condom12


การพัฒนา

ปัจจุบัน ถุงยางอนามัยได้มีการพัฒนาให้มีรูปร่าง สีสัน และกลิ่นต่างๆออกมาให้เลือกใช้กันหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบได้เน้นวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกัน ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นอารมณ์รักให้เร้าใจยิ่งขึ้น โดยขึ้นอยู่กับสรนิยมของแต่ละท่านว่าจะเลือกใช้แบบไหน

     ถุงยางอนามัยที่จำหน่ายในประเทศไทยจะมีทั้งแบบผิวเรียบและไม่เรียบ มีสารหล่อลื่น ผสมสารฆ่าเชื้ออสุจิ มีหลายสี รวมทั้งยังมีกลิ่นและรสผลไม้ให้เลือกตามความพอใจ แต่สำหรับต่างประเทศถุงยางอนามัยที่จำหน่ายจะมีแบบแปลกๆให้เลือกหลายชนิด เช่นแบบเรืองแสงในที่มืด แบบริวไม่เรียบที่มีลักษณะรูปร่างที่แปลกๆ เพื่อเน้นการกระตุ้นจุดสัมผัสรักให้ฝ่ายหญิงโดยเฉพาะ

      ขนาดถุงยางอนามัยโดยทั่วไป จะมีขนาดตั้งแต่ 44-56 mm ความหนา 0.05-0.08 mm โดยมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 200 mm (ตามข้อกำหนดต้องยาวไม่ต่ำกว่า 160 mm) แต่ที่วางจำหน่ายสำหรับคนไทย ส่วนใหญ่จะมี 2 ขนาดคือ 49 mm และ 52 mm (ขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ แอบเข้าข้างคนไทยนิดหน่อย)
    
     การวัดขนาดของถุงยางอนามัย จะใช้วิธีการวางถุงยางให้แบนราบกับพื้นและวัด หรืออีกความหมายหนึ่งนั่นคือการวัดเส้นรอบวงและหารด้วยสองนั่นเอง 

     ดังนั้นคุณสามารถวัดขนาดเส้นรอบวงของอวัยวะเพศคุณและหารด้วยสอง ก็จะได้ขนาดอ้างอิงในการเลือกซื้อถุงยางอนามัย เช่นเส้นรอบวงของคุณคือ 152 mm (ประมาณ 6 นิ้ว) หารด้วยสอง เท่ากับ 76 mm เมื่อซื้อถุงยางอนามัย คุณก็สามารถเลือกซื้อแบบ 52 mm ได้เพราะถุงยางอนามัยจะมีการขยายตัวอีก ทำให้คุณสามารถใช้ขนาดนี้ได้โดยไม่อึดอัด


     การใช้ถุงยางอนามัยจุดประสงค์หลักคือ การคุมกำเนิดและการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมทั้งไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันที่เชื่อถือได้

     การเลือกใช้ถุงยางอนามัยมีขั้นตอนดังนี้
     1. วัดขนาดของตนเองก่อนว่าเหมาะกับถุงยางอนามัยขนาดไหน
     2. เลือกชนิดที่ต้องการ เช่นผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ สีและกลิ่นที่ชอบ
     3. ดูวันที่ผลิตและวันหมดอายุ รวมทั้งลักษณะการจัดเก็บของร้านว่าจะมีส่วนทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมหรือไม่
     4. เมื่อได้ถุงยางอนามัยแล้วก่อนใช้งานควรเก็บไว้ในที่ที่เหมาะสมไม่โดนความร้อน เช่นเก็บในรถที่จอดตากแดด

     ขั้นตอนการใช้งาน
     1. การใส่ถุงยางที่ถูกต้องคือต้องใส่ในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวอย่างเต็มที่
     2. การฉีกซองต้องระวังอย่าให้ถูกขีดข่วนจากเล็บ ขอบซองบรรจุ รวมทั้งเครื่องประดับเช่นแหวนและนาฬิกา
     3. คลี่ถุงยางออกโดยประมาณ 2 ซม. ระวังอย่าคลี่ถุงยางออกผิดด้าน
     4. บีบที่ปลายกระเปาะเพื่อไล่อากาศออก ป้องกันถุงยางแตกในขณะร่วมเพศ
     5. ก่อนใส่ให้รูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศให้เปิดเต็มที่และนำถุงยางอนามัยมาครอบที่ส่วนหัว โดยยังบีบที่ปลายกระเปาะอยู่
     6. ค่อยๆรูดถุงยางอนามัยให้สุดโคน โดยสังเกตุว่าที่ปลายกระเปาะจะต้องแบนไม่มีอากาศ
     7. หลังจากนั้นก็ xxx
     8. เมื่อเสร็จกิจแล้ว ให้รีบถอนอวัยวะเพศก่อนที่จะอ่อนตัว เพราะจะทำให้อสุจิรั่วออกมาและอาจไหลไปที่ปากช่องคลอดได้ (ถ้าบังเอิญมีตัวที่เก่งสามารถวิ่งมาราธอนได้อะไรจะเกิดขึ้นล่ะ) โดยให้จับที่ขอบถุงยางอนามัยไว้ด้วยเพราะอาจจะถูกหนีบจนหลุดได้ในขณะที่ถอนอวัยวะเพศออก โดยระวังอย่าให้น้ำหล่อลื่นจากฝ่ายหญิงถูกที่อวัยวะเพศและมือ เพราะอาจจะทำให้ติดโรคติดต่อได้
     9. ห่อด้วยกระดาษทิชชูและทิ้งลงถังขยะ อย่าทิ้งลงในชักโครกเพราะจะทำให้ชักโครกตันได้

คำสำคัญ (Tags): #nang4
หมายเลขบันทึก: 72231เขียนเมื่อ 12 มกราคม 2007 09:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มีนาคม 2012 16:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ดีมากๆเลยค่ะขอชื่นชม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท