จัดการความรู้ชุมชนบ้านหนองจิก


ชุมชนบ้านหนองจิกนับเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ ชุมชนหนึ่งที่ศึกษาเชื่อมโยงความรู้ในอดีตสู่ปัจจุบันและจากปัจจุบันไปสู่อนาคตที่สดใสได้ มีการจัดการความรู้ในชุมชนจากการเชื่อมร้อยความรู้จากภายนอก ผนวกเข้ากับฐานทุนเดิมที่เป็นชุดความรู้ในชุมชน

                      การขับเคลื่อนเกษตรปลอดภัยสู่การพัฒนาของกลุ่มเกษตรยั่งยืนบ้านหนองจิก ตำบลหนองยาง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ผู้ผลิตข้าวปลอดภัยจังหวัดอุทัยธานี มีการพัฒนาที่เชื่อมโยงกันอย่างมีระบบ ภายใต้การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนโดยมีหน่วยงานภาครัฐและกลุ่มแกนนำชุมชน สนับสนุนกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประชาชนในชุมชนมีส่วนร่วมในกระบวนการรับรู้เรียนรู้และร่วมกันขับเคลื่อนที่มีทิศทางและเป้าหมายสู่ความสำเร็จด้าน กินดีอยู่ดี ที่พึ่งพาตนเองของคนในชุมชน 

                   แกนนำชุมชนที่มีแนวคิดพัฒนากลุ่มคือต้องเรียนรู้ข่าวสาร ข้อมูล องค์ความรู้จากภายนอกชุมชน นำมาสู่การจัดตั้งกลุ่มเกษตรกร โดยมุ่งแสวงหาแนวทางการลดต้นทุนการผลิต ความปลอดภัยและต้องมีรายได้เพิ่มขึ้นในการผลิตข้าว ต่อมาได้รับการหนุนเสริมกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมกับสำนักงานวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 ทำการผลิตข้าวที่ปลอดภัยและมีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกับกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืนอุทัยธานี ร่วมกันผลิตข้าวตามมาตรฐานข้าวปลอดภัยอุทัยธานีที่ได้ร่วมกันกำหนดเงื่อนไขมาตรฐานและร่วมกันตรวจสอบ               

                      กระทั่งมีปัญหาการจำหน่ายข้าวปลอดภัยอุทัยธานีที่ดำเนินการผลิต กลุ่มแกนนำจึงได้วิเคราะห์ ข้อมูลชุมชน พบว่าชุมชนมีการซื้อข้าวสารมาบริโภคในชุมชน ปีละกว่า 500,000 บาท กลุ่มเกษตรกรจึงได้ร่วมกันตัดสินใจ กู้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร       (ธ.ก.ส.) สาขาหนองฉาง นำมาซื้อข้าวเปลือกสมาชิกเก็บไว้แปรรูปและจำหน่าย โดยการฟื้นฟูกิจการโรงสีชุมชนที่มีอยู่เดิม เพื่อมาแปรรูปข้าวเปลือกของสมาชิกผลิตข้าวได้ 2 ตันต่อวันและจำหน่ายผ่านร้านค้าชุมชนที่มีอยู่

                       แม้แกนนำกลุ่มจะเริ่มโครงการนำร่องเล็กๆ แต่ก็ทำจริง และมีการจดบันทึกข้อมูล กระบวนการและบัญชีต้นทุนการผลิต เพื่อเป็นองค์ความรู้เผยแพร่เป็นตัวอย่างแก่คนในชุมชน นำข้อมูลมาสื่อสารสร้างความเข้าใจร่วมกัน ตลอดจนสร้างความตระหนักให้กับคนในชุมชนใช้ในการตัดสินใจในกิจกรรมต่างๆ

                       ความสำเร็จและความพยายามในการพึ่งตนเองด้วยกิจกรรมร้านค้าชุมชนทำให้ชุมชนเข้มแข็งลดรายจ่ายได้จำนวนมาและยังมีอาชีพเสริมเพิ่มขึ้น คือ การเลี้ยงโค-กระบือ ซึ่งแต่เดิม มีการเลี้ยงเพียง 20 ตัวเท่านั้น ปัจจุบันในชุมชนมีการเลี้ยงโค-กระบือ กันมากถึง 400 500 ตัว และมีมูลสัตว์มากพอที่จะมาทำปุ๋ยผลิตข้าวปลอดภัยได้อีก

                       นอกจากนี้ยังเกิด สถาบันการเงินชุมชนบ้านหนองจิก ที่เกิดจากกองทุนต่างๆ ในชุมชนบ้านหนองจิก ไม่ว่าจะเป็นกองทุนออมทรัพย์ กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารข้าว กองทุนโรงสี และธนาคารสัตว์ ซึ่งปัจจุบัน สถาบันการเงินชุมชนบ้านหนองจิก มีเงินออมมากกว่า 5 ล้านบาทแล้ว 

                      ซึ่งชุมชนบ้านหนองจิกนับเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ ชุมชนหนึ่งที่ศึกษาเชื่อมโยงความรู้ในอดีต สู่ปัจจุบันและจากปัจจุบันไปสู่อนาคตที่สดใสได้ มีการจัดการความรู้ในชุมชนจากการเชื่อมร้อยความรู้จากภายนอก ผนวกเข้ากับฐานทุนเดิมที่เป็นชุดความรู้ในชุมชนที่สำคัญชุมชนเปิดใจเรียนรู้และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ทำให้ชุมชนบ้านหนองจิกเดินทางสู่เป้าหมายกินดีอยู่ดีถึงปัจจุบัน

หมายเลขบันทึก: 74078เขียนเมื่อ 24 มกราคม 2007 01:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 15:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • สวัสดีปีใหม่ (ย้อนหลัง)ครับคุณแขก
  • ขอชื่นชมกับชุมชนแห่งการเรียนรู้บ้านหนองจิกครับ

หลังจากที่อ่านสิ่งที่คุณแขกเล่าให้ฟังแล้ว รู้สึกว่าชุมชนบ้านหนองจิกนี้ เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่อยู่บนวิถีของความพอเพียงด้วย ลักษณะเด่น คือ มีการใช้ความรู้ ความมีเหตุมีผลและสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ชุมชนโดยการเลือกที่จะสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆให้เกิดขึ้นในชุมชนจนเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นกองทุนออมทรัพย์ กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารข้าว กองทุนโรงสี และธนาคารสัตว์   ซึ่งเป็นการพึ่งตนเองทำให้เกิดความเข้มแข็งในชุมชนได้ ตามที่คุณแขกได้กล่าวมา

ถ้าหลายๆชุมชนในประเทศของเราสามารถที่จะเรียนรู้ได้เช่นเดียวกับชุมชนบ้านหนองจิก ก็คงจะดีไม่น้อยใช่มั้ยคะ?

อยากทราบเบอร์ นายคำแดง ส่วนบุญ ครับลูกเขาตามหาอยู่ไม่มีเบอร์ติดต่อครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท