AnthroCat-Thailand
นาย ปรัชญาณินทร์ วงศ์อทิติกุล

ไม่รู้จะตั้งชื่อว่าอะไรดี (อารมณ์เสีย)


เอ๊า....แล้ว พ่อแม่นักเรียน ลุงป้าน้าอา ไม่ใช้ “คน” หรือทำไมพวกเขาต้องถูกเลือกปฏิบัติ เช่นนี้

เคยสอบถาม ชาวบ้านหลายต่อหลายครั้ง และถามทุกครั้งที่คุยกัน (ออกจะบ่อยเกินไป หรือเปล่า ไม่ทราบ แต่อยากถาม เผื่อจะได้ ข้อมูลใหม่ ๆ) ถามว่า “คิดไหมว่าทำไมไม่ได้สัญชาติกันสักที”

                 คำตอบคือ “มะ สิ ยะ ยะ” และก็ตามมาด้วย “ไปถามทางอำเภอ อำเภอก็บอกว่า ในพื้นที่ ยังคงมีคนเสพยาเสพติด”

                 ผมก็กลับมานั่งคิด “คนหนึ่งคน” ถูกตีขลุมไปเป็น “คนทั้งหมด” ที่ “เป็นกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด” ออกจะบ้าไปหน่อยหรือไม่????

                 แล้ว ถ้ามี “คน” เช่นนั้นจริง ก็เป็นเรื่องของคน ๆ นั้นสิ ไม่ใช่ “เหมายกโหล” แบบนี้

                 ให้คำตอบมาแบบไม่ สร้างสรรค์ แบบนี้ ชาวบ้านเขาก็รู้ ว่า “บ่ายเบี่ยง และ ไม่จริงใจ”

                คำตอบต่อมา “เขาจะให้กับคนที่เป็นนักเรียนที่เรียนหนังสือก่อน ให้พ่อแม่”

               เอ๊า....แล้ว พ่อแม่นักเรียน ลุงป้าน้าอา ไม่ใช้ “คน” หรือทำไมพวกเขาต้องถูกเลือกปฏิบัติ เช่นนี้

          “คน” แม้จะมีความหมายเชิงกริยา ว่า “การทำให้เข้าผสมกัน ทำให้ไม่เป็นระเบียบ ทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่เมื่อ “คน”แล้ว มันก็เข้ากันได้ไม่ใช่หรือ แต่นี้ “คน” ที่ว่า คือ คนที่มีชีวิต มีจิตใจ มีภาษา มีความรู้ ก็แสดงว่า เขาเป็น “คน” เป็น “มนุษย์” เช่นเดียวกับ “คนอื่น ๆ” ในที่อื่น ๆ ใช่ไหม ???? หรือพวกท่าน มิใช่ “คน”  

                อีกเหตุผลหนึ่งที่อ้างเพื่อยับยั้งการให้สัญชาติแก่ คนที่ยื่น ระเบียบ ๔๓ ก็คือ “ได้สัญชาติแล้วไปนอกกันหมด” ส่วนหนึ่งก็เป็นสิทธิของเขา ส่วนหนึ่งก็น่าเศร้าใจที่ จะได้คนช่วยพัฒนาท้องถิ่นและประเทศ มันเป็นดาบสองคมบนมุมมองของสองฝ่ายจริง

                 ถึงแม้ไป ก็ใช่ไปทั้งชีวิต เท่าที่เห็นและรับทราบมา อย่างมาก ก็ ๒-๓ ปี ก็กลับมา ทำไร่ทำนาและเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศเหมือนเดิม

                ไหนก็เคยประกาศว่า คนที่ไปทำงานต่างประเทศ ช่วยประเทศ นำเงินตราเข้าประเทศ  แล้วตอนนี้กับพลิกลิ้นเล่นคำ มันน่าสมเพช

                 บ่นไปก็ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะ ที่บ้านของท่าน ใช้ “ช้อนอันโต” ตักอะไรต่อมิอะไรใส่ปากรับประทาน เลยจะเอามาแคะขี้หู ออกจากรู ให้เสียงมันดังเข้าไปไม่ได้เสียแล้ว

หมายเลขบันทึก: 73425เขียนเมื่อ 19 มกราคม 2007 12:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:05 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
มะ สิ ยะ ยะ เป็นคาถาอะไรเหรอคะ 555

มะสิ ยะ  น่าจะเป็นภาษาลาหู่ บอกว่า "ไม่ทราบ ไม่รู้"

บ่นได้สนุกน่าติดตามครับ

ภาษาอาข่าครับ

ภาษาอาข่ากับภาษาลาหู่ มีความใกล้เคียงกันครับ คงจะเหมือนภาษาไทยกลาง-ไทยเหนือ

ไทยเหนือ-ไทยอิสาน

มะสิยะ - - - ไม่รู้ ไม่ทราบ

 

 

ขออารมณ์เสียด้วยคน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท