หลังจากที่ได้ทำงานได้ 2 ปีกว่าๆ จึงได้ลาศึกษาต่อ และได้เข้าเรียนที่คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาการศึกษาวิทยาศาสตร์ (คอมพิวเตอร์) ณ ทีเวลานี้ ได้เปลี่ยนบทบาทของตนเอง จากอาจารย์ มาเป็น นักศึกษา อีกครั้ง
ชีวิตการเรียนปริญญาโท ก็ไม่ได้ต่างจากปริญญาตรีมากนัก แต่ในการเรียนครั้งนี้ รู้สึกว่า กลุ่มเพื่อนๆ จะมีความรู้สึกสนิทกันมากกว่าตอนปริญญาตรี แม้ว่าจะใช้เวลาใช้ชีวิตร่วมกันเพียง 1.5 ปี แต่ในระหว่างเรียนนั้นได้มีการช่วยเหลือกันในด้านการเรียน ในชั้นเรียนก็มีความแตกต่างของวัย แต่ไม่มากนัก ก็มีทั้งรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน และรุ่นน้อง จำได้ว่า รุ่นของเรามีด้วยกัน 19 คน ย้ายไปเรียนสาขาอื่น 1 คน
ณ ที่นี้ นอกจากประสบการณ์ด้านการเรียนแล้ว ข้าพเจ้าได้รับประสบการณ์ดีๆ ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการปฏิบัติธรรมซึ่งอาจารย์ได้จัดให้น้องๆ ระดับปริญญาตรี แต่อาจารย์ก็ได้ชวนพวกเราเข้าร่วมด้วย โชคดีที่ข้าพเจ้าขอเข้าร่วมการปฏิบัติธรรมครั้งนั้น โดยได้เดินทางไปศึกษาและปฏิบัติธรรมที่สวนโมกขพลาราม จังหวัดสุราษฏร์ธานี นอกจากความรู้ทางด้านธรรมะแล้ว พวกเรายังได้รับบุญจากการปฏิบัติสมาธิภาวนาอีกด้วย
จำได้ว่า ช่วงเวลาที่ได้ไปร่วมปฏิบัติธรรม 5 วัน ณ ที่นี่ได้รับข้อคิดดีๆ มากมาย ซึ่งได้บันทึกไว้ในสมุดบันทึกนานมาแล้ว
ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็จะมีเรื่องของการทำวิทยานิพนธ์ซึ่งเป็นสิ่งที่คิดว่า สำคัญมากสำหรับนักศึกษาปริญญาโท ในการทำวิทยานิพนธ์ครั้งนี้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ว่า "หากเรามัวแต่แสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด โดยที่เราไม่กล้าที่จะลงมือกระทำ เราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้สิ่งที่ดีที่สุดนั้น" แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้เรียนรู้ว่า "การเตรียมความพร้อมที่ดีไว้นั้น ทำให้การทำงานต่างๆ สำเร็จผลด้วยดี"
สาเหตุเนื่องจากตอนเสนอหัวข้อเค้าโครง ข้าพเจ้ามีนิสัยเป็นคนทำอะไรก็จะพยายามคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุด กว่าจะได้เสนอหัวข้อ ก็เกือบจะหลังสุด เพราะมัวแต่หาหัวข้อที่ดีที่สุด ซึ่งคิดอยู่หลายรอบ หาข้อมูลอยู่หลายที่ แต่ก็ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจเสนอหัวข้อ เพราะอยากได้สิ่งที่ดีที่สุด จนเห็นเพื่อนๆ หลายคนเริ่มเสนอหัวข้อเค้าโครงกันไป จนเกือบจะสิ้นเทอม 1 ของปี 2 จึงตัดสินใจเสนอเค้าโครง แต่พอเสนอเค้าโครง ก็ผ่านด้วยดี และหลังจากนั้นก็ดำเนินการพัฒนาโครงการวิจัยฯ ตามที่วางแผนไว้ ก็ปรากฏว่า สามารถทำได้สำเร็จด้วยดี จึงทำให้ข้าพเจ้าเรียนจบภายในเวลา 2 ปีตามกำหนด .
ไม่มีความเห็น