วันก่อนผมโทรคุยกับน้องสาว น้องบอกว่า ลุงของผม ตอนนี้ไม่สามารถจับช้อนซ่อมได้เลยครับ เวลาทานเข้าจึงใช้จานที่ก้นลึกๆ จะได้ทานข้าวได้สะดวกขึ้นครับ และที่หนักกว่านั้นก็คือ ไม่สามารถอาบน้ำได้เองเลยครับ
อัลไซเมอร์เป็นโรคที่แปลกอย่างนึงคือผู้ที่อยู่รอบข้างผู้ป่วยต้องเจ็บปวดครับ เป็นโรคที่สืบทอดทางพันธุกรรมด้วย และเป็นโชคร้ายของญาติๆผม ก็คือ จะแสดงอาการของโรคเร็วกว่าปกติครับ ประมาณอายุ 45 ก็เริ่มเป็นแล้ว ซึ่งถ้าโดยทั่วไปต้องอายุประมาณ 55-60 ปีถึงจะเริ่มเป็นกัน
เคยมีแพทย์ท่านนึงสงสัยและขอนำเลือดส่งไปตรวจสอบที่ต่างประเทศ เมื่อหลายปีมาแล้ว จนวันนี้ก็ยังไม่มีผลการตรวจสอบใดๆส่งมาถึงมือเรา ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน คงไม่สามารถค้นหาสาเหตุได้ว่าทำไมโรคถึงแสดงอาการเร็วกว่าปกติ
ให้กำลังใจค่ะ
และชื่นชมค่ะที่วิวได้นำเอาเรื่องราวเหล่านี้มาเขียนเล่าไว้
ประสบการณ์ต่างๆ ในการดูแลผู้ป่วยเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นอย่างแน่นอนค่ะ และท่านที่เป็นผู้รู้ที่เมื่อได้ผ่านมาอ่านอาจจะได้ร่วมกันให้ความรู้ที่ดีๆ ที่หาอ่านในตำราต่างๆ ไม่ได้ ให้แก่วิวก็ได้ค่ะ
เขียนต่อไปนะค่ะ อาจารย์เป็นคนหนึ่งที่จะติดตามค่ะ
ส่วนอาจารย์เองก็เขียนเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานและโรคหลอดเลือดสมองไว้ที่ http://Dad.GotoKnow.org ค่ะ
ขอบคุณมากครับอาจารย์
บล๊อคของอาจารย์เป็นหนึ่ง ในแรงบันดาลใจให้ผมเขียนเรื่องนี้ึ้ขึ้นมาครับ ตอนแรกคิดว่าจะไปเขียนใน learners คิดไปคิดมาเขียนใน gotoknow น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า ทั้งผมเองที่มีผู้รู้มาแนะนำ และผู้อ่านที่จะได้ความรู้ไป
พี่ปรางเองก็เพิ่งทราบลักษณะอาการจากน้องวิว นี่ล่ะค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจคับ
และสำหรับความเห็นจากคุณ ajarncath phamui
ที่บ้านผมเองก็พยายามทำอย่างที่พี่ออกความเห็นครับ แต่ก็มีอุปสรรคหลายๆเรื่อง แล้วผมจะเล่าต่อไปในบล๊อกนะครับ เรื่องมันยาว
สวัสดีค่ะคุณวิว
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ประเด็นความหวาดวิตกของครอบครัวว่ามีความเสี่ยงต่อโรคนี้มากขึ้น พันธุกรรมมีส่วนบ้าง แต่ก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวด้วยนะคะ พยายามออกกำลังกายและลับสมองสม่ำเสมอ ดูแลตนเองป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง น่าจะมีประโยชน์บ้าง แล้วที่สำคัญตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เค้าพยายามคิดค้นวัคซีน หรือวิธีการรักษาอยู่ ใจเย็นๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ศิริกุล
ขอบคุณครับคุณศิริกุล
ผมใจเย็นอยู่แล้วครับ ^__^
วันก่อนคุณพ่อของเพื่อนเข้าโรงพยาบาลเพราะจำอะไรไม่ได้เลย หมอตรวจพบว่าธาตุอาหารไม่สมดุลค่ะ และกลางคืนนอนไม่หลับ พอให้ยาให้นอนหลับอยู่ 7 คืนอาการก็ดีขึ้น แล้วให้กินวิตามินบีกับอี ก็ความจำก็ดีขึ้น...คุณยายอีกท่านที่รู้จักที่เป็นหมอหาสาเหตุตั้งนานถึงพบว่ากินแคลเซี่ยมมากไปจนเสียสมดุลธาตุ พอหมอรักษาสมดุลได้ ก็อาการดีขึ้น ..อาจจะไม่เกี่ยวกับอัลไซเมอร์นะคะ แต่อยากเล่าสู่กันฟังว่า สมดุลของอาหารถ้าเสียไปไม่ว่า ได้มากเกินหรือน้อยเกิน มีผลกับความจำด้วยค่ะ
ขอบคุณคุณจันทรรัตน์ มากๆครับสำหรับข้อมูล
ผมคงต้องจัดอาหารให้ธาตุอาหารครบถ้วน ยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบัน เรื่องอาหาร ไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าไหร่ ผม หาอะไรให้ทานก็เบื่อไปซะทุกอย่าง ไปบังคับอะไรมากก็ไม่ได้ เด๋วจะอารมณ์เสียเปล่าๆ
ตอนนี้ได้มีโอกาสฟังข้อมูลว่านักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามค้นหาหน้าตาของยีนที่ทำให้เป็นอัลไซเมอร์อย่างขมักเขม้น หวังว่าคงจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้
ยินดีที่ข้อมูลที่ได้รู้มา พอจะมีประโยชน์บ้างนะคะ
เชื่อแล้วค่ะ ว่าใจเย็นจริง ไม่อย่างนั้นคงจะดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมไม่ได้แน่ค่ะ
ขอบคุณมากครับ คุณศิริกุล
ข้อมูลมีประโยชน์มากๆครับ
ช่วงนี้ไม่ได้ดูแลแล้วครับ ต้องกลับมาฝึกงาน ให้น้องสาวดูแลแทน
เป็นกำลังใจให้ค่ะที่บ้านยายก็อาการแปลกไม่แน่ใจว่าเป็นรึเปล่า
ดิฉันมีแม่ที่เป็นโรคนี้มาได้ประมาณ 3 - 4 ปีแล้ว แล้วแม่มาตกบันไดมีเลือดคั่งในสมองแต่ได้ผ่าตัดออกแล้ว อาการอัลไซเมอร์ที่เป็นรู้สึกว่าจะแย่ลงไปเรื่อย ๆ ตอนนี้แม่เดินได้ดีแข็งแรง แต่พูดสื่อสารกับเราไม่รู้เรื่องเลย ตอนนี้ก็ทำใจอยู่ เราร้องไห้ทุกวันเลย เพราะสงสารแม่ที่ไม่สามารถจะจำอะไรได้ สื่อสารกับเราก้อไม่รู้เรื่อง ทางบ้านเครียดมาก แม่ต้องกินยาช่วยให้นอนไม่งั้นแม่จะไม่หลับ เพราะว่าคิดว่ายังไม่ได้ทำโน่นนี้ แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ค่อยยอมอาบน้ำต้องพูดกันอยู่นานมากกว่าจะยอม เพราะแม่ถอดเสื้อผ้าก็จะกลัวของหาย เข้าไปในห้องน้ำด้วยแม่ก็จะอาย กลุ้มใจมากเลยค่ะ ใครมีวิธีช่วยแนะนำหน่อยค่ะ อ้อลืมบอกไปว่าแม่อายุ 75 ปีค่ะ
คุณชลดาคะ
แม่ของพี่อายุ 74 ปี เป็นอัลไซเมอร์มา 5ปีแล้ว ปัญหาของอาการก็คล้ายกับที่คุณชลดาประสบ ไม่ต้องกลุ้มใจไปนะคะ ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการโดยใช้การสังเกต และเอาใจใส่พฤติกรรม ลองใช้วิธีของพี่ดูนะคะ
1.การอาบนำ ใช้วิธีอาบด้วยกัน ถอดเสื้อผ้าพร้อมกันไป และสร้างความมั่นใจว่าจะช่วยดูแลของที่กลัวว่าจะหายให้
2.การนอน ไม่ให้นอนกลางวันและชวนออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินเล่นวันละประมาณ 15 นาที
3.การสื่อสาร หมอที่ร.พ.จุฬาฯ บอกว่าช่วยไม่ได้เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องพยายามเข้าใจการสื่อสารของเค้าให้ได้
ถ้าอยากร้องไห้ก้อร้องเถอะนะคะ แต่อย่าเศร้า อาจจะคิดอีกด้านหนึ่งว่าการจำไม่ได้ก้อทำให้ไม่ต้องเศร้าอย่นานงัยคะ
.......เป็นกำลังใจให้ สู้..สู้..นะคะ
ธีรวรรณ