บทนำ มหานิบาตชาดก


ชาดก เป็นการรวมคาถาแสดงคติธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญเพียรสร้างบารมีในอดีตชาติ

บทนำ

มหานิบาตชาดก

ชาดก เป็นการรวมคาถาแสดงคติธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญเพียรสร้างบารมีในอดีตชาติ และมีคาถาภาษิตของผู้อื่นปนอยู่บ้าง เริ่มตั้งแต่เรื่องที่มีคาถาเดียว (เอกนิบาต) จนถึงเรื่องถึงเรื่องมีคาถามากมาย (มหานิบาต) จบลงด้วยมหาเวสสันดรชาดก ซึ่งมี ๑,๐๐๐ คาถา รวมเป็น ๕๔๗ ชาดก ดังแสดงอยู่ในพระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ (มี ๕๒๕ เรื่อง) และเล่มที่ ๒๐ (มี ๒๒ เรื่อง)

บทความที่รวบรวมมาเป็นมหานิบาตชาดกนี้ นำมาจากโปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่มีอยู่ในโลกออนไลน์คือ   https://84000.org/tipitaka/  โดยในส่วนของคาถาจะนำมาเสนอทั้งหมด แต่ส่วนที่เป็นอรรถกถาที่เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมของโบราณคณาจารย์ ซึ่งเป็นส่วนคำอธิบายอยู่ในอรรถกถา มีทั้งการเล่าเรื่องราวอย่างละเอียดพอสมควรต่อความเข้าใจ และอธิบายคำแปลจากภาษาบาลีว่าแปลเป็นไทยว่ากระไร เฉพาะส่วนที่เป็นคำแปลภาษาบาลีนั้น กระผมได้ทำการตัดออกไปเพื่อไม่ให้ก่อเกิดความสะดุดสำหรับผู้ที่ไม่ได้สนใจในคำภาษาบาลี (ผู้ที่ต้องการอ่านส่วนของอรรถกถาซึ่งเป็นคำอธิบายฉบับเต็ม ก็สามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้จากแหล่งอ้างอิงข้างต้นได้ในเว็บไซต์ที่ได้กล่าวมา)

ชาดกในมหานิบาตมี ๑๐ เรื่อง ได้แก่ ๑. เตมิยชาดก (ว่าด้วย พระเจ้าเตมีย์ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมี)  ๒. มหาชนกชาดก  (ว่าด้วย พระมหาชนกทรงบำเพ็ญวิริยบารมี) ๓. สุวรรณสามชาดก (ว่าด้วย สุวรรณสามบำเพ็ญเมตตาบารมี) ๔. เนมิราชชาดก (ว่าด้วย พระเจ้าเนมิราชทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี) ๕. มโหสถชาดก (ว่าด้วย พระมโหสถบัณฑิตทรงบำเพ็ญปัญญาบารมี)  ๖. ภูริทัตชาดก (ว่าด้วย พระเจ้าภูริทัตทรงบำเพ็ญศีลบารมี) ๗. จันทกุมาร (ว่าด้วย พระจันทกุมารทรงบำเพ็ญขันติบารมี) ๘. มหานารทกัสสปชาดก (ว่าด้วย พระมหานารทกัสสปะทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมี) ๙. วิธุรชาดก (ว่าด้วย พระวิธูรบัณฑิตทรงบำเพ็ญสัจจะบารมี) และ  ๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (ว่าด้วย พระเวสสันดรทรงบำเพ็ญทานบารมี) เมื่อกระผมได้อ่านจบทั้ง ๑๐ เรื่องแล้วทำให้เกิดการเรียนรู้ดังนี้

  1. ชาดก เป็นหนึ่งในวิธีการอบรมสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้เทศน์โปรดพุทธบริษัททั้งสี่ ที่ในสมัยปัจจุบันนี้เรียกว่าการเล่าเรื่อง (Story Telling) ซึ่งเป็นการสื่อสารประเภทหนึ่งที่ได้ผลดีกับบุคคลที่ได้รับฟัง เพราะเป็นเสมือนการเล่านิทานให้ฟัง ทำให้บุคคลที่รับฟังอยู่รู้สึกสนุก ทำให้ตั้งใจรับฟังติดตามเรื่องราวด้วยดี
  2. ทำให้เราเข้าใจเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารของบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลาย ว่าตราบใดที่สัตว์ต่าง ๆ ยังไม่หมดสิ้นกิเลสตัณหา (ที่เป็นเชื้อเกิด ทำให้ยังคงต้องเกิดอีกต่อไป) ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นวงจรนี้ได้ ต้องเป็นไปตามผลของกรรม ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม เพราะในชาดกมีตัวอย่างของชีวิตของผู้คนหรือสัตว์ ที่มีทั้งได้เสวยกรรมดีและกรรมชั่วที่ตนเองได้กระทำไว้ ดังที่พระพุทธองค์ได้แสดงไว้ว่า ตามผลแห่งกรรมที่ทำไว้ในอดีตชาติ 
  3. เมื่อทรงเทศนาชาดกจบทุกครั้ง จะสรุปว่าบุคคลในอดีตที่กล่าวถึงในสมัยพุทธกาลคือผู้ใดที่มาเกิดในสมัยพุทธกาล เช่น เป็น พระพุทธเจ้าเอง เป็นสาวก เป็นสาวิกา อุบาสก อุบาสิกา เป็นพระราชา ฯลฯ  พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มากล่าวแล้ว จึงทรงประกาศอริยสัจ ในเวลาจบจะมีพุทธบริษัทที่เลื่อมใสเช่น พระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พระราชา มหาอำมาตย์ ตลอดจนประชาชนทั้งหลายที่เข้าเฝ้า ได้มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุมรรค บรรลุผล ตามเหตุตามผลที่แต่ละคนได้บำเพ็ญเพียรสร้างบารมีมา
  4. ในมหานิบาตชาดก สมัยที่พระพุทธเจ้ายังเป็นพระโพธิสัตว์ตลอดจนถึงพระชาติสุดท้ายคือพระเวสสันดรนั้น ในแต่ละชาติจะบำเพ็ญบารมีครบทั้งสิบประการ เพียงแต่พระบารมีประการหนึ่งใดที่โดดเด่นมากเป็นพิเศษ จนสามารถยกมาแสดงเป็นแบบอย่างให้ผู้ที่ได้รับฟังในสมัยนั้น จนถึงปัจจุบัน และในอนาคตต่อไป (จนกว่าจะสิ้นสุดของพระพุทธศาสนา) ได้เรียนรู้และเกิดศรัทธาปสาทะตามแก่เหตุสืบไป

ดังนั้น การพวกเราที่ได้เกิดมาในวาระสมัยกึ่งพุทธกาลล่วงไปแล้ว นับว่ายังมีวาสนาที่ได้มาพบพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธไตรโลกนาถยังมีความสมบูรณ์ ไม่ได้ยากลำบากในการค้นคว้าเหมือนในสมัยโบราณที่ต้องศึกษาเล่าเรียนจากอักษรขอมอักษรธรรม และจำต้องมีครูบาอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถเข้าใจในคำสั่งสอนช่วยอธิบายจึงจะสามารถเรียนรู้ได้ ในสมัยปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ เจริญก้าวหน้า สามารถค้นคว้าหาความรู้ได้สะดวกกว่ามากมายหลายเท่านัก จึงควรที่พวกเราเร่งขนขวายเรียนรู้ในสิ่งที่พระชินสีห์ศาสดาเจ้าได้ชี้ทางอันประเสริฐไว้แล้ว

พุทธศาสนิกชนสมควรศึกษาการบำเพ็ญเพียรของพระพุทธองค์ ก่อนที่จะมาตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสิบพระชาตินี้ หรืออย่างน้อยที่สุด ควรได้ศึกษาในการที่องค์เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร ที่คนไทยที่มีศรัทธาในพุทธศาสนามีความนิยมเชื่อถือตั้งแต่โบราณกาลว่า การได้ฟังเทศน์เวสสันดรชาดกครบทุกกัณฑ์แล้ว บุญพาวาสนาส่งประกอบกับแรงอธิษฐานจะทำให้ได้พบกับพระศรีอาริยเมตตรัยในอนาคตกาลเบื้องหน้า ซึ่งเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้เป็นพระองค์ถัดไปในกัปนี้ ที่มีความเชื่อกันว่า ผู้ที่มาเกิดทันร่วมยุคร่วมสมัยกับพระศรีอาริยเมตตรัยสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น จะเป็นยุคที่มีแต่คนดีมีเมตตา ยึดมั่นในศีลในธรรม มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสบาย ปรารถนาสิ่งใดก็จะสำเร็จ ด้วยผลบุญกุศลที่ได้ทำมาแล้วด้วยดี และเมื่อได้สดับพระธรรมคำสั่งสอนก็จะบรรลุพระอรหัตผลได้โดยง่าย

ขอให้ทุกท่านที่ได้อ่านและได้เรียนรู้จากมหานิบาตชาดก ที่เป็นส่วนหนึ่งของพระธรรมที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกนี้ จงมีศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งที่อาศัยอันอุดมมงคลยิ่ง หมั่นทำทาน รักษาศีลตามสภาวะของตน และเจริญจิตภาวนาให้สมควรต่อการเกิดปัญญาที่จะรู้ตามพระสัจจธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ ตามที่พระพุทธองค์มีพระมหากรุณาพากเพียรเทศนาสั่งสอนสัตว์โลกทั้งหลายในสมัยที่ยังทรงพระชนชีพอยู่ถึง ๔๕ ปี และต่อมาได้มีการรวบรวมและสังคายนาพระธรรมคำสั่งสอนอันประเสริฐยิ่งนี้อีกหลายครั้งให้ยังคงมีอยู่จนถึงยุคปัจจุบัน ผลบุญกุศลที่ท่านทั้งหลายได้กระทำแล้วด้วยดีไม่ประมาทในชีวิต ด้วยการละการทำชั่ว ประพฤติในบุญกุศล และเจริญจิตภาวนา จงส่งผลให้ท่านทั้งหลายถึงแดนพระนิพพานอันเกษม ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกต่อไป ในอนาคตกาลเบื้องหน้า ทุกท่านทุกคนเทอญฯ

พลตรี มารวย ส่งทานินทร์

มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗

*********************************

หมายเลขบันทึก: 717766เขียนเมื่อ 28 มีนาคม 2024 13:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม 2024 13:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท