การประชุมวิชาการรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล 2007 เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้อีก ๒ ด้านของผม
(๑) วิธีทำงานโดยหลายฝ่าย ที่มีวัฒนธรรมการทำงานที่แตกต่างกันมาก ได้แก่ฝ่ายกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักงานเลขาธิการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งมีการปรึกษาหารือกับ คณะกรรมการจัดงาน ที่มาจากหลายหน่วยงานทั่วโลก
ผมมองว่าตัวยึดโยงคนที่คิดต่างเข้ามาทำงานด้วยกันโดยยอมอดทน และยอมรับมติที่บางทีตนเองก็ไม่เห็นด้วย คือคุณค่าต่อโลก และการได้ทำงานถวายในหลวง สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ และสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ฯ
(๒) วิธีทำงานที่จะให้เกิดผลในการส่งสัญญาณเชิงนโยบาย ไปยังประชาคม/ภาคีสุขภาพ ทั่วโลก จากการทำงานของประเทศเล็กๆ
การประชุมวิชาการรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล 2007 จัดในวันที่ ๑ - ๒ ก.พ. ๒๕๕๐ ที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนสปาร์ก ในหัวข้อ "การเข้าถึงเทคโนโลยีด้านสุขภาพสำหรับโรคที่ถูกมองข้ามและคนที่ถูกละเลย" (Improving Access to Essential Health Technologies: Focusing on Neglected Diseases, Reaching Neglected Populations)
การได้ร่วมประชุมหารือเตรียมการจัดงานนี้หลายครั้ง หลายบรรยากาศ ทำให้ผมมองเห็นชัดว่า วงการวิชาการเรามักเข้าใจผิด คิดว่าการค้นคว้าหาความรู้ หรือการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ จะนำไปสู่การแก้ปัญหาของมนุษย์อย่างทั่วถึงได้โดยตัวของมันเอง ความคิดเช่นนี้ผิดครับ
ในความเป็นจริง โลกเราเต็มไปด้วยคน/กลุ่ม/ประเทศ ที่ครอบครองผลประโยชน์จากความก้าวหน้าใหม่ๆ ทางวิชาการทุกประเภท รวมทั้งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในการดูแลสุขภาพด้วย ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในการดูแลสุขภาพหลายอย่าง ไม่กระจายไปสู่คนในประเทศยากจน และกลุ่มคนที่ไม่มีกำลังซื้อ คนเหล่านี้กลายเป็นคนที่ถูกละเลย และการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ มันก็ลำเอียงตั้งแต่ต้นแล้ว คือแรงจูงใจหลักในการคิดค้นคือกำไรจากการลงทุน จึงมักจะเน้นคิดค้นเทคโนโลยีสำหรับดูแลสุขภาพของกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อเป็นหลัก โลกเราเกิดสภาพที่มี "โรคที่ถูกมองข้ามและคนที่ถูกละเลย" (Neglected Diseases & Neglected Populations)
การประชุมวิชาการรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล 2007 ในสายตาของผม จึงเป็นการประชุมวิชาการเพื่อแก้ปัญหาความลำเอียงของโลก เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาอันเกิดจากลัทธิทุนนิยมสุดขั้ว เป็นการประชุมวิชาการเพื่อมนุษยธรรม การทำงานจัดการประชุมจึงมีคุณค่าสูงมาก และให้ความชุ่มชื่นในหัวใจแก่ผมสูงมาก แม้ผมจะมีส่วนออกความคิดไม่มากเพราะไม่มีความรู้
วิจารณ์ พานิช
๑๔ ม.ค. ๕๐
แก่งกระจาน เพชรบุรี
ไม่มีความเห็น