เสคคุชาดก


ว่าด้วย การได้รับทุกข์จากผู้เป็นที่พึ่ง

เสคคุชาดก

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

๗. เสคคุชาดก (จากพระไตรปิฎก ลำดับเรื่องที่ ๒๑๗)

ว่าด้วยนางเสคคุ

             (อุบาสกได้กล่าวกับลูกสาวผู้กำลังคร่ำครวญอยู่ว่า)

             [๑๓๓] สัตวโลกทั้งหมดมีความพอใจในการเสพกาม แม่เสคคุเอ๋ย เจ้าไม่รู้เรื่องของชาวบ้าน แม่เด็กน้อย การที่เจ้าถูกพ่อจับมือในป่าใหญ่ แล้วร้องไห้คร่ำครวญนั้น มันเป็นอย่างไรสำหรับเจ้าในวันนี้

             (กุมารีฟังคำนั้นแล้วคร่ำครวญกล่าวว่า)

             [๑๓๔] ยามเมื่อฉันมีความทุกข์ คนที่เป็นที่พึ่งคือบิดาของฉันเอง แต่กลับประทุษร้ายฉันในป่า ฉันจะคร่ำครวญหาใครเล่าในท่ามกลางป่า คนที่จะช่วยเหลือฉันได้กลับทำกรรมที่น่าบัดสีเสียเอง

เสคคุชาดกที่ ๗ จบ

-------------------------

คำอธิบายเพิ่มเติมนำมาจากบางส่วนของอรรถกถา 

เสคคุชาดก

ว่าด้วย การได้รับทุกข์จากผู้เป็นที่พึ่ง

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภอุบาสกผู้ขายผักผู้หนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
               เรื่องราวพิสดารอยู่ในเอกนิบาตนั้นแล้ว.
               แม้ในทุกนิบาตนี้ พระศาสดาตรัสถามอุบาสกนั้นว่าดูก่อนอุบาสก ทำไมหายไปนานนัก. อุบาสกกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ลูกสาวของข้าพระองค์มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ ข้าพระองค์ลองทดลองดู แล้วจึงยกให้เด็กหนุ่มของตระกูลผู้หนึ่ง เพราะมัวจัดการเรื่องนั้นอยู่ จึงไม่ได้โอกาสมาเฝ้าพระองค์. ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะอุบาสกนั้นว่า ดูก่อนอุบาสก ลูกสาวของท่าน มิใช่เป็นผู้มีศีลในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อน ก็มีศีล และท่านก็ทดลองนางแล้วเหมือนกัน แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
               ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นรุกขเทวดา. ในกาลนั้น อุบาสกขายผักผู้นี้แหละคิดจะทดลองลูกสาว จึงนำเข้าป่าแล้ว จับมือทำเป็นต้องการด้วยอำนาจกิเลส.
               ลำดับนั้น อุบาสกได้กล่าวกะลูกสาวผู้คร่ำครวญอยู่ ด้วยคาถาแรกว่า :-
               สัตว์โลกทั้งปวง เป็นผู้พอใจในการเสพกาม ดูก่อนแม่เสคคุ เจ้าเป็นผู้ไม่ฉลาดในธรรมของชาวบ้าน ความที่เจ้าเป็นนางกุมารี ถูกบิดาจับมือในป่าชัฏร้องไห้อยู่ในวันนี้ เป็นธรรมดา.
               กุมารีฟังคำนั้นแล้ว กล่าวว่า จริงจ้ะพ่อ ลูกยังเป็นเด็กหญิงอยู่ แล้วคร่ำครวญกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
               เมื่อฉันได้รับทุกข์แล้ว ผู้ใดเป็นที่พึ่งได้ ผู้นั้นคือบิดาของฉัน กลับมาทำกรรมมิดีมิร้ายฉันในป่า ฉันจะคร่ำครวญหาใครในป่าได้อีกเล่า ผู้ใดเป็นที่พึ่งได้ ผู้นั้นกลับมาทำฉันถึงสาหัส.
               อุบาสกขายผักนั้นลองใจลูกสาวในครั้งนั้นด้วยประการฉะนี้แล้ว จึงพาไปบ้าน ยกให้เด็กหนุ่มแห่งตระกูล แล้วไปตามยถากรรม.
               พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม ทรงประชุมชาดก.
               เมื่อจบสัจธรรม อุบาสกขายผักได้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล
               ลูกสาวในครั้งนั้น ได้เป็น ลูกสาวในครั้งนี้ นั่นเอง
               ส่วนรุกขเทวดาผู้ทำเหตุนั้นให้ประจักษ์ คือ เราตถาคต นี้แล.

               จบ อรรถกถาเสคคุชาดกที่ ๗

--------------------------------

 

หมายเลขบันทึก: 718202เขียนเมื่อ 14 พฤษภาคม 2024 04:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม 2024 04:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท