สรุป รีวิวสารคดี Lover, Stalker, Killer: คนรัก สตอล์กเกอร์ ฆาตกร (2024)


สรุป รีวิวสารคดี Lover, Stalker, Killer: คนรัก สตอล์กเกอร์ ฆาตกร (2024) ที่สุดของเรื่องราวคดีอาชญากรรมที่ซับซ้อนของพ่อหนุ่มหล่อเลือกได้กับรักสามเศร้าที่กลายเป็นคดีฆากรรมอลเวง

#ดูคลิปที่นี่

#บทนำ
นี่คือสารคดีอาชญากรรมสุดเหลือเชื่อ เล่าเรื่องราวของพ่อหนุ่มหล่อเลือกได้ กับการถูกคุกคามโดยสาวจากเวปจับคู่ที่เธอหึงหวงจนจิดกัดไม่ปล่อย ทำให้เราตั้งคำถามถึงความหลงใหลั่งไคล้สามารถยกระดับไปถึงโศกนาฏกรรมไปได้อย่างไร ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกหนาวเหน็บและงุนงงจนต้องร้องโอละพ่อออกมาเลยทีเดียว

สารคดีเป็นการบอกเล่าเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2012 ถึง 2017 อย่างละเอียด ทำให้รู้สึกว่าเรื่องราวมันห่างไกลจากความเป็นจริงเหลือเชื่อ และนี่คือรักสามเส้าที่บิดเบี้ยวและซับซ้อนระหว่าง เดวิด ครูปา, คารี ฟาร์เวอร์ และ ลิซ โกยาร์ ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังอ่านนิยายสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมระทึกขวัญจากนักเขียนชั้นยอดยกเว้นเสียแต่ว่ามันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด และนี่คือเรื่องจริง Lover, Stalker, Killer สุดยอดสารคดีจาก Netflix

#รักว้าวุ่นของชายหนุ่มช่างเครื่องยนตร์
คดี Lover, Stalker, Killer ที่เริ่มต้นในปี 2000 เล่าเรื่องของชายหนุ่มช่างเครื่องยนต์รถบรรทุก ที่วันหนึ่งเขาได้พบกับเอมี่หญิงสาวที่น่ารักแสนสดใสในที่ทำงาน ทั้งสองรักกันอย่างรวดเร็วและตกลงปลงใจมีครอบครัว มีลูกน้อย 2 คน แต่แล้วทั้งสองก็มีอันต้องแยกทางกัน เอมี่ตัดสินนำลูกทั้งสองกลับบ้านที่โอมาฮา รัฐเนบราสกา แต่เดวิทเองก็ไม่สามารถทำใจห่างลูกได้ จึงตัดสินใจย้ายที่อยู่ไปโอฮามาด้วย เพราะเขาคิดว่าแม้จะเลิกรากับภรรยาไปแล้วแต่ก็ยังสามารถดูแลลูกของเขาร่วมได้ นั่นตรงกับปี 2012

เดวิด ครูปา แม้จะเป็นโสดแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงเป็นชายหนุ่มที่ยังมีอารมณ์เปลี่ยวเหงาและกลัดมัน เขาจึงตัดสินใจเข้าสู่แหล่งหาคู่ออนไลน์ เขาสร้างโปรไฟล์สำหรับเว็บไซต์หาคู่ Plenty of Fish และไม่นานก็จับคู่กับ ลิซ โกยาร์ ได้ ทั้งสองคนมีอะไรที่เหมือนกัน หย่าร้างกับคู่รักของตัวเอง และมีลูกเหมือนกัน จากนั้นก็นัดเที่ยวแล้วก็คลิกกันได้ทันที แต่เดวิดเน้นย้ำถึงความจริงที่ว่าเขาไม่ต้องการผูกกมัด และลิซดูเหมือนจะเห็นด้วยในเรื่องนี้ แล้วทั้งสองก็ห่างกันไป

หลังจากนั้นไม่นาน เดวิดก็จับคู่ใหม่กับเว็บไซต์หาคู่อีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้พบกับ คารี ฟาร์เวอร์ หญิงสาวมีลูกติดที่น่ารักและมีแม่แสนอบอุ่น และทั้งสองเริ่มคบหากัน  ในไม่ช้าเดวิทและคารีก็สนิทสนมกัน และเธอมักจะมาพักที่อพาร์ตเมนต์ของเดวิดเสมอเนื่องจากอยู่ใกล้ที่ทำงานของเธอ  

แต่แล้วในค่ำคืนของวันหนึ่ง ลิซก็ปรากฏตัวที่อพาร์ตเมนต์ของเดวิดเพื่อเก็บข้าวของของเธอ และนั่นทำให้ลิซได้เห็นคารีด้วย เมื่อแรกเห็น มันเป็นการเผชิญหน้ากันแบบไร้เดียงสา แม้ว่าจะดูอึดอัด โดยที่ผู้หญิงทั้งสองสบตากันไม่กี่วินาที แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ตอนนี้ก็ชัดเจนว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาจะเปลี่ยนชีวิตของทุกคนที่เกี่ยวข้องไปตลอดกาล

ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาคารีส่งข้อความหาเดวิท เพื่อแสดงความประสงค์จะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน  เมื่อเดวิทเตือนเธอถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกขาด คารีก็แสดงปฏิกิริยากลายเป็นศัตรูและเริ่มส่งสัญญาณว่าเธอคือภัยคุกคาม เช่นการส่งข้อความว่า "ชีวิตของคุณจะต้องพินาศ" เป็นต้น

#การหายตัวไปและการคุกคามของคารีฟาร์เวอร์
จากนั้นดูเหมือนคารี ก็ได้หายตัวไปจากโลกอย่างไร้ร่องรอย  แม้ว่าจะไม่มีใครเห็นคารีเลย แต่เธอก็ยังคงมีปฏิสัมพันธ์กับเดวิดผ่านทางข้อความที่ถูกส่งมาหาเดวิดอย่างน้อยวันละ 120 ข้อความ โดยมากจะเป็นข้อความข่มขู่ ด่าทอ โดยเฉพาะการข่มจะทำร้ายลิซทุกวัน

คารีลาออกจากงานโดยส่งใบลาผ่านทางอีเมล และส่งข้อความหาแม่ว่าเธอกำลังจะย้ายไปแคนซัส เพื่อหางานที่ได้ค่าตอบแทนดีกว่า ซึ่งแม่แม้จะสงสัยแต่ก็เชื่อเธอ

แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือ คารีมีหมายเลขโทรศัพท์และรหัสอีเมลที่แตกต่างกันถึง 40 หมายเลข ซึ่งทั้งหมดนี้เธอเคยส่งข้อความเป็นภัยคุกคามคุกคามถึงเดวิด  และสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่ภัยคุกคามที่คลุมเครือเท่านั้น แต่ยังมีข้อความบอกรายละเอียดว่าเขาเคยไปที่ไหน เช่นส่งข้อความบอกว่าเธอได้เห็นเขากำลังนั่งกินกาแฟอยู่ในร้าน และเห็นว่าเคยพบใครบ้างที่พูดคุยกับเขา เพื่อให้รู้ว่ามีคนติดตามเขาอยู่เสมอ  คารียังส่งข้อความที่คล้ายกันถึงเอมี่ อดีตภรรยาของเดวิดด้วย

แต่ภัยคุกคามเสมือนจริงก็เริ่มเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงทีละน้อย เช่น หน้าต่างของเอมี่ถูกทุบ รถของลิซถูกขูด และหนักสุด คารี่ได้วางเพลิงเผาบ้านของลิซทั้งหลัง โชคดีที่ลูกของลิซรอด แต่สัตว์เลี้ยงของเธอเสียชีวิต และในขณะกำลังวางเพลิงนั้นคารี่ก็ได้ส่งข้อความไปบอกเดวิดด้วย

นอกเหนือจากบรรยากาศของความหวาดกลัวและความหวาดระแวงแล้ว ยังมีองค์ประกอบที่ทำให้สับสนอย่างมากในคดีนี้ เนื่องจากคารีจะแสดงการมีอำนาจ และทำให้เห็นว่าเธอเห็นทุกกิจกรรมทุกอย่างในชีวิตของเดวิด แต่ก็ยังไม่มีใครพบตัวเธอคารีเลย แม้แต่ตำรวจท้องถิ่นที่ทำคดีนี้เองก็ไม่พบ เคยมีครั้งหนึ่งที่คาลีส่งข้อความหาเดวิดเพื่อบอกที่อยู่ของเธอ ว่าอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกันกับเดวิดอยู่ เป็นอาคารหมายเลข 12 และเมื่อเดวิดเดินไปหาก็ไม่พบอาคารนั้น ซึ่งก็มีอาคารหมายเลข 11 เท่านั้น นั่นทำให้เดวิดรู้ว่าเขาถูกหลอก และเดวิดถูกติดตามชีวิตอย่างใกล้ชิด

ในที่สุดคดีก็มีความคืบหน้าขึ้น ในปี 2015 เมื่อจ่าสิบเอกเจมส์ โดตี ตัดสินใจสืบคดีจากมุมมองว่าคารีเป็นผู้เสียชีวิตแทนที่จะเป็นมุมมองของผู้สูญหาย  และตำรวจก็มีลางสังหรณ์ว่า คารีแท้จริงแล้วน่าจะถูกฆาตกรรมไปแล้ว และมีคนอื่นใช้ตัวตนของเธอเพื่อการข่มขู่เดวิด  

ด้วยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านไอที เป็นตำรวจอาสาของสำนักงานตำรวจท้องถิ่น ก็สามารถระบุที่อยู่ IP address จากข้อความและอีเมลนับหมื่นฉบับที่ส่งไปหาเดวิดและผู้ใกล้ชิดได้ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกส่งมาจากที่อยู่ของ ท็อดด์ บัตเตอร์บอห์ ลูกน้องของเจ้าหน้าที่ไอทีเอง แล้วสืบไปก็รู้ว่า เขามีความสัมพันธ์กับหญิงสาวคนหนึ่งที่พึ่งย้ายเข้ามาอาศัยได้ไม่นาน ซึ่งนั่นก็คือ ลิซ โกยาร์  เธอย้ายไปอยู่กับท็อดด์หลังจากที่บ้านของเธอถูกไฟไหม้  ด้วยข้อมูลใหม่นี้ ตำรวจก็สามารถนำชิ้นส่วนปริศนาทั้งหมดเริ่มนำมาประกอบเข้าด้วยกัน

และเมื่อเฉลย ทุกคนต่างก็โอ้ละพ่อ และไม่อยาจจะเชื่อว่าเรื่องราวมันจะหักมุมแรงมากกว่า Se7en หนังของเดวิด ฟินเชอร์ซะอีก

#คดีพลิกกับการเปิดเผยตัวผู้ร้าย
กลับกลายเป็นว่าลิซเอง เป็นคนแอบอ้างว่าเป็นคารีมาตลอด 3 ปีมานี้ และเธอก็พยายามเผาบ้านของเธอเองเพื่อเบี่ยงเบนคดีไปในทิศทางที่ผิด และตำรวจก็เชื่อว่าลิซ โกยาร์ก่อเหตุฆาตกรรมคารีไปเมื่อปี 2012

แต่กระนั้น ตำรวจก็ไม่สามารถหาร่างของคารีพบ เมื่อไม่มีร่างกาย ไม่อาวุธสังหาร และไม่มีสถานที่เกิดเหตุ ทางตำรวจก็ไม่สามารถดำเนินคดีฆาตกรรมกับลิซได้ ตำรวจทำได้เพียงสามารถพิสูจน์ได้ว่าลิซแอบอ้างเป็นคารีเท่านั้น  

ด้วยความกระตือรือร้นที่จะคลี่คลายคดีนี้ทางตำรวจจึงมีการเปิดการสอบสวนอีกรอบ ตรวจหลักฐานอย่างละเอียดโดยเฉพาะการตรวจคราบเลือดของคารีและรอยนิ้วมือของลิซจากรถของคารีที่ถูกทิ้งไว้ แล้วก็พบหลักฐานรอยนิ้วมือของลิซจากกล่องใส่ลูกอมที่อยู่ในรถของคารี

ตำรวจเชื่อว่าคารีน่าจะถูกสังหารอยู่ในรถของเธอเอง จึงทำการตรวจหาคราบเลือดในรถอย่างละเอียด แล้วก็พบว่าฟองน้ำในเบาะที่นั่งของคนขับนั้นมีคราบเลือดอยู่ ซึ่งแน่นอนว่านั่นมันคือเลือดของคารี นี่มันก็ทำให้ตำรวจสรุปได้ว่า ริซได้ขึ้นรถของคารี ทำการฆาตกรรมเธอ แล้วก็นำศพของเธอไปทิ้ง ณ ที่ใดที่หนึ่ง และก็นำรถไปจอดทิ้งไว้อีกที่หนึ่งจนตำรวจมาพบเข้า

และในขณะเดียวกัน เดวิดก็ไม่สามารถไว้วางใจสถานการณ์นี้อีกต่อไปได้อีกแล้ว พ่อของเขาจึงซื้อปืนมาให้ แต่เดวิดก็เป็นคนไม่ชอบพกปืนก็เลยเก็บเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าในบ้านของตัวเอง

มีวันหนึ่งเขากลับมาที่บ้านก็พบว่า บ้านถูกรื้อค้น เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบว่าปืนที่พ่อให้มานั้นหายไปจากกล่องแล้ว

ในช่วงค่ำของวันหนึ่ง ลิซได้โทรศัพท์แจ้งความกับตำรวจโดยอ้างว่าเธอถูกเอมี่ อดีตภรรยาของเดวิดใช้ปืนยิงที่ขา แต่ทางตำรวจก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ และเชื่อว่าลิซน่าจะขโมยปืนของเดวิดแล้วนำมายิงขาของเธอเอง ส่วนเอมี่มีข้อแก้ตัวที่ชัดเจนด้วย จึงเห็นได้ชัดว่าลิซยิงตัวเองและพยายามใส่ร้ายเอมี่ และสิ่งนี้ช่วยให้ตำรวจกำหนดรูปแบบของพฤติกรรมรุนแรงได้

เมื่อตำรวจนำลิซเข้ามาสอบปากคำในสถานีตำรวจ ลิซก็ปฏิเสธว่าเธอไม่ได้ก่อเรื่องทั้งหมดนี้ เธอไม่ได้ทำตัวเป็นผู้ติดตามเดวิด ไม่เคยใช้ตัวตนของคารี และอ้างว่าไม่เคยขึ้นรถของคารีแต่อย่างใด ซึ่งทางตำรวจเองก็พยายามเล่นตามน้ำไป เพราะอยากได้เบาะแสจากลิซมากที่สุด และทำให้ริซเชื่อว่าเอมี่คือคนที่หวังเอาชีวิตเธอ

#การหาหลักฐานจับกุม
จากนั้นลิซก็ติดกับดักตำรวจ เธอใช้ตัวตนของเอมี่อีกครั้ง แล้วก็เขียนข้อความกับอีเมลโจมตัวเธอเอง ข้อความขู่ทำร้ายและหมายเอาชีวิตส่งให้ตัวเธอเอง ซึ่งตำรวจก็เตรียมตัวเอาไว้อยู่แล้ว และยิ่งตำรวจทำเป็นว่าไม่ยอมจัดการกับเอมี่มากเท่าไหร่ ลิซก็ทำทีเป็นส่งข้อความมาข่มขู่ตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ซ้ำยังส่งข้อความที่มีการบอกเป็นนัยยะถึงการก่อเหตุฆาตกรรมเครีในรถด้วย

อย่างไรก็ตามตำรวจก็ยังไม่มีหลักฐานมากเพียงพอ ที่จะแจ้งข้อหาว่าลิซนั้นได้กระทำการฆาตกรรมคารี เพราะยังไม่พบศพและอาวุธสังหาร ตำรวจจึงเดินทางไปหาเดวิดเพื่อขอเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่เดวิดมี เดวิดได้ส่งแท็บเล็ตเครื่องเก่าที่แบตเตอรี่เสื่อมไปแล้วให้กับทางตำรวจ

ทางตำรวจนำแท็บเล็ตเครื่องนั้นมาตรวจสอบก็พบว่า มี SD Card เสียบคาอยู่ ถึงแม้ว่าจะถูกลบไปแล้วแต่ทางตำรวจก็สามารถกู้ไฟล์ภาพขึ้นมาได้นับหมื่นภาพ โดยมากภาพส่วนใหญ่ก็เป็นภาพถ่ายของลิซเอง และก็มักจะเป็นภาพเซลฟี่ตัวเองซะด้วย นั่นก็หมายความว่าลิซน่าจะใช้แท็บเล็ตเครื่องนี้เป็นประจำ ทางตำรวจและเจ้าหน้าที่ไอทีก็พยายามค้นทุกภาพเผื่อว่ามีอะไรหลุดพ้นสายตาไป และในที่สุดก็พบภาพหนึ่งเข้าจนได้

และในที่สุดก็พบภาพที่เป็นส่วนหนึ่งเท้าของคารีใน SD Card ของลิซ  ซึ่งแม้จะมองยากแต่ก็พบว่าเป็นชิ้นส่วนของเท้าที่ถูกแยกชิ้นส่วนเอาไว้ และที่สำคัญเท้านั้นมีรูปรอยสักที่เป็นเอกลักษณ์ของคารีอย่างชัด ทั้งหมดนี้เพียงพอที่จะนำมาเป็นพยานวัตถุในการดำเนินคดีกับลิซได้

ในปี 2016 ในที่สุดเธอก็ถูกจับกุมในข้อหาแทงคารีจนตายและทำลายร่างของเหยื่อด้วย  ทางรัฐได้หาอัยการที่เก่งที่สุดมาทำคดีนี้ ต้องมั่นใจว่าลิซจะไม่รอดไปได้อย่างแน่นอน  อย่างไรก็ตามทางอัยการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังหวั่นใจว่าคดีนี้อาจหลุดได้เพราะว่าไม่มีหลักฐานที่เป็นศพ ไม่มีอาวุธสังหาร และไม่มีสถานที่ ก็หวังว่าผู้พิพากษากับทีมคณะลูกขุน จะมองวัตถุพยานแวดล้อมในการตัดสินแทน

#การตัดสินคดี
ในปี 2017 ลิซ โกยาร์ ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆาตกรรมคารี ฟาร์เวอร์โดยเจตนา และวางเพลิงบ้านตัวเอง ในการตัดสินครั้งนี้ แม่ของเครีเองก็เพิ่งจะรับรู้ว่าลูกสาวของเธอนั้นที่หายตัวไปนั้นแท้จริงแล้วคือถูกฆาตกรรม สร้างความเศร้าโศกเสียใจและความหดหู่ใจให้กับใครหลายคนที่ฟังคำตัดสินในวันนั้นด้วย ลิซ โกยาร์ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ได้รับทัณฑ์บนที่ศูนย์ราชทัณฑ์สตรีเนบารสกา  

ในปี 2018 ลิซ โกยาร์ ได้ยื่นขอผู้พิพากษาให้ลดโทษซึ่งศาลก็ปฏิเสธ  ลิซยังคงให้การว่าเธอบริสุทธิ์ และยืนยันว่าฆาตกรตัวจริงยังคงอยู่ข้างนอกนั่น    

การกระทำที่หลอกลวงของลิซ ไม่เพียงแต่ปล้นชีวิตของเครีไปเท่านั้น แต่ยังทำให้ชื่อเสียงของเครีแปดเปื้อนไปด้วย ก่อนจะมีการเฉลยเรื่องราว ทุกคนก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าเครีเป็นวายร้าย เป็นตัวอันตราย ถูกมองว่าเป็นสตอล์กเกอร์ที่พยาบาทและมีพฤติกรรมโหดร้าย มีสภาพจิตใจไม่มั่นคง และเนื่องจากคารีเองป่วยด้วยโรคไบโพลาร์อยู่แล้วเป็นทุนด้วย ดังนั้นการหายตัวไปอย่างกะทันหันของเธอ จึงเป็นประโยชน์ที่ลิซนำมาใช้ในการคุกคามเดวิดกับคนรอบตัวได้ง่าย ซึ่งมันก็เป็นจริงที่ว่าทุกคนต่างก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลย การกระทำที่เป็นอันตรายจึงถูกมองว่าเป็นผลพลอยได้ที่ลิซนำมาใช้นั้นมาจากความผิดปกติของเครีนั่นเอง

#การคืนความชอบธรรม
แต่หลังจากที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเครี แล้ว ก็มีความพยายามที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของเธอขึ้นมาใหม่ คือกองทุนการศึกษาที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนนักเรียนที่กำลังศึกษาต่อในภาคไอที ซึ่งสอดคล้องกับอาชีพของคารีเองในฐานะนักวิเคราะห์โครงการ ในขณะเดียวกันเดวิดเองก็รู้สึกผิดที่ต้องตกเป็นเป้าของเหตุการณ์นี้มาโดยตลอด

ปัจจุบัน เดวิดใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในเนบราสกากับมาร์กี้ โฮเวอร์ คู่รักคนใหม่ที่หาได้จากโบกออนไลน์ของเขา เดวิดก็ยังคงปกป้องหมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่อีเมลของเขาอย่างใกล้ชิด ไม่ให้กับคนที่เขาไม่สนิทด้วย แล้วเขาเองก็ยังรู้สึก ว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นนั้นเขาเองที่เป็นต้นเหตุทั้งหมด

จากนั้น เรื่องราวของคดี Lover, Stalker, Killer: คนรัก สตอล์กเกอร์ ฆาตกร ก็จบลง ณ ตรงนี้

#ความรู้สึกหลังดู
Lover, Stalker, Killer ก็นับเป็นสารคดีอาชญากรรมจาก Netflix ที่เล่าเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังจนแปรเปลี่ยนมาเป็นความโกรธแค้นชิงชังและจบลงด้วยเหตุการณ์ฆาตกรรมที่น่าสนใจ และสร้างความประหลาดใจได้ตลอดทั้งเรื่อง มีการลงทุนสูง บรรยากาศของสารคดี และ Production นั้นแทบจะเป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้

นับเป็นสารคดีที่มีการเล่าเรื่องที่กระชับ ฉับไว เล่าเรื่องละเอียด สร้างความตื่นเต้นตลอดตลอดเวลา การตัดต่อเล้าอารมณ์คนดูได้ดีมาก สนุกไม่ต่างกับการดูภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมระทึกขวัญชั้นดีเลยทีเดียว

ก่อนที่เรื่องราวจะเฉลยว่าใครคือผู้ร้ายในช่วงนั้นทำให้เรารู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยเลย และเมื่อเฉลยตัวผู้ร้ายแล้วเราก็ยิ่งเอาใจช่วยทีมสืบสวนสอบสวนให้หาพยานวัตถุมาจับผู้ร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะเรารู้สึกว่านางคนนี้ร้ายเหลือเกิน นางคนนี้โรคจิตเหลือเกินที่จะปล่อยให้อยู่ในโลกภายนอก โดยส่วนตัวก็รู้สึกว่าชอบเจ้าหน้าที่ไอทีของกรมตำรวจของเมืองมาก ๆ เขาดูอัจฉริยะ ทุ่มเทกับงาน แม้กระทั่งจะเข้ารับการผ่าตัดสมองก็ยังต้องละเอาไว้ก่อนจนกว่าจะไขคดีเสร็จ เขาดูเท่มาก ๆ เลย

หากใครเป็นแฟนตัวยงของคดีอาชญากรรมและสารคดีระทึกขวัญ ก็นับว่าสารคดี Lover, Stalker, Killer เป็นสิ่งที่ต้องรับชม และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนถึงความซับซ้อนของความรักในยุคแห่งการหาความรักที่หาได้อย่างง่ายดายเพียงแค่กดจากปลายนิ้วเท่านั้น มีคติเตือนใจว่าอย่าไว้ใจคนในโลกอินเทอร์เน็ตมากเกินไป และแม้จะเห็นเห็นหน้าเห็นตาเห็นตัวกันเป็น ๆ แล้วก็ยังไม่สามารถไว้เนื้อเชื่อใจกันได้ เพราะเราไม่ได้เห็นภายในจิตใจของเขาด้วย ทั้งยังได้เห็นองค์ประกอบทั้งหมดของรูปคดีและการถ่ายทอดที่ลงตัว นำเสรอรอบด้วน การออกเดทออนไลน์ผิดพลาด สามเศร้าของความอิจฉา ริษยา โรแมนติก ภัยคุกคามที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากผู้สะกดรอยตามในชีวิตจริงและในโลกไซเบอร์ การลอบวางเพลิง การฆาตกรรม ตำรวจที่ชาญฉลาด และปัญญาด้านไอทีที่ชาญฉลาดในการไขปริศนา นับว่าครบเครื่องมาก ๆ

#บทส่งท้าย
Lover, Stalker, Killer ก็ถือว่าเป็นสารคดีอาชญากรรมที่มีความลงตัวในด้านการเล่าเรื่องเป็นอย่างมาก ไม่หนักจนเคลียด และไม่แบนจับต้องอะไรไม่ได้ ทุกอย่างลงตัวแบบสุด ๆ สมควรแล้วที่สารคดีจะได้คะแนนความชอบจากนักวิจารณ์จากเวปไซต์ Rontentomatoes ไปถึง 100% ได้คะแนนความชอบจากคนดูไปถึง 80% ต้องยกความดีความชอบให้ แซม ฮอบกินสัน ไปเต็ม สามารถรับชมสารคดีได้ทาง Netflix ไม่มีพากษ์ไทย

เนื่องจาก Lover, Stalker, Killer เป็นสารคดี ทาง Super Review Channel จึงขอเสนอสื่อการให้คะแนนความชอบมา ณ ที่นี้ ทั้ง ๆ ที่ใจอยากจะให้คะแนน 10/10 เหลือเกิน

@วาทิน ศานติ์ สันติ

#SuperReviewChannel
#สารคีอาชญากรรม 
#สารคดีอาชญากรรมจากNetflix
#LoverStalkerKiller2024
#LoverStalkerKillerNetflix
#คนรักสตอล์กเกอร์ฆาตกร
#AnetflixDocumentary

หมายเลขบันทึก: 717714เขียนเมื่อ 24 มีนาคม 2024 07:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มีนาคม 2024 07:59 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท