บทบรรณาธิการของวารสาร Science เรื่อง Earning Respect and Trust บอกว่าความนับถือและเชื่อถือของสังคมอเมริกันต่อวงการวิทยาศาสตร์ตกต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ สื่อแนวคิดให้ความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของวงการวิทยาศาสตร์ โดยว่องไวต่อปัจจัยด้านสังคม
ที่น่าตกใจคือ สังคมอเมริกันมีความเชื่อถือต่ออุดมศึกษาลดลงอย่างฮวบฮาบ ตามผลการศึกษาของ Gallup Pole (๑) ที่บอกผลในรายละเอียดของความเห็นคน ๓ กลุ่มคือ Republican, Independent, Democrat ที่ลดทั้ง ๓ กลุ่ม แต่กลุ่ม Democrat ยังเชื่อถืออุดมศึกษาสูงสุด ที่น่าตกใจคือ คนยิ่งอายุมาก ยิ่งให้คุณค่าอุดมศึกษาน้อยลง
กลับมาที่บทบรรณาธิการของ H. Holden Thorp ท่านชี้ให้เห็นว่า วิทยาศาสตร์ไม่ได้มีเพียงด้านการค้นพบ (discovery) เท่านั้น ยังมี
“other aspects of science—great teaching; communicating; policy-making; and performing the hard intellectual labor of choosing, from the mass of research, those discoveries that deserve publication in a top journal—and then working with authors to make the findings publishable.”
ผมขอเชิญชวนให้คนในวงการวิทยาศาสตร์ และวงการอุดมศึกษาไทยอ่านบทบรรณาธิการสั้นๆ นี้ แล้วย้อนกลับมาพิจารณากระบวนการวิชาการไทย ว่าเราดำเนินกิจกรรมให้สาธารณชนนับถือและเชื่อถือเพียงไร
วิทยาศาสตร์หรือวิชาการไม่ได้มีเพียงด้านการค้นพบสิ่งใหม่ ความรู้ความเข้าใจใหม่ วิธีการใหม่ เท่านั้น ยังมีเรื่องการเรียนรการสอนที่ดี การสื่อสารสาธารณะ และการขับเคลื่อนการนำไปใช้ประโยชน์ทั้งด้านนโยบาย และด้านอื่นๆ รวมทั้งระบบการตีพิมพ์เผยแพร่ทางวิชาการ ที่ต่างก็มีส่วนทำให้สาธารณชนนับถือและเชื่อถือเพิ่มขึ้นหรือลดลง
ผมมีความเห็นว่า ความนับถือเชื่อถือ มาจากมุมมอง หรือการให้น้ำหนักว่า วงการนั้น ทำเพื่อตนเองหรือเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากน้อยกว่ากัน
วิจารณ์ พานิช
๒ ก.พ. ๖๗
ไม่มีความเห็น