R & D ย่อมาจาก Research (R)& Development(D) เกี่ยวกับ R ผมได้บันทึกไว้มากแล้ว ต่อไปนี้จะได้บันทึกเกี่ยวกับ D บ้าง
D : Development มี "นัย"ว่า "เปลี่ยนแปลง" จึงมาลองพิจจารณาดูว่า เปลี่ยนแปลงอย่างไร ?
ถ้าเด็ก ๑ ขวบ โตขึ้นเมือ่อายุ ๒ ขวบ และโตขึ้นเรื่อยๆ เมือ่อายุ ๓ ขวบ ๔ ขวบ ........ เรียกว่า "มีการเปลี่ยนแปลง" และเปลี่ยนแปลงไปในทางที่มากขึ้น เพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เรียกว่า "พัฒนา"
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายจะ"พัฒนา"ลักษณะนี้ นั้นคือ "ถ้าพัฒนาก็จะมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็จะไม่มีการพัฒนา"
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของสิ่งมีชีวิตจะเกิดขึ้น "ภายใน" ของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ เช่น การแบ่งเซลล์จาก ๑ เป็น ๒ จาก ๒ เป็น ๔ ...............เป็นการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่เพิ่มขึ้น
การพัฒนาดังกล่าวเป็นไปตาม"ธรรมชาติ" ถ้าเราวิจัยเพื่อ "ค้นหา"ความรู้จากกระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสำคัญ ก็เรียกว่า "การวิจัยบริสุทธิ์" (Pure Research) ผู้วิจัยก็เรียกว่า "นักวิจัยบริสุทธิ์" (Pure Researcher / Pure Scientist)
แต่ถ้านักวิทยาศาสตร์"คนเดียวกันนั้น" คิดว่า เราน่าจะเอาSperm ของคนผู้ชายไปใส่ไว้ในไข่ของผู้หญิง แล้วนำไปใส่ไว้ในท้องวัว เพื่อจะดูว่าลูกจะออกมาเป็นอย่างไร เขาก็ทำหน้าที่เป็น "Applied Scientist / Technologist" ไป เขาจึงเป็นทั้ง "นักวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์และนักวิทยาศาสตร์ประยุกต์" ไปในเวลาเดียวกัน
และถ้าเขาได้เด็กดังกลาวมาคนหนึ่ง ออกมา สมมุติว่า มีรูปร่างเป็นคน แต่ค่อนข้างมีขนมากกว่าปกติ เขาจึงปรับปรุง และ"วิจัย"ต่อไป ทำเช่นนี้เรื่อยไปหลายครั้ง จนได้"คนที่ดีที่สุดตามท่เขาต้องการ" ก็เรียกการวิจัยเช่นนั้นว่า "การวิจัยและพัฒนา" หรือ Research & Development
.ในระบบมหาวิทยาลัยทั่วโลก เราจะพบว่า มีทั้งคณะวิชาที่ "สร้างคนเพื่อค้นหาความรู้บริสุทธิ์" เช่น คณะวิทยาศาสตร์ คณะจิตวิทยา ฯลฯ และคณะที่ "สร้างคนเพื่อนำความรู้บริสุทธิ์ไปใช้" เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ ฯลฯ
คิดว่าคณะวิชาเหล่านั้นต่างก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่นะครับ
อาจารย์ ดร.ไสว
เข้ามาอ่าน ครับ
อาจารย์น่าจะมีความเห็นเกี่ยวกับจริยธรรมของนักวิจัยบ้างนะครับ...
เจริญพร
นมัสการพระคุณเจ้า
ประเด็นจิรยธรรมของการวิจัยจากบันทึกนี้คงจะเนื่องมาจากตัวอย่างการทดลองปลูกคนในท้องวัว เรื่องนี้ขอเรียนดังนี้ครับ
(๑) ตัวอย่างนั้นเป็นตัวอย่างประเด็นเพื่อ"ความเข้าใจ" เรื่องของ R & D ไม่ได้ปฏิบัติจริง
(๒) นักวิทยาศาสตร์ทั้งสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และสาขาวิทยาศาสตร์สังคม หรือพฤติกรรมศาสตร์ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อค้นหาความรู้บริสุทธิ์ คือเพื่อ "รู้" อย่างเดียว (ซึ่งเป็นพวก นักวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์) กับเพื่อ "รู้ และนำไปพัฒนา" (คือพวก R & D) และพวกที่ "นำไปพัฒนาอย่างเดียว" (คือพวก นักวิทยาศาสตร์ประยุกต์) ซึ่งการกระทำของนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ อาจะไปกระทบกับ "ความเชื่อ" ของคนกลุ่มต่างๆเข้า ทำให้มีคำถามเกี่ยวกับ "การกระทำ"(จริยธรรม)ของพวกนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้
ถ้าไปกระทบกับความเชื่อทางศาสนาบางศาสนาที่สอนว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก สร้างมนุษย์ ถ้าใครคิดจะสร้างมนุษย์ขึ้นมา เช่นการโคลนนิ่งมนุษย์ หรือสร้างมนุษย์หุ่นยนต์ขึ้นมา ก็จะถูกตั้งคำถาม และต่อต้าน ดังเช่นการต่อต้าน ชาร์ลส ดาร์วิน ในอดีต ที่เสนอว่า "มนุษย์วิวิฒนาการมาจากลิง" เป็นต้น
ถ้าไปกระทบกับความเชื่อของนักปรัชญาบางพวก ที่เชื่อเรื่อง "Freedom" ของมนุษย์ เขาก็จะตั้งคำถามเกี่ยวกับ"การล่วงล้ำอธิปไตย"ของผู้รับการทดลอง เช่นไปทดสอบความโง่ความฉลาดของเขา ก็ไม่ได้ ไปขอข้อมูลส่วนตัวของเขา ก็ไม่ได้ ฯลฯ
ถ้าเอาสัตว์มาทดลองโดยตัดสมองออกทีละส่วนเพื่อดูว่า อะไรจะเกิดขึ้นถ้าตัดส่วนนั้นออกไป ก็จะไปกระทบกับคำส่งสอนทางศาสนาที่สอนไม่ให้ทรมานสัตว์ คนกลุ่มนี้ก็จะตั้งคำถาม ฯลฯ
ก็น่าเห็นใจกันทั้งสองฝ่ายแหละครับ แต่ความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จะพัฒนาไปตาม "การศึกษา" และ "ระยะเวลา" ครับ
ดร.ไสว เลี่ยมแก้ว
ผม ทำงาน R&D มาร่วม 4 ปี ก็เพิ่งจะเห็นความต่างแง่ของความคิดก็ครั้งนี้ล่ะคับ
ท่าน ดร.ไสว เลี่ยมแก้ว คับ ขอบคุณที่เปิดตาอีกข้างของผมคับ
ชนินทร์ ปิ่นแก้ว
Research and development manager
ขอบคุณค่ะ
เพิ่งเข้าใจ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ คุณชนินทร์ ปิ่นแก้ว และคุณ ต้อยติ่ง
ขอบคุณทั้งสองท่านมากที่เข้ามาอ่าน และแสดงความรู้สึกตอบสนอง อ้อ คิดว่าผมแปลถูกนะ Toiting = ต้อยติ่ง
ดร.ไสว เลี่ยมแก้ว