การพัฒนาผลงานทางวิชาการสำหรับการเลื่อนเป็นวิทยฐานเชี่ยวชาญทุกตำแหน่ง ไม่ว่าเป็นครู รองผู้อำนวยการสถานศึกษา ผู้อำนวยการสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ต้องเป็นไปตามระดับความคาดหวังของตำแหน่งและวิทยฐานะ ในระดับเชี่ยวชาญก็คือ “การคิดค้นและปรับเปลี่ยน” (Invent and Transform) ส่วนในระดับเชี่ยวชาญต้อง “สร้างการเปลี่ยนแปลง” (Create and Impact)
ปัจจุบันมีผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับดุษฎีบัณฑิตและมีประสบการณ์ในการทำดุษฎีนิพนธ์โดยใช้ “การพัฒนารูปแบบ” เป็นจำนวนมาก ซึ่งนับว่ามีประโยชน์อย่างมากที่จะได้นำความรู้และประสบการณ์นั้นมาพัฒนาต่อยอดในการพัฒนาผลงานทางวิชาการในระดับวิทยฐานะเชี่ยวชาญและเชี่ยวชาญพิเศษเป็นอย่างมาก
ผมมองว่าถ้าผู้วิจัยได้มี “การออกแบบในการพัฒนารูปแบบไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ รูปแบบการบริหาร หรือรูปแบบการนิเทศการศึกษาอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและมีประสิทธิภาพก็จะสามารถส่งผลต่อผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน คุณภาพครูหรือคุณภาพผู้บริหาร และคุณภาพของสถานศึกษาหรือหน่วยงานทางการศึกษาได้อย่างแท้จริง”
ดังนั้น ผู้วิจัยหรือผู้ที่จะพัฒนาผลงานทางวิชาการเพื่อเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญหรือเชี่ยวชาญพิเศษต้องดำเนินการให้เห็นถึง “การคิดค้นและปรับเปลี่ยน” ด้วยการศึกษากรอบแนวคิดทางทฤษฎี (Theoretical or Conceptual Framework) ว่ามีแนวคิดและทฤษฎีอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะศึกษา แล้วนำมาทำการสังเคราะห์ทฤษฎีโดยใช้ตารางสังเคราะห์(Synthesis or Cross Table) เพื่อนำมากำหนดเป็นร่างรูปแบบก่อนนำไปหาประสิทธิภาพของรูปแบบก่อนที่จะนำไปทดลองใช้และใช้จริงต่อไป