่วนบุคคลถ้าเราประหยัด มีเงินเก็บมากๆ เราก็จะมั่งคั่งขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับเศรษฐกิจประเทศ หากประชาชนมุ่งแต่ประหยัดโดยเอาเงินไปออมมากๆ ลดการบริโภค ผลสุดท้ายเศรษฐกิจของประเทศจะหดตัว หรือประเทศจนลง จึง เป็นความขัดแย้งระหว่างส่วนรวมกับส่วนย่อย เพราะยิ่งคนประหยัดเท่าใดก็จะยิ่งร่ำรวยขึ้น แต่กลับจะทำให้ประเทศจนลง เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ "ความขัดแย้งของการประหยัด"
ปรากฏการณ์ดังกล่าวสามารถอธิบายอย่างง่ายๆ ได้ด้วยหลักทางเศรษฐศาสตร์ ว่า เงินในกระเป๋าของคนเรามีทางเลือกในการใช้อยู่หลักๆ 2 ทางคือใช้ไปเพื่อการบริโภค (Consumption) หรือ เก็บออม (Saving) การบริโภคจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์มวลรวม (Aggregate Demand) ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งการขยายตัวของอุปสงค์มวลรวมจะไปกระตุ้นภาคการผลิตให้เพิ่มปริมาณการผลิตสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจขยายตัว เพิ่มผลผลิต เพิ่มการจ้างงาน จึงไม่น่าแปลกใจที่บางประเทศมีนโยบายส่งเสริมการบริโภคของประชาชนจนกลายเป็นพวก "บริโภคนิยม" (Consumptionism) เพราะการบริโภคทำให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวนั่นเอง
ในทางตรงข้ามถ้าประชาชนลดการบริโภคนำเงินไปออม จะทำให้อุปสงค์มวลรวมลดลง ภาคการผลิตก็จะผลิตสินค้าลดลง การจ้างงานลดลง เศรษฐกิจก็จะหดตัว
ดังนั้น หากเกิดภาวะที่มีเงินออมมากในระบบการเงิน ขณะที่ปริมาณการบริโภคของคนลดลง จึงต้องมีมาตรการออกมาเพื่อป้องกันการเกิดปรากฏการความขัดแย้งของการประหยัด คือมีกลไกที่จะต้องนำเงินออมออกมาใช้เพื่อกระตุ้นภาคการผลิต หรือมีมาตรการกระตุ้นให้ประชาชนบริโภคเพิ่มขึ้น
ในแง่ของการประหยัด...... คงไม่มีใครเถียงว่าประหยัดแล้วไม่ดี..... แต่ในมุมมองของผู้บริหารภาคเศรษฐกิจ...คงต้องพิจารณาว่าจะให้ประชาชนประหยัดอย่างไรจึงจะไม่เกิดความขัดแย้งของการประหยัด...คือทำอย่างไรจะทำให้ความประหยัดส่งให้ประชาชนรวยขึ้น...ขณะเดียวกันประเทศก็ต้องร่ำรวยขึ้นด้วยเช่นกัน....
จะเห็นว่าการบริหารระบบเศรษฐกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีความซับซ้อน และมีความเชื่อมโยงกันในหลายส่วน การเลือกใช้มาตรการใดมาตรการหนึ่งของจึงต้องวิเคราะห์ผลกระทบอย่างรอบคอบก่อน
ทั้งนี้คำว่าประหยัด "Economy" ในทางเศรษฐศาสตร์ ไม่ได้หมายถึงใช้เงิน หรือทรัพยากรให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้... เพราะการทำเช่นนั้นเป็นพฤติกรรมของความตระหนี่.. ที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ขี้เหนียว...
แต่ประหยัด "Economy" หมายถึง คุ้มค่า คือการใช้จ่ายเงินหรือทรัพยากรไปนั้นได้ผลประโยชน์ตอบแทนกลับมาคุ้มค่าหรือไม่.... การซื้อของถูกๆ ...ไม่ได้หมายความว่าเราประหยัด...ถ้าสินค้านั้นคุณภาพต่ำ เป็นโทษต่อผู้ใช้..แม้จะถูกแสนถูกก็ไม่ประหยัด... แต่ถ้าเราจ่ายแพงกว่าเพื่อได้สินค้าคุณภาพสูง เป็นประโยชน์ ..ก็ถือว่าเราประหยัด
อย่างไรก็ตาม.. การจะซื้ออะไรก็ตามต้องอยู่ที่อำนาจซื้อ..(Purchasing Power) หรือเงินในกระเป๋าด้วยว่ามีพอหรือไม่...ถ้าเป็นประเภทรายได้ต่ำ..รสนิยมสูง...ก็ถือว่าไม่ประหยัดนะคะ