ชีวิตที่ตายไป


หากเราทำใจให้สงบ ใคร่ครวญให้ดีก็จะพบว่า แท้จริงแล้วความตายได้ไล่ล่าติดตามชีวิตเราอยู่ทุกวินาที
ทุกวินาทีที่ผ่านไป ไม่ว่าที่ใหน มุมใดของโลก ใกล้หรือไกล ชีวิตมากมายได้อำลาจากโลกใบนี้ ด้วยหลากหลายสาเหตุ วันนี้ ความตายได้ถูกนำมาใกล้ๆให้ได้ยล สัมผัสได้ถึงรังสีแห่งความตายที่คุกคาม มันได้นำมาซึ่งความหวาดกลัวอย่างมาก ทั้งๆที่หากเราทำใจให้สงบ ใคร่ครวญให้ดีก็จะพบว่า แท้จริงแล้วความตายได้ไล่ล่าติดตามชีวิตเราอยู่ทุกวินาที ชีวิตของเรา ณ อายุ 1 ขวบ ได้จากเราไปแล้ว และมนุษย์เราที่มีชีวิตผ่านอายุ 1 ขวบไปแล้วไม่สามารถที่จะย้อนกลับไป มีชีวิต ณ อายุวัยนั้นได้อีก ผ่านไปแล้ว ผ่านไปเลย และแม้กระทั้งเวลา ณ ยามเย็นก่อนหน้านี้ของเราก็ได้อำลาจากเราไปอย่างไม่อาจหวนกลับมาอีก จะเห็นได้ว่า "ความตายได้ไล่ล่าชีวิตของเราวินาทีต่อวินาที"ทีเดียว แต่ความสนุกสนานแห่งมายาชีวิตบนโลกนี้ได้ทำให้ "ความจริง"นี้ไม่ถูกพบเห็น แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นใกล้ๆเราทุกวินาทีก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือที่ใหนก็ตาม มันได้ทำให้"สัจจธรรม"นั้นชัดเจนดั่งตะวันยามเที่ยง จนเรามองเห็นด้วยตาธรรมดาของเรา และมันได้ขยายเสียงของมันให้ดังขึ้น จนเราได้ยินด้วยหูธรรมดาของเรา น่าเสียดาย น่าเสียดาย น่าเสียดาย กับวันเวลาที่ผ่านไป หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ "ชีวิตที่ตายไป" "โอ้ อ.อาลัม เอ๋ย จงใช้เวลา หรืออีกนัยหนึ่ง ชีวิตที่มีอยู่ ณ วินาทีนี้อย่างดีที่สุด ด้วยการทำในสิ่งที่ดีที่สุด อย่างสุดความสามารถ ก่อนที่...ก่อนที่ชีวิตนั้นจะถูกห้ามสำหรับโลกนี้" ทำให้นึกถึงวจนะของท่านศาสดา มุหัมมัด (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน)ที่กล่าวไว้สรุปได้ว่า "แม้ว่าโลกนี้กำลังจะแตกสลายไป หากในมือของท่านมีกล้าของต้นอินทผลัมอยู่ ก็จงปลูกมันเถิด"
หมายเลขบันทึก: 72980เขียนเมื่อ 16 มกราคม 2007 22:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท