เมื่อคืนนี้ พ่อเล่าให้ฟังถึงชีวิตในวัยเด็กของพ่อตอนหนึ่ง พ่อเล่าว่า ตอนอายุ 4 ขวบ (เมื่อ 70 ปีที่แล้ว) เคยติดตามหลวงพ่อในฐานะลูกศิษย์วัด จาก อ.ระโนด จ.สงขลาไปอยู่วัดที่ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ขณะนั้น ลานสกายังไม่มีฐานะเป็นอำเภอ
ลานสกาเป็นพื้นที่เขา (ปัจจุบันมีหมู่บ้านคีรีวงที่มีชื่อเสียง) ในครั้งนั้นการเดินทางไปวัดลำบาก ชาวบ้านจึงเอาช้างมารับ (เราตื่นเต้นที่พ่อได้ขึ้นช้าง นั่งกูบ เป็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่มาก) พ่อบอกว่า ที่น่าตื่นเต้น คือ สองข้างทางเต็มไปด้วยผลไม้ป่า มีกระท้อน มะม่วง ไม้ป่าสูงใหญ่จึงเอื้อมมือเก็บผลได้จากหลังช้าง
ที่ลำบากที่สุดสำหรับเด็กวัดสี่ขวบ คือ การติดตามหลวงพ่อไปบิณฑบาต เพราะเป็นพื้นที่ป่าเขา บ้านแต่ละหลังอยู่ห่างไกลกัน เดินบิณฑบาตตั้งแต่เช้ามืดจนสาย ได้ข้าวเพียงก้นบาตร เพราะพบบ้านเพียง 3-4 หลัง กลับถึงวัด แบ่งอาหารได้เพียงคนละเล็กคนละน้อย ไม่พอสำหรับทุกคนในวัด อากาศก็หนาวเย็น จนจับไข้อยู่บ่อยๆ พ่อผอมลงเรื่อยๆ พ่ออยู่ที่ลานสกาได้ 2 ปี หลวงพ่อจึงพากลับสงขลา
ที่เราตื่นเต้นเพราะ เพิ่งได้รู้ว่าพ่อมีประสบการณ์ที่เมืองนครฯ นครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์มากที่สุดจังหวัดหนึ่งสำหรับเรา
นครฯมีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่ง ตั้งแต่โบราณ จนถึงสมัยธนบุรี ในยุคใหม่ มีประวัติศาสตร์การต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์ที่กรุงชิง การแย่งชิงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เขาศูนย์ มาจนถึงประวัติศาสตร์ชุมชนเข้มแข็งของคีรีวง เครือข่ายยมนา และการริเริ่มแผนแม่บทชุมชนของพ่อประยงค์ รณรงค์ เจ้าของรางวัลแมกไซไซ ที่เป็นต้นแบบของการทำแผนชุมชนทั่วประเทศ
ความหลากหลายของภูมิประเทศ ทั้งทะเล ภูเขา ที่นา ที่สวน มีเสน่ห์พอๆ กับ อาหารปักษ์ใต้ อย่างข้าวยำ และขนมจีน บ้านเมืองสงบ และมีพื้นกว้าง
ที่สำคัญที่สุด คือ ผู้คน เรามีเพื่อนหลายคนที่นั่น ..มีทั้งที่เราเรียกว่า ท่าน คุณ ลุง พี่ น้า บัง..... แต่ละคนมีบุคคลิกที่แตกต่าง เป็นตัวของตัวเองสูง แต่ที่ทุกคนเหมือนกัน คือ น้ำใจ ความจริงใจ และความจริงจัง เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองนครฯ
นครฯทุกวันนี้ต่างไปจากนครฯเมื่อ 70 ปีที่แล้วของพ่อ เราเดินทางไปเกือบครบ 76 จังหวัดทั่วประเทศ หลงรักเมืองนครฯ นครฯน่าอยู่ พอๆกับน่าศึกษาค้นคว้า ปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมลง แต่คนนครฯ มีศักยภาพสูง ที่น่าสนใจคือกระบวนการพัฒนาพื้นที่โดยใช้จัดการความรู้และการมีส่วนร่วมของทุกภาคีขับเคลื่อนงานอย่างเป็นระบบโดยมีท่านผู้ว่าฯ เป็นหัวเรือใหญ่
เราบอกพ่อว่า จะพาพ่อกลับไปเยี่ยมเมืองนครฯอีกสักครั้งในเร็วๆนี้
เป็นคนเมืองคอนที่อยากจะกลับไปทำอะไรให้บ้านเกิดบ้าง แต่ไม่เคยมีโอกาศได้ทำอะไรอย่างใจคิด อ่านบันทึกนี้แล้ว เหมือนไฟที่ใกล้จะมอดได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งครับ ขอบคุณครับ ...คิดถึงบ้าน... |
ขอบคุณ ครูนงเมืองคอน และ คุณKareem มากค่ะ
ดิฉันเป็นมือใหม่ ยังจัดการบล็อกผิดๆถูกๆ แต่อีกไม่นานคงได้ลิงค์กับบล็อคอีกหลายท่าน เราจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความเห็นและประสบการณ์อย่างเต็มที่ค่ะ
พวกเราหวังที่จะเห็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับ"สังคม" และ "แผ่นดินเกิด" ช่วยกันคนละเล็กละน้อย ก็คงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นนะคะ
ดีจังคะอาจารย์ ชอบฟังเรื่องเล่า เห็นภาพสมัยก่อน
ความประทับใจ/ บางที การที่ คนเราได้กลับไปเห็น
สิ่งที่เราผ่านมา ก็เป็นความสุขมากๆคะ
ขอบคุณอ่านที่เล่าเรื่องให้ฟัง
สวัสดีคะ
หน่อย/สุรินทร์
ดีใจที่ได้มาเจอบันทึกนี้ครับ พ่อผมชอบเล่าอะไร ๆ ในอดีตให้ฟังอยู่เสมอเช่นกันครับ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องดี ๆ ของคนนคร คล้าย ๆ กับที่ อ.บันทึกมาครับ ศักยภาพของนครในอดีตในเรื่องของการพัฒนา มีมายาวนานต่อเนื่อง
ขอบคุณครับ