รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
ผมได้ยินคำพูดนี้ เมื่อตอนเรียนอยู่ ม.ศ.4 เมื่อกว่ายี่สิบปี ตอนนั้นไปอบรมเกี่ยวกับความมั่นคง ของ กอรมน. เนื้อหาของการอบรมเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการต่อสู้กับขบวนการคอมมิวนิสต์ ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นภัยร้ายหนึ่งของประเทศ
แน่นอนครับ การรู้เขา เป็นการศึกษาคู่แข่งของเรา ว่าเขาเป็นอย่างไร ทำอะไรได้แค่ไหน มีแนวโน้มจะทำอะไรต่อไปในอนาคต เพื่อที่เราจะได้วางแผนการแข่งขัน ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง หรือต่อสู้ได้อย่างทันเกม การรู้เขา เป็นสิ่งที่ผมได้ใช้จริง เมื่อคราวที่ร่วมหุ้นกับเพื่อนๆในการจัดตั้งธุรกิจของตัวเอง เมื่อสองปีที่ผ่านมา
การรู้เรา เป็นการรู้ว่า เราเองอยู่ในสถานการณ์ไหน ทำอะไรได้แค่ไหน อย่างไร มีข้อจำกัดด้านไหนบ้างที่เราต้องแก้ไข มีเรื่องอะไรที่เป็นจุดแข็ง สามารถใช้ในการแข่งขันได้ดี
การประมวลในภาพรวม ระหว่างการรู้เขา และการรู้เรา ทำให้เกิดกลยุทธที่จะใช้ในการแข่งขันที่เหมาะสม ระหว่างนั้น เราก็ติดตามการเปลี่ยนแปลงในตลาดว่า ยุทธวิถีที่ใช้นั้น ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งต่อตัวเรา และคู่แข่งของเราอย่างไร เพื่อประเมินสถานการณ์ของเคมเปญที่ใช้ในการเสนอขาย
คำถามที่น่าสนใจคือ ระหว่างรู้เขา กับ รู้เรา อะไรสำคัญกว่ากัน
ในความเห็นส่วนตัว ผมเชื่อว่าการรู้เขา เป็นสิ่งสำคัญต่อการต่อสู้ครับ แต่การรู้เราน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า เพราะการรู้เรา จะกำหนดวิธีการต่อสู้ และรู้ว่าในสถานการณ์ใด เราควรต่อสู้อย่างไร ควรหลบ ควรหลีก หรือควรปะทะตรงๆ
การที่จะรู้เขา เป็นสิ่งที่ไม่ยากเกินความพยายามครับ แต่การรู้จักตัวเราบางครั้งก็เป็นความยากเย็นเข็นใจ มีใครบ้างครับ ที่รู้จักตัวตนของตัวเองเป็นอย่างดีสวัสดีค่ะคุณไมโต
ขอบคุณค่ะ ข้อคิดเตือนใจในยามเจอศึกที่ใหญ่กว่า
สวัสดีค่ะคุณหมอ และคุณไมโต
คุณหมอรีบกลับไปดูคนไข้นะคะ
สวัสดีค่ะ คุณไมโต,
เป็นประเด็นที่น่าสนใจมากค่ะ ขอร่วมคิดด้วยคนนะคะ
คิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะ "รู้เรา" น่ะค่ะ
เพราะถ้า "รู้เรา" จริง ๆ แล้ว
บางทีก็ไม่ต้อง "รบ" ด้วยซ้ำไปค่ะ
แต่อันนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องของปัจเจกเกินไป
ถ้าในเชิงธุรกิจ คิดว่ายังไง win-win situation มันก็มี
มี Game Theory รองรับด้วยซ้ำ
นั่นก็คงต้องทั้งรู้เขา และ รู้เรา
แต่ในที่สุดแล้ว
ถ้าจะให้วนมาเข้าเรื่องถึงการรบจริง ๆ
เหมือนคุณไมโตเปิดประเด็นไว้ตอนแรกนั้น
ก็จะคิดว่าพระพุทธพจน์นี้น่าจะเหมาะนะคะ
"....ชนะศัตรู พันคน พันครั้ง
ก็ยังไม่จัดว่าเป็นยอดขุนพล
ต่อเมื่อใดชนะใจตนเพียงหนึ่งคน
จึงจัดว่าเป็นยอดขุนพลอย่างแท้จริง...."
สวัสดีค่ะ,
ณัชร
เน็ตเริ่มคล่องแล้วค่ะ
คิดว่า รู้เรา สำคัญและยากกว่ามากเลยครับ
เห็นด้วยกับคุณณัชร ในเรื่องสุดยอดการรบ คือการไม่รบ ครับ
เคยอ่านเจอในหนังสือแมงกระพรุนถนัดซ้าย ของ พี่จิก (ประภาส ชลศรานนท์) และ Capture ความรู้เก็บไว้ เห็นว่าเข้ากันได้ เลยเอามาฝากครับ
ใน ตำราพิชัยสงครามของซุนวู โดย แกรี่ แกเกลียดิ ของบริษัท เออาร์ บิซิเนสเพรส จำกัด มีหลายประโยคจากตำราพิชัยสงคราม ที่พี่จิกนำเสนอ ที่โดนใจ เช่น
"รู้เขารู้เรา ร้อยรบมิรู้พ่าย"
"บุกต้องมิหวังคำยกย่อง ถอยต้องมิกลัวอับอาย"
"จุดอ่อนห้าประการของแม่ทัพคือ
สู้ตายอาจถูกฆ่า
กลัวตายอาจถูกจับ
ฉุนเฉียวอาจถูกยั่ว
เย่อหยิ่งอาจถูกหยาม
ขี้สงสารอาจถูกก่อกวน"
แต่ที่เป็นสุดยอดประโยคที่คมที่สุดในตำราสงครามเล่มนี้ คือ
"รบร้อยชนะร้อย ยังหาใช่ความยอดเยี่ยมไม่
มิต้องรบแต่ชนะได้ จึงเป็นความยอดเยี่ยม"
พีจิกแกบอกว่าซุนวูเป็นนักปรัชญามากกว่านักการทหารประมาณขงเบ้งนั้นเลย ท่าจะจริง
อาจารย์หมอสมบูรณ์ครับ
คุณอรครับ
อาจารย์ paew ครับ
คุณ ณัชร ครับ
ครูอ้อยครับ
คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนามครับ
อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณไมโต
คุณไมโตค่ะ
ตกลงวันนี้ที่ให้ไปเปิดได้รึเปล่าค่ะ ถ้าเปิดไม่ได้บอกด้วยนะคะ ดิฉันจะได้ตามไปเปิดให้
สวัสดีอีกทีค่ะ คุณไมโต,
ขอบพระคุณค่ะ ที่กรุณาตอบข้อคิดเห็น
แต่สงสัยตัวเองจะเขียนไม่เคลียร์เอง
เพราะจริง ๆ สิ่งที่นำมาเสนอหนแรกทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวกับการ "ชนะ" เลยสักอย่างค่ะ
ลองอ่านดี ๆ อีกครั้งนะคะ :)
จริง ๆ แล้ว ตั้งใจจะบอกว่า
ตัวเองคิดว่า การ รู้เรา นั้น น่าจะเป็นสิ่งที่เริ่มต้นทำก่อน
เพราะบางที พอ "รู้เรา" แล้ว อาจไม่ต้องรบ
มาถึงจุดนี้ ไม่ต้องรบ ไม่จำเป็นว่า ต้องแปลว่า ต้องมีการ "ชนะ" เกิดขึ้นน่ะค่ะ
เพราะมันอาจหมายถึง การพัฒนาจากแค่การ
"รู้เรา"
ไปเป็น
"รู้"
เฉย ๆ
ในแง่ของการ "ตื่นรู้" น่ะค่ะ
เพราะถ้าไม่มี "เรา" ได้เมื่อไหร่แล้ว......
" ........"
เติมคำในช่องว่างเอาเองก็แล้วกันนะคะ
สวัสดีค่ะ,
ณัชร
คุณไมโต ค่ะ
ยังไง พรุ่งนี้ จะ list รายชื่อหนังให้นะคะ แล้วถ้าสนใจเรื่องไหน บอกมาได้เลย จะให้น้อง ๆ ฝึกงานช่วยโหลดให้ค่ะ