กฬายมุฏฐิชาดก


อำมาตย์โพธิสัตว์ผู้สำเร็จราชกิจกราบทูลถึงความประพฤติของลิง

กฬายมุฏฐิชาดก

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

๖. กฬายมุฏฐิชาดก (จากพระไตรปิฎก ลำดับเรื่องที่ ๑๗๖)

ว่าด้วยลิงซัดลูกเดือยทิ้งทั้งกำมือ

             (อำมาตย์โพธิสัตว์ผู้สำเร็จราชกิจกราบทูลถึงความประพฤติของลิงว่า)

             [๕๑] ข้าแต่พระองค์ผู้จอมชน ลิงที่เที่ยวไปตามกิ่งไม้นี้ เป็นลิงโง่แท้ๆ ลิงตัวนี้ไม่มีปัญญา มันซัดลูกเดือยทั้งกำจนหมด แล้วเที่ยวหาลูกเดือยที่ตกลงไปยังพื้นดินกินทีละเม็ด

             (ครั้นพระโพธิสัตว์กราบทูลอย่างนี้แล้ว จึงกราบทูลว่า)

             [๕๒] ข้าแต่มหาราช พวกเราก็ดี ชนเหล่าอื่นก็ดี ที่มีความโลภจัด จะเสื่อมจากประโยชน์ส่วนมาก เพราะประโยชน์ส่วนน้อยเหมือนลิงเสื่อมจากลูกเดือย

กฬายมุฏฐิชาดกที่ ๖ จบ

---------------------------

คำอธิบายเพิ่มเติมนำมาจากบางส่วนของอรรถกถา 

กฬายมุฏฐิชาดก

ว่าด้วย โลภมาก

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภพระเจ้ากรุงโกศล ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
               ความพิสดารมีอยู่ว่า สมัยหนึ่งในฤดูฝน ทางชายแดนของพระเจ้ากรุงโกศลเกิดกบฏ พวกนักรบที่อยู่ ณ ชายแดนนั้น ได้ทำการสู้รบถึงสองสามครั้ง ก็ไม่สามารถเอาชนะข้าศึกได้ จึงส่งข่าวทูลถวายพระราชาให้ทรงทราบ.
               พระราชาเสด็จออกในฤดูฝนอันไม่ควรแก่เวลา จึงทรงจัดตั้งค่ายใกล้พระวิหารเชตวัน ทรงดำริว่า เราออกเดินทางในเวลาอันไม่สมควร ซอกเขาและลำธารเป็นต้น เต็มไปด้วยน้ำ ทางเดินลำบาก เราจักเข้าเฝ้าพระศาสดา พระองค์จักตรัสถามเราว่า มหาบพิตรจะเสด็จไปไหน ครั้นแล้วเราก็จักกราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ พระศาสดาจะทรงอนุเคราะห์เรา เฉพาะประโยชน์ในภายหน้าเท่านั้นก็หามิได้ แม้ประโยชน์ในปัจจุบันก็ทรงอนุเคราะห์เหมือนกัน เพราะฉะนั้น หากเราไปจะไม่เจริญ พระองค์ก็จักตรัสว่า มหาบพิตรยังไม่ถึงเวลาเสด็จ หากจักมีความเจริญ พระองค์ก็จักทรงนิ่ง.
               พระราชาจึงเสด็จเข้าพระวิหารเชตวัน แล้วถวายบังคมพระศาสดา ประทับนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง พระศาสดาตรัสปฏิสันถารว่า เชิญเถิดมหาบพิตร พระองค์เสด็จมาจากไหนแต่ยังวัน. กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ หม่อมฉันจะออกไปปราบกบฏชายแดน มาที่นี้ด้วยคิดว่า จักถวายบังคมพระองค์แล้วจะไป. พระศาสดาตรัสว่า มหาบพิตร แม้แต่ก่อน พระราชาทั้งหลายเมื่อจะยกทัพไป ครั้นได้ฟังคำของบัณฑิตแล้ว ก็ไม่เสด็จไปสู่กองทัพในเวลาอันไม่สมควร.
               ครั้นพระราชาทูลอาราธนา จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาตรัสเล่า
               ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เป็นอำมาตย์สำเร็จราชกิจทั่วไป เป็นธรรมานุสาสก (สอนธรรม) ของพระองค์.
               ครั้งนั้นทางชายแดนของพระองค์เกิดกบฎ ทหารที่ชายแดนส่งสาส์นให้ทรงทราบ. พระราชาเสด็จออกในฤดูฝน ตั้งพักค่าย ณ พระอุทยาน. พระโพธิสัตว์ได้อยู่ใกล้ที่ประทับพระราชา. ขณะพวกทหารนำถั่วดำอาหารม้ามาใส่ไว้ในราง.
               บรรดาลิงในพระราชอุทยาน มีลิงตัวหนึ่งลงจากต้นไม้ ฉวยเอาถั่วดำจากรางนั้น ใส่ปากจนเต็มแล้วยังคว้าติดมือไปอีก กระโดดขึ้นไปนั่งบนต้นไม้ เริ่มจะกิน เมื่อมันจะกินถั่วดำเม็ดหนึ่งหลุดจากมือตกลงไปบนดิน มันจึงทิ้งถั่วดำทั้งหมดทั้งที่อยู่ในปากและที่มือลงจากต้นไม้มองหาถั่วดำนั้น ครั้นไม่เห็นมันจึงกลับขึ้นต้นไม้ใหม่ นั่งเศร้าโศกเสียใจ หน้าซึมอยู่บนกิ่งไม้ เหมือนแพ้คดีไปสักพันคดี.
               พระราชาทอดพระเนตรเห็นกิริยาของลิงจึงตรัสเรียกพระโพธิสัตว์แล้ว ตรัสถามว่า ดูซิ ท่านอาจารย์ ลิงมันทำอะไรนั่น.
               พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า ขอเดชะข้าแต่มหาราช ผู้โง่เขลาไร้ปัญญา ไม่มองถึงของมาก มองแต่ของน้อย ย่อมกระทำเช่นนี้แหละ พระพุทธเจ้าข้า.
               แล้วกล่าวคาถาแรกก่อนว่า :-
               ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมชน ลิงผู้เที่ยวหาอาหารตามกิ่งไม้นี้ โง่เขลายิ่งนัก ปัญญาของมันก็ไม่มี มันสาดถั่วทั้งกำ เสียหมดสิ้นแล้ว เที่ยวค้นหาถั่วเมล็ดเดียวที่ตกลงบนพื้นดิน.
               ครั้นพระโพธิสัตว์กราบทูลอย่างนี้แล้ว จึงเข้าไปยังที่นั้น กราบทูลปราศัยกับพระราชา แล้วจึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
               ข้าแต่พระราชา พวกเราก็ดี ชนเหล่าอื่นที่โลภจัดก็ดี จะต้องละทิ้งของมากเพราะของน้อย เหมือนลิงเสื่อมจากถั่วทั้งหมด เพราะถั่วเมล็ดเดียวแท้ๆ.
               ความย่อในคาถานั้นมีดังนี้
               พระโพธิสัตว์ถวายโอวาทแด่พระราชาว่า ข้าแต่มหาราช พวกเราก็ดี ชนเหล่าอื่นที่ถูกความโลภครอบงำก็ดี ทั้งหมดนั้น ย่อมเสื่อมจากของมาก เพราะของน้อย ด้วยว่า บัดนี้ พวกเราจะเดินทางไปในฤดูฝนอันมิใช่กาลสมควร ย่อมเสื่อมจากประโยชน์มาก เพราะเหตุประโยชน์เล็กน้อย.
               เหมือนลิงตัวนี้แสวงหาถั่วเมล็ดเดียว เสื่อมแล้วจากถั่วเป็นอันมาก เพราะถั่วเมล็ดเดียวนั้น ฉันใด แม้พวกเราในบัดนี้ก็ฉันนั้น กำลังจะไปในที่อันเต็มไปด้วยซอกเขาและลำธารเป็นต้น โดยมิใช่กาล แสวงหาประโยชน์เล็กน้อย แต่จักเสื่อมจากพาหนะช้าง พาหนะม้าเป็นต้นมากมายและหมู่นักรบ เพราะฉะนั้น ไม่ควรไปในเวลาอันมิใช่กาล.
               พระราชาสดับถ้อยคำของพระโพธิสัตว์นั้น แล้วเสด็จกลับจากที่นั้น เข้าสู่พระนครพาราณสีทันที. แม้พวกโจรได้ข่าวว่า พระราชาเสด็จออกจากพระนคร โดยพระประสงค์จะปราบปรามพวกโจร จึงพากันหนีออกจากชายแดน.
               แม้ในปัจจุบันพวกโจรได้ยินข่าวว่า พระราชากรุงโกศลเสด็จออก จึงพากันหนีไป. พระราชาสดับพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว เสด็จลุกจากที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า กระทำประทักษิณ เสด็จกลับกรุงสาวัตถี.
               พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
               พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็น อานนท์ ในครั้งนี้
               ส่วนอำมาตย์บัณฑิต คือ เราตถาคต นี้แล.

               -----------------------------------------------------            

 

คำสำคัญ (Tags): #อำมาตย์บัณฑิต
หมายเลขบันทึก: 717805เขียนเมื่อ 3 เมษายน 2024 04:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 เมษายน 2024 04:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท