ชื่อผลงานทางวิชาการหรือผลงานวิจัยสามารถบอกถึงอะไรได้บ้าง ลองดูจากชื่อตัวอย่างงานวิจัยต่อไปนี้
ไม่ว่าจะเป็นผลงานทางวิชาการของครู ผู้บริหารสถานศึกษาหรือของศึกษานิเทศก์ก็ตามก็จะมีลักษณะหรือองค์ประกอบที่ไม่แตกต่างกันกล่าวคือ
ตัวแปรที่นำมาใช้เขียนในเรื่องจะขึ้นต้นด้วยตัวแปรต้นหรือตัวแปรก่อนแล้วด้วยตัวแปรตามหรือตัวแปรต้นก็ได้ ซึ่งเราสามารถเห็นได้ใรงานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์โดยทั่วไป แต่ใน Style ศน.กิตติ กสิณธารา ผมว่าควรเขียนตัวแปรต้นซึ่งเป็นตัวแปรที่เป็นเหตุก่อนแล้วจึงตามด้วยแปรตามที่เป็นผล เมื่อมีเหตุแป็นแบบนี้จึงก่อให้เกิดผลแบบนี้
ข้อบกพร่องประการหนึ่งที่พบคือในงานวิจัยนั้นศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างแต่ไม่ได้บอกว่าประชากรคืออะไร มีจำนวนเท่าไหร่และใช้วิธีการสุ่มแบบใดเพื่อให้ได้จำนวนกลุ่มตัวอย่างที่ต้องการ
จากตัวอย่างสิ่งที่เป็นประชาการ (Population) คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ครู และครู
การศึกษา สถิติที่ใช้อาจเป็นสถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics)
การเปรียบเทียบ สถิติที่ใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) t – test หรือ Anona
การส่งผลหรือที่ส่งผล สถิติที่ใช้ เป็น Regression Analysis
รูปแบบหรือการพัฒนารูปแบบมีลักษณะของการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) จะต้องมีสำรวจและสังเคราะห์ทฤษฎี (Exploratory Factor Analysis) โดยใช้ตารางสังเคราะห์ (Cross หรือ Synthesis Table) และมีการยืนยันและรับรองรูปแบบ ที่นิยมใช้กันอาจใช้การประชุมกลุ่ม (Focus Group Discussion) การสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ (Connoisseurship) หรือใช้วิธีการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis : CFA) ด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบ (Factors Analysis) และการวิเคราะห์เส้นทาง (Path Analysis) เพื่อตรวจสอบและยืนยันว่าองค์ประกอบที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้นมานั้นตรงกับกรอบแนวคิดที่เราสร้างขึ้นมาหรือไม่
โดยสรุปองค์ประกอบของชื่อเรื่องผลงานทางวิชาการหรืองานวิจัยควรมีองค์ประกอบ VPAS ดังต่อไปนี้
ชื่อเรื่อง = ตัวแปร (Variables)+ ประชากร (Population) + พื้นที่ (Area) + สถิติที่ใช้ (Statistics)
Research Title = Variables + Population + Area + Statistics
นอกจากนั้นการตั้งชื่อเรื่องผลงานทางวิชาการหรืองานวิจัยที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
ปัญหาประการหนึ่งของผู้ทำผลงานทางวิชาการหรืองานวิจัยก็คือไม่ได้สรุปให้เห็นถึงปัญหาการวิจัย (Research Problem หรือ Statement of the Problem) เมื่อได้ไม่ได้สรุปการแก้ปัญหาก็สะเปะสะปะ แก้ปัญหาได้ไม่ตรงจุด และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การประเมินผลงานไม่ผ่าน
ไม่มีความเห็น