สรุป สารคดี The Doomsday Cult of Antares de la Luz : ลัทธิวันสิ้นโลก (2024 Netflux) สารคดีเจ้าลัทธิคลั่งจากชิลี


สรุป สารคดี The Doomsday Cult of Antares de la Luz : ลัทธิวันสิ้นโลก (2024 Netflux) สารคดีเจ้าลัทธิคลั่งจากชิลี

#เกริ่นนำ
The Doomsday Cult of Antares de la Luz : ลัทธิวันสิ้นโลก ได้นำเสนอภาพยนตร์สารคดีที่นำเสนอเกี่ยวกับลัทธิคลั่ง จากประเทศชิลี ซึ่งก่อความระทึกขวัญสั่นประสาทให้กับผู้คนในประเทศแถบลาตินอเมริกาเป็นอย่างมากเมื่อปี 2012 โดยใช้ความเชื่อเรื่องวันโลกาวินาศหรือวันสิ้นโลกที่จะเกิดขึ้นมาควบคุมเหล่าสาวก ชื่อว่าลัทธิกอลลิกวัย (Colliguay Cult) ก่อตั้งโดย ราโมน กัสติลโล กาเต ชายที่เชื่อว่าเป็นคนพิเศษหรือต้องการทำสิ่งที่แตกต่างในชีวิต และเพื่อสร้างความสงบสุขให้กับมนุษย์และโลกใบนี้ จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น อันตาเรส เด ลา ลุซ หรือ ผู้เป็นดังแสงสว่างของกลุ่มดาวราศรีพิจิก

ดูคลิปสรุปได้ที่นี่

ติดตามการผงาดขึ้นและการล่มสลายของผู้นำที่รู้จักกันในชื่อ อันตาเรส ผ่านการสัมภาษณ์อดีตสมาชิกและผู้ใกล้ชิดหลายคน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและทนายความที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ เชื่อเถอะว่านี้คือเรื่องราวของลัทธิวันสิ้นโลกที่เหลือเชื่อว่าคนจะศรัทธาและยอมทำตามคำสั่งเจ้าลัทธิเกินจะจินตนาการได้ แม้กระทั้งตำรวจผู้ทำคดียังกล่าวว่า "นี่คือคดีที่สร้างความสะเทือนใจในแง่ความโหดร้ายของมนุษย์ที่ทำกระทำต่อกัน"

#นางสาวที่หายไปในลัทธิวันสิ้นโลก
สารคดีเริ่มเล่าเรื่องราวในเดือนธันวาคม ปี 2012 มีผู้หญิงคนหนึ่งมาที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนชิลีว่า น้องสาวของเธอได้เข้าไปร่วมลัทธิคลั่งแห่งหนึ่งแล้วก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จึงขอร้องให้ทางตำรวจช่วยตามหาน้องสาวของเธอ ซึ่งทางตำรวจเองก็เข้าใจว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับลัทธิในชิลีนั้นมีช่องว่างอยู่มาก เช่นกำหนดว่าห้ามเลือกปฏิบัติต่อผู้ใดเนื่องจากความเชื่อทางศาสนา และก็ไม่ได้มีข้อจำกัดใดมากไปกว่านั้น ดังนั้นการสืบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับลัทธิจึงมีความซับซ้อน กว่าคดีฆาตกรรมหรือคดีคนหายโดยทั่วไป และนี่ก็เป็นคดีอาชญากรรมแบบใหม่ที่ทางตำรวจสืบสวนทุกคนไม่เคยเจอมาก่อน ไม่มีความรู้และไม่รู้ว่าจะสืบเรื่องลัทธิยังไงต่อไป จากการสืบลัทธิกอลลิกวัย ตำรวจก็พบว่ามีการฆาตกรรมเกี่ยวข้องด้วย พบว่ามีกระดูกของมนุษย์อยู่ในพื้นที่ และนั่นก็เป็นหลักฐานชัดเจนว่าเกิดการเกิดฆาตกรรมขึ้นในพื้นที่ของกอลลิกวัย

จากนั้นได้เดือนเมษายนปี 2013 อัยการจากนครซันติอาโก ได้โอนคดีใหญ่มายังสำนักงานอัยการ กิลปูเอ ชิลี โดยตำรวจผู้ทำการสืบสวนคดี ได้สืบคดีฆสตกรรมทีเกี่ยวข้องกับลัทธิกอลลิกวัย ตั้งแต่ปลายปี 2012 แล้ว และแน่นอนว่าทางสำนักงานตำรวจสืบสวนรวมถึงสำนักงานอัยการกิลปูเอ ก็รู้ว่าลัทธิกอลลิกวัยมีความไม่ชอบมาพากลมาแต่ไหนแต่ไร สำนักงานอัยการจึงทำการออกหมายจับสมาชิกหนุ่มสาวหลายคนของลัทธิกอลลิกวัยทันที

จากการสอบปากคำทำให้ตำรวจรู้ว่าบุคคลที่น่ากลัวที่สุดของลัทธิคือ ปาโบล อันดูร์รากา รองผู้นำลัทธิกอลลิกวัย เขาได้ให้สัมภาษณ์กับทางทีมสารคดีว่าการเข้ามาในลัทธิทำให้เขารู้สึกว่ามีครอบครัว และมันคือความสุขหนึ่งเดียวในชีวิตของเขา แล้วเขาจะทำทุกอย่างเพื่อรับใช้สิ่งที่สูงส่งกว่า รับใช้แสงสว่างความรักและเพื่อชำระล้างโลกทั้งใบ ทั้งชีวิตของเขาไม่เคยผูกพันกับสิ่งใดมาก่อนนอกจากลัทธิกอลลิกวัย และ อันตาเรส ผู้นำลัทธิ

#ปาโบลอันดูร์รากา
พ่อของปาโบล อันดูร์รากา ได้พูดถึงลูกชายของเขาว่า ในอดีตเป็นเด็กที่มีความสุขมาก ผู้พันอยู่กับธรรมชาติมาก มีความสุขจนกระทั่งเริ่มเข้าเรียนหนังสือ ในขณะที่เรียนในโรงเรียนมีหลายอย่างเกิดขึ้นที่เป็นภัยแก่ตัวเอง อันเนื่องมาจากเขาเป็นคนตัวเล็ก ใส่เหล็กดัดฟันและใส่แว่น ไม่ชอบเล่นกีฬาเหมือนเพื่อนคนอื่น จึงไม่แปลกอะไรที่เขาจะตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งรังแกของเพื่อน ๆ วัน ๆ เขาก็จะวาดรูป และก็เป็นเด็กเนิร์ดชอบเรียนหนังสือ เรียนได้เกรดดี แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยทำให้เขาถูกรังแกได้เลย

ปาโบลไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงถูกรังแก ทำได้เพียงอย่างเดียวคือโกรธมาก แต่ก็ตอบโต้อะไรเพื่อนไม่ได้ และก็ไม่รู้จะจัดการกับอารมณ์ยังไง เมื่อเขามีอายุ 18 เขาก็เกิดอาการซึมเศร้า เขาเฝ้ารอและเก็บความอดทนเอาไว้จนเรียนจบชั้นมัธยม และเมื่อได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย เขาก็สามารถค้นพบสิ่งที่เขาชอบและสิ่งที่มาระงับความซึมเศร้าได้ก็คือเข้าหาดนตรี เขาตกหลุมรักมันทันที และเป็นนักร้องนำประจำวง เขาเริ่มมีแฟนและเริ่มมีเพื่อน จนกระทั่งในที่สุดเขาก็มีลูกกับแฟนสาวของเขา ซึ่งในขณะนั้นก็มีอายุเพียงแค่ 24 ปีเท่านั้น  เขาตั้งใจว่าอยากจะเป็นคนดีเพื่อลูก แล้วก็อยากให้โลกนี้ดีกับลูกของเขาด้วย

ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงเวลานั้นปาโบ ก็ได้รับรู้ว่าโลกนี้ไม่สงบ เต็มไปด้วยสงคราม ภัยธรรมชาติ อากาศแปรปรวน แท่นขุดเจาะน้ำมันดีปเวอร์เตอร์ฮอไรซันระเบิด ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถูกโจมตี เต็มไปด้วยสงครามก่อการร้ายและอัสมาบินลาเดน

ปาโบลเริ่มหาความสงบทางใจ โดยเริ่มฝึกพลังเรกิเพื่อบำบัด เริ่มศึกษาพุทธศาสนา หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่ศาสนาคริสต์แบบคาทอลิก แต่แล้ววันหนึ่งอาจารย์ผู้สอนวิชาเรกิของเขาก็แนะนำให้เขาไป workshop ที่กับ อันตาเรส บุคคลที่จะทำให้เขาเป็นผู้ตาม โดยศรัทธาอันเหนียวแน่นพร้อมจะทำทุกอย่างแบบไม่มีคำถาม

#อันตาเรสเดลาลุซ
ราโมน กัสติลโล กาเต คือชายที่ได้รับการยกย่องจากชุมชน เพนนาโลเลน ในชิลี และไม่ได้มีอะไรผิดปกติหรือพิเศษเกี่ยวกับตัวเขาเลย ราโมน ทำงานเป็นครูให้กับเด็กเล็กในหมู่บ้านและใกล้เคียง และค่อนข้างเป็นที่รู้จักในชุมชนของเขาเนื่องจากมีผลประโยชน์ทางสังคมและการเมืองที่เข้มแข็ง นอกจากนี้เขายังมีทักษะในการเล่นเครื่องดนตรีอย่างคลาริเน็ตและแซกโซโฟน ซึ่งทำให้เขาได้เป็นสมาชิกวงดนตรีชื่อ "อามารุ" ที่มีสมาชิกเป็นเพื่อนในมหาวิทยาลัยอีกสองสามคน ตั้งแต่วัยเด็ก ราโมนเคยต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดตามร่างกายที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งอย่างอธิบายไม่ได้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นอุปสรรค์ตลอดชีวิตของเขา และทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ทุกครั้งที่เกิดความเจ็บปวด

เพื่อกำจัดความเจ็บปวด ราโมนจึงได้ลอง อายาวัสกา (ayahuasca) ซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตและกดประสาทชนิดหนึ่ง ทำมาจากการต้มเคี่ยวลำต้นของเถาวัลย์และใบของไม้พุ่มชนิดหนึ่ง เป็นเวลานาน ใช้ในวัฒนธรรมพื้นบ้านโดยหมอยาในลุ่มแม่น้ำแอมะซอนและโอริโนโกเพื่อประกอบพิธีกรรมและรักษาโรคที่เกี่ยวกับจิตและกาย เดิมทีอายาวัสกามีจำกัดอยู่ในแถบลาตินิเมริกาประเทศเปรู, บราซิล, โคลอมเบีย และเอกวาดอร์ ก่อนที่จะเริ่มแพร่หลายไปยังประเทศบราซิล

นับตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20 ศาสนาและลัทธิเกิดใหม่มักจะใช้อายาวัสกาในทางพิธีกรรม เช่น ซังตูไดมี อูนีเยาดูเวเฌตัล และบาร์กีญา ซึ่งเป็นลัทธิที่ผสมผสานลัทธิเชมันแอมะซอน ศาสนาคริสต์ ลัทธิวิญญาณนิยม และศาสนาพื้นถิ่นชาวบราซิลเชื้อสายแอฟริกา  หลังจากนั้นมา อายาวัสกาได้แพร่หลายไปในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ยุโรปตะวันตก และเริ่มมีบ้างในยุโรปตะวันออก แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น

และแน่นอนว่าราโมนก็ใช้สมุนไพรตัวนี้รักษาตัวเองอยู่เสมอด้วย ซึ่งมันช่วยเขาจัดการกับความทุกข์ทรมานได้อย่างมาก  ค่อนข้างเป็นที่รู้จักว่าเป็นยาออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท แม้ว่าคนพื้นเมืองในหลายพื้นที่ของละตินอเมริกาจะใช้เป็นยาก็ตาม เป็นการใช้ อายาวัสกา ซ้ำหลายครั้งจนในครอบงำความติดของราโมน จนทำให้เขาเชื่อว่าเขาเป็นคนพิเศษหรือต้องการทำสิ่งที่แตกต่างในชีวิต

ในปี 2006 วงดนตรีของเขาราโมนเดินทางไปประเทศจีน ที่นั้นทำให้เขาสนใจในการแพทย์ทางเลือกในท้องถิ่น และศาสนาพื้นบ้าน เขาได้ใช้ชื่อเล่นทางลัทธิของเขาว่า "Antares of the Light"  หรือ "อันตาเรสแห่งแสงสว่าง" โดยอ้างอิงถึง Antares ซึ่งเป็นดาวที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาว แมงป่อง

และราโมนก็ละทิ้งชื่อของเขา ราโมน กัสติลโล กาเต และใช้ชื่อ อันตาเรส เด ลา ลุซ จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

อันตาเรสในฐานะนักศึกษาสาขาการสอนที่มหาวิทยาลัย เขามีความสนใจเป็นอย่างมากมายในตัวของคาร์ลอส คาสตาเนดา นักมานุษยวิทยาและนักเขียนชาวอเมริกัน หนังสือหลายเล่มที่บรรยายถึงหมอผีแม๊กซิโก และเรื่องเหนือธรรมชาติ รวมถึงให้ความสนใจในอารยธรรมมายา ที่มีความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลก นั่นมันทำให้เขาสามารถเรียบเรียงองค์ความรู้จนกลายเป็นรูปแบบเฉพาะตัวของตัวเองได้

#การเผยแพร่ลัทธิของอันตาเรส
เมื่ออันตาเรส ต้องการเผยแพร่ความรู้ของเขาเป็นครั้งแรก ด้วยแนวความคิดที่ว่า ต้องช่วยเหลือผู้คนรอบตัวเขา เขากังวลว่าจะสาทารถปลุกความรู้สึกทางจิตวิญญาณในตัวบุคคลเหล่านั้นได้หรือไม่ และทำให้พวกเขาตระหนักถึงสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้หรือไม่

เขาเห็นว่าในช่วงทศวรรษแรกของสหศวรรษ 2000 โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในรูปแบบต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเหล่านี้ค่อนข้างชัดเจน สิ่งแวดล้อมได้รับผลกระทบอย่างมากจากการใช้งานในทางที่ผิดโดยมนุษย์มานานหลายปี และการก่อการร้ายทั่วโลกก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นหัวข้อที่มีการพูดคุยกันอย่างมากในสื่อในช่วงเวลานั้น ทำให้ อันตาเรสเริ่มช่วยเหลือเพื่อนและคนใกล้ชิดด้วยเทคนิคการทำสมาธิและการตระหนักรู้ถึงตัวตนของตนเองที่แตกต่างกัน ซึ่งเขาอ้างว่าการเข้าถึงสมาธิและการเข้าถึงจิตใจเป็นจุดแข็งหลักของเขา ผู้ติดตามสองสามกลุ่มแรกของเขาคือเพื่อนแท้ของเขาเอง

ซึ่งทุกคนเริ่มรู้สึกถึงผลของคำพูดของอันตาเรสนั้นที่มีต่อพวกเขา และพวกเขาจึงค่อยๆ ส่งเสริมให้อันตาเรสเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ อันตาเรส มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเล็กน้อยภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งเป็นผลมาจากรูปลักษณ์และบุคลิกที่มีเสน่ห์ของเขาด้วย อันตาเรสและเพื่อนๆ มุ่งเป้าไปที่บุคคลที่สนใจในขบวนการรักความอิสระ การแสวงหาทางออกบางอย่างผู้คนในยุคสงครามเย็น และผู้ที่มองหาบทเรียนเรื่องจิตวิญญาณ จึงทำให้ผู้คนเข้าร่วมกลุ่มของเขาอันตาเรสจำนวนไม่น้อย แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงอันตาเรสได้ทุกคนเสมอไป

ปาโบล อันดูร์รากา ได้กลายเพื่อนที่ดีและสาวกที่ซื้อสัตย์ที่สุดของ อันตาเรส ในตอนนั้น กลายเป็นผู้ติดตามและแฟนตัวยงของเขาในเวลาไม่นาน และสิ่งที่ปาโบลทำให้กับอันตาเรส ทำให้ยกระดับอันตาเรสขึ้นไปอีกขั้น

ถึงตอนนี้การใช้สารอายาวัสกา กลายเป็นเรื่องธรรมดาในลัทธิ และในช่วงเวลาที่ใช้สารทำให้ปาโบลมีจินตนาการที่ไปไกลเกินสัมปชัญญะ เขามองเห็นอันตาเรสมีสภาวะต่างไปจากมนุษย์ทั่วไป มีสภาวะเป็นทิพย์ราวกับเป็นพระเยซูคริสต์ ในที่สุดเขาก็ถามก็อันตาเรสตรง ๆ ว่าเขาคือพระเจ้าหรือไม่ อันตาเรสมองว่านี่เป็นโอกาสที่จะยกระดับตนเองอย่างแท้จริง อันตาเรสจึงตอบไปว่าเขาเป็นอวตารของพระเจ้า แต่ไม่เหมือนกับอวตารครั้งก่อน ๆ เช่นพระเยซู พระพุทธเจ้า หรือพระกฤษณะ ที่อวตารมาเพื่อสอน แต่เขาองตารขึ้นมาเพื่อนสั่งให้มาุษย์ทำตาม อ้างว่าเขาหน้าที่เขาต้องกำจัดความมืดมิดที่ครอบงำโลกในขณะนั้นให้หมดไป

จากความเชื่อว่าพระเจ้ามาเกิดเป็นอันตาเรส ทำให้เขากลายเป็นศูนย์กลางและใช้ควบคุมผู้คนที่ศรัทธาเขาได้ เขาได้ย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของปาโบลในเมือง ซึ่งหมายความว่าปาโลจัต้องย้ายลูกชายออกจากสถานที่นั้นและสั่งให้เขาตัดสัมพันธ์กับลูกและเมียด้วย ปาโบล ต้องเอาสิ่งของที่เขารักทั้งหมดจะออกจากอพาร์ทเม้นท์ เฟอร์นิเจอร์และของประดับหลายชิ้นก็ต้องเอาไปทิ้ง แม้กระทั่งวิทยุโทรทัศน์และเครื่องเสียงแผ่นซีดีทั้งหมดก็ต้องเอาออกไปด้วย

ขณะที่อยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของปาโบล อันตาเรสได้สั่งให้ปาโบลนำแมวของเขาใส่ไว้ในกล่องแล้วโยนมันลงในคลอง เพียงเพราะมันตั้งท้อง เพียงเพราะผู้นำลัทธิสงสัยบอกว่าซาตาหรือลูซิเฟอร์อาจปรากฏตัวในรูปแบบของแมวก็ได้ ปาโบลก็ทำตามด้วยความเต็มใจ ใส่ให้ป่าโบลเลิกติดต่อกับลูกและเมีย และเลิกติดต่อกับพ่อแม่ของเขา ปาโบลก็ทำตามทุกคำสั่งด้วยความเต็มใจ เพราะเจาเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าอันตาเลสคือพระเจ้าจริง ๆ

นอกจากนี้ยังมีการใช้กฎที่ไม่เป็นธรรมชาติสำหรับผู้ติดตาม เช่น การมีการจำกัดกิจกรรมประจำชีวิต ไม่ให้ทำงาน ให้ออกมาจากงานเพื่อติดตามเขา ให้สาวกสละทรัพย์สินทางโลก โกนศีรษะ และไม่ติดต่อกับบุคคลภายนอกกลุ่ม สมาชิกคนไหนนอนหลับก็ห้ามเข้าใกล้ เพราะห่างไกลจากผู้ตื่นผู้รู้ผู้เบิกบาน อันตาเรสได้สร้างลัทธิของตนขึ้นมาอย่างชัดเจนแล้ว และจุดประสงค์ของผู้ติดตามของเขาคือการรับใช้เขาเป็นการส่วนตัว ผู้ติดตามยังได้รับมอบหมายให้ทำความเชื่อหลักของลัทธินี้ด้วยความเต็มใจ

เมื่อสาวกเกิดความศรัทธาอย่างไร้ความสงสัยแล้ว พวกก็ได้รับแจ้งว่าโลกจะสิ้นสุดอย่างแท้จริงในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ตามปฏิทินของชาวมายัน และพวกเขาจะต้องทำให้เทพเจ้ามีความสุขจนถึงเวลานี้ ผ่านการบูชายัญและพิธีกรรมต่างๆ เหล่าสาวกทุกคนจะได้รอดพ้นจากวันสิ้นโลก และไปอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า

จากนั้นอันตาเรสได้ย้ายฐานอีกครั้งโดยอ้างว่ามีบ้านที่ดีกว่ามีพลังเชิงบวกและออร่าอยู่ในนั้นมากขึ้นสำหรับกลุ่มของเขาที่จะตั้งถิ่นฐาน และที่สุดท้ายคือ กอลลิกวัย ชิลี

#สาวกเริ่มหันมาต่อต้าน
แม้ว่า อันตาเรส เด ลา ลุซ จะเริ่มแสดงและเรียกร้องให้มีการกระทำที่เป็นปัญหาอย่างยิ่ง แต่ผู้ติดตามของเขาถือว่าทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามหรือการแสดงความศรัทธาทางศาสนาที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด  นอกจากนี้เขายังเริ่มควบคุมทุกแง่มุมของชีวิตผู้ติดตาม โดยตั้งกฎเกณฑ์สำหรับเกือบทุกอย่างที่สาวกต้องปฏิบัติตาม เช่น

ชายและหญิงทั้งสิบสองคนที่ยังคงอยู่ในฐานะผู้ติดตามของเขา มักถูกสั่งให้เปลื้องผ้า เปลือยและมีส่วนร่วมในประเพณีที่ อันตาเลสทุบตีพวกเขาอย่างหนัก ทั้งหมดนี้ควรจะทำให้วันโลกาวินาศเป็นจริงและให้ความรอดแก่พวกเขาหลังจากการตายของพวกเขา แม้ว่าผู้ติดตามไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างความสัมพันธ์ใหม่ใด ๆ ภายนอกลัทธิ แต่บางคนก็เป็นคู่รักจากเมื่อก่อนและเข้าร่วมกลุ่มเป็นคู่แล้ว

อันตาเรสแยกคู่เหล่านี้และสร้างคู่ให้สาวกใหม่ ในขณะที่อันตาเลสเองยังคงใกล้ชิดทางร่างกายกับผู้ติดตามผู้หญิงแต่ละคนแบบไม่มีใครกล้าปฏิเสธ

วันหนึ่งอันตาเรสได้ประกาศว่า ปาโบลและนาตาเลียแฟนสาวของเขาควรเลิกกัน และในขณะที่ปาโบลได้รับคำสั่งให้ไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนในลัทธินี้ คือ แคโรไลนา เวอร์กาส

อันตาเรสกล่าวว่านาตาเลียควรอยู่กับเขา ตามคำพยากรณ์ที่เขาได้รับมา แม้ว่าคำกล่าวอ้างนี้จะน่าตกใจ แต่ไม่มีผู้ติดตามคนใดตั้งคำถามกับผู้นำลัทธิของตนเลย หลายเดือนต่อมา นาตาเลียก็ตั้งครรภ์ และแน่นอนว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของอันตาเรสอย่างแน่นอน ผู้นำลัทธิค่อนข้างตกใจกับสิ่งนี้ ในขณะที่เขาอ้างว่าเชื่อว่าเขาจะไม่มีวันมีลูกเลย

นั้นส่งผลต่อความศรัทธาของอันตาเรสโดยตรง เด็กที่เกิดมาก็จะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขา เขารู้ดีว่าการเลี้ยงดูเด็กในลัทธิคงเป็นเรื่องลำบากมาก และหากถูกปล่อยสู่โลกภายนอก ก็จะนำความสนใจของโลกไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมายของเขาอย่างแน่นอน อันตาเรสต้องกำจัดเด็กออกไปในทางใดทางหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงเริ่มอ้างว่าทารกในครรภ์ของ นาตาเลีย เกร์รา เจเคียร์ น่าจะเป็นลูซเฟอร์ที่กำลังจะเกิดมาเพื่อฆ่าผู้นำทางจิตวิญญาณอย่างเขา นั่นทำให้นาตาเลีย ไม่เคยไปฝากครรภ์กับหมอที่โรงพยาบาลเลย ไม่เคยมีการตรวจครรถ์ ไม่เคยมีการฉีดยาป้องกันการแท้งใด ๆ ทั้งสิ้น

อันตาเรส ยังอ้างว่าเด็กจะเกิดในเดือนธันวาคม หลังจากตั้งครรภ์ได้สิบเดือน  แต่นาตาเรียไม่สามารถขัดต่อกฎแห่งธรรมชาติได้ และทารกก็พร้อมที่จะเกิดในเดือนพฤศจิกายน 2012 ซึ่งสร้างปัญหาให้กับลัทธินี้ อันตาเรส พยายามหลายครั้งเพื่อให้ทารกเกิดในสถานสงเคราะห์ภายใจ้การดูแลโดยผู้ติดตามของเขาเอง โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์ใด ๆ เลย

อันตาเรส ได้ให้สมาชิกทุกคนย้ายเข้าไปอยู่ในหุบเขากอลลิกวัย ชิลี โดยเช่าพื้นที่ที่มีกระท่อมเสื่อมโทรมหลังหนึ่ง จากชายชราผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ และในคือ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2012 นาตาเลียเกิดอาการเจ็บท้องอย่างหนัก ทำให้ ปาโบลและแคโรไลนาต้องช่วยกันทำคลอด ภายในสถานที่ที่ไม่อำนวยและไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ใด ๆ เลย ทำให้ปาโบลและแคโรไรนาตัดสินใจพานาตาเลียขึ้นรถกระบะ ขับผ่าป่าออกไปหลายไมล์เข้าเมืองจนไปถึงคลินิกแห่งหนึ่งใน เรนากา โดยแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าได้พบหญิงสาวคนนึงอยู่ข้างทางและกำลังเจ็บท้องอย่างหนักจึงช่วยกันพามาที่คลินิกนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก็ไม่ได้สงสัยอะไรเลย เมื่อคลอดลูกเสร็จวามวัน ก็ได้พาลูกกลับเข้ามาในหุบเขาตามเดิม เด็กชายขื่อว่า เฆซุส กัสติลโล

อันตาเลส กล่าวอ้างอีกครั้งว่าเฆซุสนั้นชั่วร้ายอย่างแท้จริงและเป็นอวตารของปีศาจ เป็นลูซิเฟอร์และนี่คือตอนที่เขาก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายที่สุดของเขาและร้ายแรงที่สุดเท่าที่เมืองกอลิกวัยเคยมีมา

#จุดสิ้นสุดลัทธิกอลิกวัย
เพียงสามวันหลังจากเฆซุสเกิดขึ้นมา ซึ่งตรงกับวันที่ 23 พฤศจิกายน 2012 คือวันนั้น อันตาเรสได้สั่งให้ปาโบลขุดหลุม แล้วให้ไปหาฟืนจำนวนมาก ก่อกองไฟให้ลุกโหมตลอดเวลา ส่งให้ปาโปลและแคโรไรนานำเฆซุส กัสติลโลวางบนกระดานไม้และปิดปากของเขาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้กรีดร้องหลังจากนั้นสมาชิกลัทธิก็สวดมนต์ตามหลักศาสนา

จากนั้นอันตาเลสก็โยนเขาลงในหลุมไฟก็เพื่อไม่ให้มีร่องรอยการกระทำผิดของเขาหลงเหลืออยู่ โดยอ้างกับผู้ติดตามของเขาว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการทำลายความชั่วร้าย

แม้ว่าผู้ติดตามจะตกใจและเสียใจมากกับการกระทำนี้ แต่ก็ยังตัดสินใจที่จะเชื่อในตัวเขาและยังคงภักดีต่ออันตาเรสต่อไป อันตาเรส บอกกับสาวกของพวกเขาว่าอย่าเสียใจไปเพราะวันสิ้นโลกใกล้จะเข้ามาถึงภายในวันที่ 21 ธันวาคมปี 2012 นี้แล้วไม่ว่ายังไงทุกคนในโลกนี้ก็ต้องตายไปพร้อมกัน

อย่างไรก็ตามวันที่ 21 ธันวาคมปี 2012 ก็มาถึง เหล่าสาวกก็ตั้งตารอ เวลาที่พระอาทิตย์จะลาลับขอบโลก และทุกคนในโลกนี้ก็จะเข้าถึงวันสิ้นโลกพร้อมกัน แต่เมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบโลกไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น โลกไม่ได้ถูกทำลายตามที่อันตาเลสได้บอกเอาไว้ อันตาเรสบอกให้คนดำเนินต่อไป อ้างว่าวันโลกาวินาศถูกเลื่อนออกไป จะเกิดขึ้นในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2017 หรืออีก 5 ปีข้างหน้าต่อจากนี้

อันตาเรสสั่งให้สาวกต้องย้ายไปเอกวาดอร์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันโลกาวินาศ แต่ถึงขณะนั้นสาวกของเขาหลายคนไม่แยแสอันตาเรสอีกต่อไป เพราะทุกคนตระหนักดีว่าไม่มีเงินเหลืออีกต่อไปแล้ว หลายคนเป็นหนี้ท่วมหัว เพราะไม่มีงานทำ  พวกไม่เชื่อชายคนนี้อีกต่อไป ไม่เชื่อว่าจะมีวันสิ้นโลกในอักห้าปีข้างหน้า แม้แต่ปาโบล นาตาเลีย และแคโรไรนาก็ยังออกจากลัทธิจนได้โดยหนีออกจากกอลิกวัยและย้ายไปซ่อนตัวเมืองใกล้เคียง

#เกิดอะไรขึ้นกับอันตาเรสและสมาชิกลัทธิ
ทันทีที่ภาพลวงตาของวันโลกาวินาศที่อันตาเรส เด ลา ลุซพังทลายลง ปาโบลและนาตาเลียก็ตระหนักถึงความผิดมากมายที่อันตาเรสสั่งให้ทำมาตลอดสองสามปีที่ผ่านมา รวมถึงการฆาตกรรมเฆซุส กัสติลโลด้วย

ทั้งสองคนนี้เป็นคู่แรกที่ได้รายงานการกระทำของอันตาเรสนี้ต่อเจ้าหน้าที่ สาภาพทุกอย่างที่ได้กระทำมา บอกพ่อแม่ของเขาว่าตลอดสามปีที่ผ่านมาเขาโกหกซึ่งแท้จริงแล้วมาอยู่กับลัทธิคลั่งศาสนา

และตำรวจชิลีก็เริ่มสืบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ตำรวจใช้เวลาไม่นานนักในการหาเบาะแสและหลักฐานที่สนับสนุนคำกล่าวอ้างของทั้งคู่ รวมถึงการค้นหาซากของเฆซุส กัสติลโลที่ถูกเผาอยู่ในหลุมด้วย เมื่อเหตุการณ์แปลกประหลาดเริ่มถูกสื่อมวลชนให้ความสนใจ เหล่าบรรดาสาวกของลัทธิก็ต่างพากันมามอบตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ และทุกคนก็ให้การว่าถูกเจ้าลัทธิครอบงำและสั่งให้กระทำในทุกสิ่งโดยที่พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ นั่นก็คือจุดแตกหักสุดท้ายว่าลัทธิกอลิกวัยขิงอันตาเรสแตกสลายอย่างแท้จริง ทุกคนที่เป็นอดีตสาวกพยายามทำให้ตำรวจเชื่อว่าพวกเขานั้น ก็คือผู้ที่จะกระทำเช่นกัน ทุกคนคือผู้ที่ถูกควบคุมทางจิต

อันตาเรส เด ลา ลุซได้หนีไปยังเปรู พร้อมกับเงินติดตัว 15 ล้านเปโซชิลีอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าสมาชิกลัทธิที่เหลือก็ถูกจับกุมเช่นกัน และปาโบลและนาตาเลียก็เต็มใจที่จะถูกลงโทษในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรมของผู้นำลัทธิของพวกเขา อันตาเรสยังคงหายตัวไปเป็นเวลาสองสามเดือนใจเปรู ทำให้ทางตำรวจของชิลีต้องประสานงานไปในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ตำรวจสืบสวนแห่งเปรูก็เริ่มตามไล่ล่าไปทั่วประเทศโดยทุ่มกำลังคนมากกว่า 1,200 นาย และในเดือนพฤษภาคมปี 2013 ในที่สุดอันตาเรสก็จบชีวิตตัวเองเพื่อหนีความผิดในเปรู

ผู้ติดตามลัทธิที่เป็นอันตรายซึ่งตอนนี้ได้ตระหนักถึงสิ่งเลวร้ายที่พวกเขาได้เห็นแล้ว รู้สึกหงุดหงิดที่เข้าใจได้ว่าผู้กระทำความผิดหลักนั้นไม่สามารถมารับโทษได้ เมื่อการพิจารณาคดีในศาลเริ่มขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ จิตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตได้ขอให้ปล่อยตัวอดีตสมาชิกลัทธิดังกล่าวโดยไม่มีการดำเนินคดีทางอาญา อันเป็นตามที่พวกเขากล่าวอ้างว่าพวกเขาถูกล้างสมองอย่างรุนแรงและทำให้เชื่อในการโกหกโดยสิ้นเชิง และการตรวจสอบทางจิตวิทยากับพวกเขายังเผยให้เห็นว่าพวกเขาไม่ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะต้องรับโทษ ในทางกลับกันเจ้าหน้าที่ก็รู้ดีว่าไม่สามารถปล่อยให้ผู้ร่วมก่อเหตุฆาตกรรมเฆซุส กัสติลโลเดินจากไปโดยไม่มีผลกระทบใด ๆ ซึ่งประชาชนชาวชิลีคงไม่สามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน จึงทำให้มีการเชิญจิตแพทย์มาวิเคราะห์ การวิเคราะห์ของจิตแพทย์ผู้ประเมินอีกต่อหนึ่ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ ก็ได้ให้การในผลที่ต่างออกไป

ท้ายที่สุด ปาโบลได้ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี และสมาชิกคนอื่นด้วย จาดนั้นก็ได้ถูกปล่อยตัว ลังจากการถูกต้องจำ 2 ปีโดยทัณฑ์บน ส่วนนาตาลีได้หนีการจับกุมของตำรวจ แต่ตำรวจก็สามารถตามไปจับได้ เธอจึงถูกตัดสินให้จำคุก 5 ปีและก็ถูกปล่อยตัวจากการถูกจองจำ 2 ปีโดยทันฑ์บนเช่นกัน ทั้งหมดถูกคุมประพฤติ สำหรับชายและหญิงที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของลัทธิวันโลกาวินาศที่เป็นอันตราย ปัจจุบันยังคงได้รับความช่วยเหลือฟื้นคืนสภาพจิตใจในการกลับคืนสู่สังคมอีกครั้ง

จากนั้นเรื่องราวของ The Doomsday Cult of Antares de la Luz ลัทธิวันสิ้นโลก และเรื่องราวของ ราโมน กัสติลโล กาเตเจ้าลัทธิคลั่งแห่งชิลี ก็จบลง ณ ตรงนี้

#บทวิจารณ์ภาพยนตร์
The Doomsday Cult of Antares de la Luz ลัทธิวันสิ้นโลก ก็เป็นภาพยนตร์สารคดีขนาดสั้นมีความยาวเพียงแค่ 1 ชั่วโมง 20 นาที พี่เผยแพร่ทาง Netflix ออกฉายในเดือนเมษายน ปี 2024 ก็นับว่ามีลีลาการเล่าเรื่องที่ไม่ต่างไปจากสารคดีที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับลัทธิคลั่งวันสิ้นโลกที่ฉายมาแล้วหลายต่อหลายเรื่องใน netflix เลย และโดยส่วนตัวก็รู้สึกว่าภาพรวมของภาพยนตร์นั้น ก็มีความธรรมดา เราได้เห็นภาพในการ ก่อเหตุต่างๆนั้นน้อยมาก แม้แต่ภาพของผู้ที่อ้างตนว่าเป็นศาสดาหรือพระเจ้าอวตารมาเกิดนั้นก็แทบไม่เห็นอะไร เห็นเพียงแค่ภาพคอมพิวเตอร์กราฟิกและบุคคลที่มีลักษณะใกล้เคียงนำมาแสดงอาการออกท่าทางนิดหน่อยเท่านั้นเอง

ส่วนในด้านความรุนแรงของลัทธินั้นโดยส่วนตัวกับรู้สึกว่า แม้ว่าจะมีความรุนแรงในระดับจิตใจของผู้คนที่ได้รับรู้เรื่องราว แต่ความรุนแรงในระดับสังคมและระดับชาตินั้นหากไปเทียบกับเจ้าลัทธิคลั่งวันสิ้นโลกคนอื่น ๆ ก็ถือว่าราโมน กัสติลโล กาเต หรือ อันตาเรส เด ลา ลุซ เป็นขนมไปเลย ก็ขอยกตัวอย่างเจ้าลัทธิคลั่งวันสิ้นโลกที่สร้างวีรกรรมสะเทือนขวัญผู้คนภายในประเทศและระดับโลกเช่น

วอเลนซ์ เจฟ เจ้าลัทธิวันสิ้นโลก คริสตจักรมูลฐานนิยมของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เขาได้สั่งให้สาวกแต่งชุดที่เหมือนกัน ให้ผู้หญิงแต่งกายไม่คิดห้ามเปิดเผยเนื้อหนังมังสาใด ๆ บังคับสาวกให้แต่งงานกันโดยที่สาวกไม่มีสิทธิ์เลือก สาวกหญิงเกือบทุกคนนั้นเป็นภรรยาของเขา ให้สาวทุกคนละทิ้งบ้านของตัวเองแล้วมาอยู่ในชุมชนที่เขาสร้างขึ้น ไล่เด็กหนุ่มออกจากชุมชน บังคับให้เด็กสาวที่มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์แต่งงาน ที่สำคัญในปัจจุบันลัทธินี้ก็ยังไม่ถูกปิดตัว

เดวิท โคเรส เจ้าลัทธิคลั่งวันสิ้นโลก ลัทธิดราวิเดียน เขาได้เกณฑ์เหล่าสาวกเข้าไปอยู่ในชุมชนที่เขาสร้างขึ้น สะสมอาวุธสงครามจำนวนมาก ปลูกฝังแนวความคิดวันสิ้นโลกให้กับสมาชิก บังคับหญิงสาวอย่างน้อย 140 คนให้ร่วมหลับนอนกับตัวเอง แต่ที่เลวร้ายก็คือหญิงสาวทุกคนต่างก็เต็มใจเพราะเชื่อว่าการได้ใกล้ชิดกับเขาก็คือการที่อยู่กับพระเจ้า เมื่อมีเจ้าหน้าที่เข้าปราบปราม เขาก็มอบอาวุธให้กับทุกคนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเด็กและคนชราออกไปจากพื้นที่ จนถูกล้อมปราบอย่างรุนแรงและเผาชุมชนของเขา จนชาวอเมริกันเรียกวันล้อมปราบนั้นว่าวันสิ้นโลกอเมริกัน

พักซุนจา เจ้าลัทธิคลั่งวันสิ้นโลก 5 มหาสมุทร สั่งให้สาวกทุกคนของเธอ กระทำอัตวินิบาตกรรมภายในใต้หลังคาของโกดังโรงงานของเธอมีทั้งสิ้น 19 คน ก่อนหน้านี้เธอได้ ใช้วิธีการจัดการลัทธิ ประเภทแชร์ลูกโซ่ จนทำให้เหล่าสมาชิกหลายคนเสียหายเป็นอย่างมาก จนเมื่อเธอไม่สามารถจัดการระบบของลัทธิได้จึงได้กล่าวอ้าวันสิ่นโลกขึ้น แล้วก็ไปจบชีวิตพร้อมกัน

ส่วนคนสุดท้ายที่จะขอพูดถึงก็คือ จิม โจนส์ เจ้าลัทธิคลั่งวันสิ้นโลก ผู้ก่อตั้งโจนส์ทาวน์ ที่นำสาวก นับพันคนไปอยู่ในชุมชนที่เขาตั้งขึ้น สอนเรื่องวันสิ้นโลก บังคับทุกคนทำงานหนัก กีดกันอิสรภาพของทุกคน จนเมื่อมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ เขาก็เลยสั่งให้ลูกน้องสังหารเจ้าหน้าที่ทันที 5 คน และสั่งให้ลูกน้องประสม cyanide ในเครื่องดื่มให้กับสาวกกิน จนทำให้ให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 900 คน แล้วตัวเขาเองก็เสียชีวิตด้วยการยิงตัวตายเพื่อหนีความผิด

ดังนั้นเมื่อเอาเจ้าหน้าที่คลั่งตัวอย่าง 4 คนนี้ไปเปรียบเทียบกับการกระทำของอันตาเรส ก็จะทำให้เรื่องราวและลัทธิของอันตาเรสนั้นกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลยอย่างที่ว่านั่นเอง

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเรื่องราวของลัทธิคลั่งจนสร้างความเสียหายในระดับชาติ คนตายหลายร้อยคน หรือแม้กระทั่งมีคนเสียชีวิตคนเดียวก็ตาม แต่สิ่งนี้เชื่อว่าทุกคนก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น การที่เราจะศรัทธาใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ความศรัทธาและความเชื่อนั้นมันต้องมาพร้อมกับสติสัมปชัญญะ ต้องใช้หลักกาลามสูตร 10 และควรมีโยนิโสมนสิการร่วมด้วยเสมอ มันจะทำให้ความศรัทธานั้น ไม่แปรเปลี่ยนเป็นความงมงายการเชื่ออย่างขาดสติ หรือไม่ทำให้เจ้าลัทธิชักจูงและไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดีได้

#บทส่งท้าย
เรื่องราวเจ้าลัทธิคลั่งถูกนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์สารคดีมีมากมายฉายอยู่ทาง netflix มีทั้งในรูปแบบของภาพยนตร์จบในตอนหรือในรูปแบบของภาพยนตร์ซีรีส์ ถ้าใครชอบทางนี้ก็สามารถไปรับชมได้ รับรองว่า ไม่ว่าจะเป็นคนไทยคนฝรั่งหรือคนสัญชาติไหนก็ตามเวลาเขาเชื่ออย่างสุดใจแล้วเขาเชื่อจนเราไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ามันจะไปในระดับไหนและเราก็ไม่สามารถจินตนาการเลยได้ว่ามันจะจบลงในแบบที่โหดร้ายอย่างไร

ก็หวังว่าทุกคนที่รับรู้เรื่องราวของอันตาเรส เด ลา ลุซ หรือเรื่องราวของเจ้าลัทธิคลั่งหลายคนนั้น จะมีจิตใจที่เข้มแข็ง ในการต่อสู้กับโรคอันเลวร้ายนี้ได้อย่างที่ไม่หวั่นไหวจนเกิดไป มีสติกับการใช้ชีวิต อยู่กับปัจจุบันมากกว่าอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิต และยอมรับในสิ่งที่เป็นครับ

เนื่องจาก The Doomsday Cult of Antares de la Luz ลัทธิวันสิ้นโลก ถูกนำเสนอในรูปแบบของสารคดี ดังนั้นทางช่อง Super Review Channel จึงขอสงวนสิทธิการให้คะแนนความชอบมา ณ ที่นี้

@วาทิน ศานติ์ สันติ 
#SuperReviewChannel

#TheDoomsdayCultOfAntaresDeLaLuz
#TheDoomsdayCultOfAntaresDeLaLuzNetflix
#สารคดีTheDoomsdayCultOfAntaresDeLaLuz2024
#สารคดีลัทธิวันสิ้นโลก2024
#สารคดีลัทธิวันสิ้นโลกNetflix
#ประวัติเจ้าลัทธิกอลิกวัยชิลี
#ประวัติราโมนกัสติลโลกาเต 
#ประวัติอันตาเรสเดลาลุซ
#ลัทธิวันสิ้นโลกชิลี
#สารคดีเจ้าลัทธิคลั่งNetflix
#ANetflixDocumentary

หมายเลขบันทึก: 718057เขียนเมื่อ 1 พฤษภาคม 2024 21:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม 2024 21:23 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท